บทที่ 24 สิ่งล่อใจของเสี่ยวหลงเปา
บทที่ 24 สิ่งล่อใจของเสี่ยวหลงเปา
ของสิ่งนี้แตกต่างจากอาหารอร่อยทั้งหมดที่พวกเขากินมาก่อน รสชาตินั้นยากจะลืมเลือน!
ทั้งสองคิดในใจว่า แม้แต่อาจารย์ของพวกเขา ก็ยังไม่เคยกินของที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนแน่นอน!
หลังจากกลืนลงไปแล้ว มันก็ยังคงทิ้งกลิ่นหอมไว้ในปาก เนื้อหมูที่เป็นไส้ข้างใน ใช้วิธีผสมเนื้อติดมันกับเนื้อล้วน เนื้อล้วนทำให้หมูมีรสสัมผัส ส่วนมันหมูทำให้น้ำซอสเนียน ไม่ทำให้เนื้อหมูที่เป็นไส้แห้ง ที่สำคัญคือ น้ำมันหมูที่ไหลออกมาจากมันหมูนั้นคือส่วนที่อร่อยที่สุดของไส้ซาลาเปา กลิ่นหอมของหมูถูกขับเน้นออกมาอย่างเต็มที่
ทำให้คนหยุดกินไม่ได้!
อร่อยมาก!
คนทั้งสองอดใจไม่ไหว ใช้ตะเกียบคีบซาลาเปาลูกที่สอง ครั้งนี้พวกเขามีประสบการณ์แล้ว จะไม่เอาเข้าปากทั้งหมด แต่ค่อยๆ กัด น้ำซอสที่อยู่ข้างในก็พุ่งออกมาทันที
“ลองจิ้มนี่ดู อร่อยกว่านะ”
ซูจี้เหนียนมองดูท่าทางของคนทั้งสอง ก็รู้สึกตลกเล็กน้อย จากนั้นก็เลื่อนจานน้ำจิ้มไปข้างหน้า
ในจานเล็กๆ มีน้ำสีดำๆ แถมยังมีของสีแดงๆ ลอยอยู่ คนทั้งสองไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่พวกเขาก็มองหน้ากัน ไม่ได้ถามอะไร พวกเขาเป็นถึงศิษย์ของนิกายใหญ่ หากแสดงออกว่าไม่เคยกิน ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่ว่าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของนิกายหรอกหรือ?
คนทั้งสองไม่เอ่ยสิ่งใด แต่ใช้ซาลาเปาจิ้มของในจาน จากนั้นก็เอาเข้าปาก
“อืม!”
ดวงตาของจินซือโหรวเบิกกว้าง!
รสชาติของซาลาเปาอร่อยมากอยู่แล้ว แต่พอจิ้มของสิ่งนี้แล้ว มันกลับยิ่งอร่อยมากขึ้น!
เปรี้ยวเล็กน้อย เผ็ดนิดหน่อย จินซือโหรวไม่รู้ว่าจะอธิบายรสชาตินี้อย่างไร เพราะในทวีปทะเลดาราไม่มีสิ่งที่เรียกว่าน้ำส้มสายชู ส่วนพริกล่าเจียวนั้นแม้จะมี แต่ผู้คนกลับมองว่าเป็นพืชมีพิษ
ใครจะคิดว่าน้ำส้มสายชูกับพริกล่าเจียวเมื่อรวมกันแล้ว นำมันกินคู่กับซาลาเปาที่หอมอร่อย จะมีรสชาติที่ลงตัวเช่นนี้?
