บทที่ 20 คุณหนูหวงฉี
บทที่ 20 คุณหนูหวงฉี
ขณะที่ถีฉีกำลังจะพูด จู่ๆ ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก หญิงสาวผู้นี้สวมชุดเกราะหนังสีแดง ในแววตามีแต่ความเย็นชา
รูปร่างนางอรชรอ้อนแอ้น ชุดเกราะหนังสีแดงยิ่งขับเน้นรูปร่างที่ร้อนแรงของนาง ผู้คนจำนวนไม่น้อยในหอการค้าเฉียนอวิ๋นเห็นหญิงสาวผู้นี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกาย แต่มองเพียงแค่นั้น ทุกคนก็ไม่กล้ามองอีก เพราะนี่คือคุณหนูหวงฉี!
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคู่หมั้นของถีฉีอีกด้วย นางเป็นคนใจร้อน ใครจะกล้าล่วงเกิน!?
ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่กล้ามองนาน!
“เสี่ยวฉี เจ้ามาได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นคุณหนูหวงฉีมา สีหน้าของถีฉีก็ตื่นตระหนก เขากลัวคู่หมั้นของตนเองมาก
คุณหนูหวงฉีเดินไปหาถีฉีอย่างช้าๆ มองไปที่ถีฉีอย่างเย็นชา กล่าวว่า “ข้าเพิ่งออกจากเมืองว่านเซียงได้ครึ่งเดือน พอกลับมาก็ได้ยินว่าเจ้ากินข้าวแต่ละมื้อใช้เหรียญทองหลายเหรียญ แถมช่วงนี้เจ้าก็ไม่มาหาข้า วันนี้ข้าจับได้ว่าเจ้าอยู่ที่หอการค้าเฉียนอวิ๋นแห่งนี้ คงจะซ่อนนังจิ้งจอกสาวไว้ที่นี่สินะ? เหรียญทองเหล่านั้นคงเอาไว้เลี้ยงดูผู้หญิงล่ะสิ!?”
“ไม่ๆ เสี่ยวฉี เจ้าฟังข้าก่อน ข้ามาที่นี่เพื่อกินข้าวจริงๆ ผู้จัดการเป็นพยานได้”
ถีฉีตัวสั่นด้วยความกังวล
“กินข้าว?”
“กินอะไรถึงใช้เงินมากขนาดนั้น?”
เห็นได้ชัดว่าคุณหนูหวงฉียังคงไม่เชื่อ
“คุณชายถี กุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่าที่ท่านสั่งมาแล้วขอรับ!”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เสี่ยวเอ้อก็ยกกุ้งเครย์ฟิชเข้านมา ครึ่งหนึ่งเป็นรสหม่าล่า อีกครึ่งหนึ่งเป็นรสกระเทียม เมื่อกลิ่นหอมเย้ายวนใจนี้ลอยออกมา ทันใดนั้นทั้งชั้นหนึ่งก็ฮือฮา ที่นี่มีหลายคนที่เคยกินกุ้งเครย์ฟิชมาก่อน แต่พวกเขาไม่กล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนถีฉี พวกเขาทำได้เพียงซื้อสองสามตัวเพื่อดับความอยากเท่านั้น
“น่าอิจฉายิ่งนัก!”
“เยอะขนาดนั้น เอาไว้กินกับสุรา คงจะอร่อยมาก!”
หลายคนเริ่มน้ำลายไหลแล้ว
“ของสิ่งนี้อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?” แน่นอนว่า มีคนที่ไม่เคยกิน สงสัยมาก ถามขึ้นมา
“อร่อย อร่อยมากจริงๆ ไม่รู้ว่าทำจากอะไร แต่รสชาตินั้น กินเพียงคำเดียวก็ยากจะลืมเลือน!” มีคนพูดขึ้นมา
“หอมจัง”
ในเวลานี้คุณหนูหวงฉีได้กลิ่นกุ้งเครย์ฟิช ดวงตาก็เป็นประกาย ตอนนี้นางเชื่อแล้วว่าถีฉีมาที่นี่เพื่อกินข้าวจริงๆ เพราะได้กลิ่นนี้ คุณหนูหวงฉีก็อดใจไม่ไหว กลิ่นของสิ่งนี้ช่างเย้ายวนใจจริงๆ
คุณหนูหวงฉีนั่งลง มองไปที่กุ้งเครย์ฟิชชามใหญ่ตรงหน้า นางก็อยากจะลองชิมดู แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนี้กินอย่างไร?