ในเวลานี้หลี่อี้คงไม่สามารถเก็บสีหน้าที่เย็นชาของตนเองได้อีกต่อไป เพราะครั้งนี้ เขาได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่อีกครั้ง
รสชาติเปรี้ยวๆ นี้เดิมทีไม่อร่อยมากนัก แต่เมื่อรวมกับกลิ่นหอมของเนื้อหมูในซาลาเปา ทั้งสองอย่างผสมผสานกัน กลับกลายเป็นรสชาติที่ไม่อาจบรรยายได้ ที่สำคัญคือน้ำมันพริก กลิ่นหอมแปลกๆ นี้ทำให้กลิ่นหอมของซาลาเปายิ่งหอมขึ้น ความเผ็ดเล็กน้อยกระตุ้นต่อมรับรส ทำให้รู้สึกอยากอาหาร รสชาติเผ็ดที่พอดีๆ ทำให้หลี่อี้คงอดไม่ได้ที่จะกินต่อไป
หลี่อี้คงถึงกับคิดว่าหลังจากออกจากเมืองหวังข่งแล้ว ต่อไปหากกินของที่อร่อยขนาดนี้ไม่ได้ เขาจะทำอย่างไรดี?
ชีวิตต่อไปจะมีความหมายอะไรอีก?
คนทั้งสองเก็บสีหน้าที่สงบนิ่งไม่ได้ ซาลาเปาเล็กๆ สี่ลูกก็ถูกกินหมดอย่างรวดเร็ว
คนทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธ เสี่ยวหลงเปาสี่ลูกย่อมกินไม่อิ่ม คนทั้งสองรู้สึกอึดอัดใจ อยากจะกินอีก แต่พวกเขาเป็นถึงศิษย์ของนิกายใหญ่ พวกเขาอายที่จะเอ่ยปาก
ทำได้เพียงเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
แน่นอนว่าซูจี้เหนียนรู้ว่าคนทั้งสองกินไม่อิ่ม แต่ซูจี้เหนียนก็ไม่ได้สั่งให้คนนำเสี่ยวหลงเปามาเสิร์ฟอีก ที่นี่ไม่ใช่ร้านบุฟเฟ่ต์ ไม่ได้ให้กินจนอิ่ม ให้พวกเขาลองชิมก็ไม่เลวแล้ว
“ขออภัยด้วย”
ในเวลานี้ซูจี้เหนียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ให้ท่านทั้งสองมากินข้าวเช้ากับข้า ท่านทั้งสองมาหาข้า คงมีเรื่องสำคัญสินะ? พวกเราไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะ ข้าให้คนเตรียมน้ำชาไว้แล้ว”
“ได้”
ตอนนี้คนทั้งสองไม่กล้ามองเจ้าเมืองซูจี้เหนียนผู้นี้ด้วยสายตาแบบเดิมอีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่เพื่อที่จะได้กินเสี่ยวหลงเปานี้ต่อไป คนทั้งสองก็ไม่กล้าล่วงเกินซูจี้เหนียน
ใครจะคิดว่าศิษย์ผู้โดดเด่นสองคนของนิกายเทียนซิง จะยอมสยบเพราะอาหารเพียงคำเดียว!
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ มองดูการตกแต่งในห้องหนังสือ มันดูแปลกใหม่อย่างยิ่ง เพราะห้องนี้ถูกซูจี้เหนียนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ ซูจี้เหนียนเป็นคนที่ข้ามโลกมา เขายังคงชมชอบสิ่งของสมัยใหม่มากกว่า
“เชิญนั่ง”
ซูจี้เหนียนพูดอย่างสุภาพ
คนทั้งสองนั่งลงบนโซฟา ความรู้สึกสบายของโซฟาทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาก กินอาหารอร่อยๆ แล้วมานั่งในที่ที่สบายเช่นนี้ มันช่างสุขสบายยิ่งนัก
“พวกเรามาที่นี่ตามคำสั่งของท่านผู้อาวุโสเหยียนอ๋อง เพื่อนำเหรียญทองห้าร้อยเหรียญมาให้ท่านเจ้าเมืองซู”
หลี่อี้คงหยิบถุงเหรียญทองออกมา วางไว้บนโต๊ะน้ำชา เหรียญทองห้าร้อยเหรียญ หนักมาก หากไม่ใช่หลี่อี้คงและจินซือโหรวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของนิกายเทียนซิง คนทั่วไปไม่กล้าพกเงินจำนวนมากขนาดนี้ติดตัวมา
“ท่านผู้อาวุโสเหยียนอ๋องยังบอกอีกว่า หากท่านเจ้าเมืองซูมีอะไรให้พวกเราทำ นิกายเทียนซิงยินดีทำตาม” ในเวลานี้จินซือโหรวก็พูดขึ้น “ท่านผู้อาวุโสเหยียนอ๋องเคยช่วยเหลือนิกายเทียนซิงของพวกเรามาก ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านผู้อาวุโสเหยียนอ๋องอยู่ในเมืองหวังข่งหรือไม่?”