“ไอ้นี่ มันกินยังไง?”
คุณหนูหวงฉีเงยหน้าขึ้นมองถีฉี ถีฉีตกตะลึง จากนั้นก็รีบกล่าวว่า “ข้าจะแกะให้เจ้า ที่รัก เจ้าฟังข้าก่อน ข้ามาที่นี่เพื่อกินข้าวจริงๆ เงินของข้าไม่ได้เอาไปเลี้ยงดูอนุภรรยาอะไรทั้งนั้น”
“เฮอะ!”
คุณหนูหวงฉีแค่นเสียงอย่างเย็นชา ไม่สนใจคำพูดของถีฉี มองดูถีฉีแกะกุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่าอย่างชำนาญ ยื่นเนื้อกุ้งใสๆ มาที่หน้าของนาง
“กลิ่นหอมดี แต่จะอร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?”
คุณหนูหวงฉีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย นำเนื้อกุ้งเข้าปาก กุ้งเครย์ฟิชตัวนี้ตัวใหญ่มาก เนื้อกุ้งชิ้นหนึ่งเกือบจะเต็มปาก เมื่อเนื้อกุ้งเข้าปาก รสชาติเผ็ดและชาก็มากระตุ้นต่อมรับรสในทันที รสชาติเผ็ดร้อนและหอมอร่อยที่ผสมผสานกัน ทำให้คุณหนูหวงฉีตาเป็นประกาย!
รสชาตินี้นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน!
ถีฉีดูดน้ำซอสที่นิ้วมือ ในเวลานี้ถีฉีก็รู้สึกว่าน้ำซอสนี้อร่อยกว่าครั้งที่แล้ว!
ครั้งที่แล้วกุ้งเครย์ฟิชที่ซูจี้เหนียนขายเป็นเพียงแค่การทำแบบขอไปที เพราะไม่มีเครื่องปรุงมากมายเหมือนโลกปัจจุบัน ทว่าครั้งนี้กุ้งเครย์ฟิชถือว่าทำอย่างพิถีพิถัน มีเครื่องปรุงทุกอย่าง รสชาติย่อมดีกว่ามาก!
“อร่อย!”
ในเวลานี้คุณหนูหวงฉีตกใจมาก นางไม่คิดว่าจะมีอาหารที่ผสมผสานรสชาติได้มากมายเช่นนี้ ในความคิดของนาง อาหารไม่ใช่ว่าควรจะมีเพียงรสเค็มหรอกหรือ? ทำไมถึงมีรสชาติที่อร่อยเช่นนี้ แถมความรู้สึกเผ็ดร้อนนั้นยังทำให้คุณหนูหวงฉีติดใจ!
แปลกมาก!
รสสัมผัสแบบนี้แม้ว่าจะทำให้ปากรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย แต่ทำไมถึงรู้สึกดีเช่นนี้?
ทำให้เนื้อกุ้งอร่อยขึ้น!
น้ำซอสที่ร้อนๆ บวกกับรสชาติเผ็ดร้อน ทำให้หยุดไม่ได้ ราวกับเปิดประตูสู่โลกใบใหม่!
ไม่ต้องให้ถีฉีลงมือ คุณหนูหวงฉีก็ทำเองแล้ว เมื่อครู่นางก็เห็นวิธีการของถีฉี ดังนั้นนางจึงแกะกุ้งเครย์ฟิชเองหนึ่งตัว
เมื่อเห็นคุณหนูหวงฉีลงมือ ถีฉีก็อดใจไม่ไหว รีบนั่งลงเริ่มกิน
“ผู้จัดการ เอาสุรามา ของสิ่งนี้ต้องกินกับสุราถึงจะอร่อย!”