“เขาไม่อยู่”
ซูจี้เหนียนพูดโดยตรง
ตอนนี้ร่างแยกไร้ขอบเขตยังอยู่ในเทือกเขาฝูหลง แต่ร่างแยกไร้ขอบเขตพบวารีไขกระดูกม่วงแล้ว กำลังเตรียมจะขายสมบัติที่พบในเทือกเขาฝูหลง
เมื่อได้ยินว่าเหยียนอ๋องไม่อยู่ คนทั้งสองก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีพวกเขายังหวังว่าเหยียนอ๋องจะอยู่ที่นี่ พวกเขาจะได้สร้างความสัมพันธ์กับเหยียนอ๋อง
“เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองซูมีอะไรให้นิกายเทียนซิงของพวกเราช่วยเหลือหรือไม่? โปรดอย่าได้เกรงใจ”
จินซือโหรวถาม
ซูจี้เหนียนกำลังจะพูด แต่ในเวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ซูจี้เหนียนพูด
คนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซูเยว่ ในมือของซูเยว่ถือถาด บนถาดมีน้ำชาสามถ้วย ซูเยว่ยิ้ม กล่าวว่า “นายน้อย น้ำชาพร้อมแล้ว”
“อืม ดี”
ซูจี้เหนียนพยักหน้า
ซูเยว่เดินเข้ามา วางน้ำชาสองถ้วยไว้ตรงหน้าจินซือโหรวและหลี่อี้คง
เดิมทีจินซือโหรวและหลี่อี้คงไม่ได้สนใจ แต่เมื่อซูเยว่เดินเข้ามาใกล้ คนทั้งสองก็ตกใจมาก เพราะเมื่อซูเยว่เข้ามาใกล้ พวกเขารู้สึกถึงปราณยุทธ์ที่แข็งแกร่งจากร่างกายของซูเยว่ ปราณยุทธ์นั้นกดดันพวกเขาโดยตรง!
ผู้เชี่ยวชาญ!
คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองซูเยว่ ซูเยว่เพียงแค่ยิ้ม จากนั้นก็หันหลังยื่นน้ำชาให้ซูจี้เหนียน กล่าวว่า “นายน้อย หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อน”
“อืม เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ”
ซูจี้เหนียนพยักหน้า
แต่หลี่อี้คงและจินซือโหรวกลับมองอย่างตั้งใจ ซูเยว่ผู้นี้มีขอบเขตบ่มเพาะสูงส่งเช่นนี้ กลับเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ของเมืองหวังข่ง?
คนทั้งสองรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ซูเยว่ที่มีขอบเขตบ่มเพาะเช่นนี้ หากไปที่นิกายเทียนซิงของพวกเขา นางย่อมสามารถเป็นถึงผู้อาวุโสได้แล้ว
“ท่านทั้งสอง ลองชิมน้ำชาใหม่ของข้าดูสิ”
ซูจี้เหนียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใสมาก”
หลี่อี้คงมองดู รู้สึกประหลาดใจ เพราะในความคิดของหลี่อี้คง น้ำชาควรจะมีสีขุ่นๆ แต่ทำไมน้ำชาที่ซูจี้เหนียนให้กลับใสเช่นนี้? เขายังสามารถมองเห็นพืชแปลกๆ ที่ก้นถ้วยได้
ของสิ่งนี้ดื่มได้จริงๆ หรือ?
ยกถ้วยที่ร้อนๆ ขึ้นมาเป่าเบาๆ จิบชาที่ขอบถ้วยหนึ่งคำ