ถีฉีรีบพูด
“ได้ๆ”
“เอาสุราที่ดีที่สุดมา!”
ในเวลานี้ คนทั้งสองไม่ได้พูดอะไร เริ่มแกะกุ้งเครย์ฟิชอย่างตั้งใจ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยในหอการค้าเฉียนอวิ๋นก็อดใจไม่ไหว เริ่มควักเงินซื้อ และกุ้งเครย์ฟิชที่ขายครั้งที่แล้วก็ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก ตอนนี้ได้ยินว่ามีกุ้งเครย์ฟิชอีกครั้ง หลายคนก็รีบมาที่หอการค้าเฉียนอวิ๋นเพื่อซื้อทันที
แม้ว่าราคาสามเหรียญเงินต่อตัวจะแพงไปหน่อย แต่คนรวยในเมืองว่านเซียงย่อมมีไม่น้อย ดังนั้นกุ้งเครย์ฟิชที่หอการค้าเฉียนอวิ๋นเพิ่งได้มา ก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว
“ผู้จัดการ เอามาอีกจาน!”
เปลือกกุ้งตรงหน้าคุณหนูหวงฉีกองเป็นภูเขาแล้ว ในเวลานี้นางก็ตบโต๊ะ รีบพูด
ผู้คนรอบข้างต่างมองดูด้วยความหวาดกลัว คนทั้งสองกินไปหกเจ็ดจานแล้ว นี่มันคือการอวดรวยอย่างชัดเจน!
เมื่อไหร่พวกเขาจะมีเงินมากมาย กินได้อย่างสบายใจเช่นนี้?
“คุณหนูหวงฉี ขออภัยด้วย กุ้งเครย์ฟิชขายหมดแล้ว ของใหม่ยังไม่มา แต่คิดว่าคงอีกไม่นาน” ผู้จัดการเดินขึ้นมา พูดอย่างเขินอาย
“ขายหมดแล้ว?”
คุณหนูหวงฉีรู้สึกเสียดาย
“งั้นก็ได้ ไว้ค่อยมากินใหม่” คุณหนูหวงฉีถามว่า “คิดเงินเถอะ ทั้งหมดเท่าไหร่?”
“เอ่อ…”
ผู้จัดการมองดู กล่าวว่า “ทั้งหมด ยี่สิบเอ็ดเหรียญทองขอรับ”
“แพงขนาดนี้เชียว”
คุณหนูหวงฉีถึงกับตะลึง แม้ว่าตระกูลหวงของนางจะร่ำรวย แต่กินข้าวหนึ่งมื้อใช้ยี่สิบกว่าเหรียญทอง นี่มันเกินจริงไปหน่อยไหม?
ตอนนี้คุณหนูหวงฉีเชื่อแล้วว่าถีฉีไม่ได้หานังจิ้งจอกสาว แต่ใช้เงินไปกับกุ้งเครย์ฟิชพวกนี้จริงๆ
“เห็นแก่ที่เจ้าเลี้ยงข้ากินข้าว งั้นข้าจะยกโทษให้เจ้า เอาล่ะ ไปก่อนนะ!”
คุณหนูหวงฉีตบไหล่ของถีฉี จากนั้นก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“หา?”
สีหน้าของถีฉีเปลี่ยนไป คุณหนูขอรับ กุ้งเครย์ฟิชส่วนใหญ่ท่านเป็นคนกินนะ!
“คุณชายถี?”
ผู้จัดการยิ้ม ลูบมือ ดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อย
“ข้ารู้แล้ว”
สีหน้าของถีฉีมืดมน หยิบเหรียญทองยี่สิบเอ็ดเหรียญออกมา หัวใจเขาแทบสลาย!