บทที่ 2 ความบังเอิญ (รีไรท์)
บทที่ 2 ความบังเอิญ (รีไรท์)
.
“ขอบอกเลยนะ จางหลาน! ‘เรื่องผี’ ของคุณค่อนข้างน่ากลัว! เหมือนเรื่องจริงเลย!” ตำรวจที่ไม่เชื่อโชคลางพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศน่ากลัว และยิ้มให้กับจางหลาน
“เสี่ยวหลิว ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อถือโชคลาง แต่ผมรับประกันได้ว่าไม่ได้พูดล้อเล่น หากคุณไม่เชื่อก็สามารถไปที่บริษัทรถประจำทางเพื่อตรวจสอบได้” จางหลานพูดอย่างจริงจังโดยไม่มีท่าทีล้อเล่น
“เจ้าอ้วนหลาน ไม่ได้ล้อเล่นจริงเหรอ! อย่าทำให้ผมกลัวสิ คนที่ตายไปแล้ว ขับรถเมล์มาตลอดห้าปี นี่…นี่ถ้าไม่ใช่ ‘เรื่องผี’ จะเป็นเรื่องอะไร!” ตำรวจตัวผอมสูงฝืนยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เหยเกไปหน่อย เห็นได้ชัดว่ากำลังกลัว ‘เรื่องผี’ ที่จางหลานกล่าว
“ผมไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ มองผมสิ ผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?” สีหน้าของจางหลานดูจริงจังมาก ดูเหมือนจะไม่ได้พูดล้อเล่นจริงๆ
“กัปตันเย่ ช่วยว่ากล่าวเขาหน่อยสิ เจ้าอ้วนหลานจะล้อเล่นมากเกินไปแล้ว!” ตำรวจตัวผอมสูงมองเย่ปิน
ในขณะนี้เย่ปินยังคงครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ปินก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางจางหลาน “พี่หลาน ทุกอย่างที่พูดเป็นความจริงเหรอ?” การแสดงออกของเย่ปินก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาก็สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของจางหลานเช่นกัน
จางหลานมองไปที่เย่ปิน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “กัปตันเย่ แม้ว่าบางครั้งผมเจ้าอ้วนหลานจะชอบพูดล้อเล่น แต่ครั้งนี้ผมรับประกันได้ว่าสิ่งที่เพิ่งพูดไปไม่ใช่เรื่องตลก มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!” จางหลานพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นชูสามนิ้ว รับประกันสิ่งที่พูดว่าเป็นคำสัตย์
เมื่อเห็นการแสดงออกของจางหลาน ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่า จางหลานไม่ได้พูดล้อเล่นจริงๆ เพราะท้ายที่สุดทุกคนก็ไม่คิดว่าจางหลานจะกล้าล้อเล่นกับเย่ปิน
“พี่หลาน เฉินฮุย ไปที่บริษัทรถประจำทางกันเถอะ” เย่ปินหยุดภาพจากกล้องวงจรปิด และลุกขึ้นทันที จากนั้นก็พาจางหลานกับเฉินฮุยไปยังบริษัทรถประจำทาง
บริษัทรถประจำทางอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ ทั้งสามคนจึงขับรถไปถึงบริษัทรถประจำทางในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
หลังจากเข้าไปในบริษัทรถประจำทาง เย่ปินก็แสดงบัตรประจำตัวของเขา หลังจากนั้นก็มีคนจากบริษัทรถประจำทางมาต้อนรับ
“รถเมล์สาย ‘18’ เหรอ?”
เย่ปินเริ่มถามเกี่ยวกับรถเมล์สาย ‘18’ อย่างไม่อ้อมค้อม
เมื่อคนที่ออกมาต้อนรับเย่ปินได้ยินเรื่อง รถเมล์สาย ‘18’ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“พวกคุณต้องการสอบถามเกี่ยวกับกรณีการหายตัวไปของเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้ใช่ไหมครับ?” ข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่มได้แพร่กระจายไปบนอินเทอร์เน็ตแล้ว ดังนั้นคนที่ออกมาต้อนรับจึงคิดว่าพวกเย่ปินมาตรวจสอบเรื่องนี้
“ใช่ครับ”
เย่ปินพยักหน้า ความจริงจุดประสงค์ของการมาสืบเรื่องรถเมล์สาย ‘18’ ที่นี่ ก็คือการตามหาเด็กหนุ่มที่หายไป
“โอเค กรุณารอสักครู่” คนที่มาต้อนรับเย่ปินลุกขึ้นไปหยิบแฟ้มเอกสารแล้วกลับมา “เหล่านี้เป็นเอกสารเกี่ยวกับรถเมล์สาย ‘18’”
นี่เป็นแฟ้มเอกสารที่ดูเก่ามาก ดูจากฝุ่นที่จับอยู่ข้างบนแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเปิดมันออกเลย
เย่ปินหยิบแฟ้มเอกสารและกล่าวขอบคุณพนักงานต้อนรับ จากนั้นก็เปิดแฟ้มที่มีฝุ่นเกาะหนาออก
มีกองเอกสารอยู่ในแฟ้ม หลังจากนำเอกสารออกมา เย่ปิน จางหลาน และเฉินฮุย ก็อ่านสิ่งที่บันทึกไว้ในเอกสาร
ในเอกสารมีทุกอย่างเกี่ยวกับรถเมล์สาย 18 บันทึกไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่สถานีต้นทางจนถึงสถานีปลายทาง เวลาออกเดินทาง ไปจนถึงรถเมล์เที่ยวสุดท้าย…
นอกจากบันทึกเหล่านี้แล้ว ยังมีช่องว่างในหน้าสุดท้ายของเอกสาร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหน้าสุดท้ายได้ถูกใครบางคนฉีกออก
“ขอโทษนะครับ ทำไมหน้าสุดท้ายถึงได้หายไป?” เย่ปินพูดพร้อมกับชี้ไปยังหน้าที่ถูกฉีกออกจากแฟ้มเอกสาร
พนักงานต้อนรับส่ายศีรษะด้วยความอาย “ขอโทษจริงๆครับ เอกสารนี้ถูกเก็บไว้ตรงนั้นโดยไม่มีใครแตะต้องมันมานานแล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนฉีกมันออกไป”
เย่ปินพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาเดาคำตอบของอีกฝ่ายไว้แล้ว และเมื่อพิจารณาจากฝุ่นบนแฟ้มเอกสาร คงเป็นเวลานานแล้วที่หน้าสุดท้ายถูกฉีกออก
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับรถเมล์สาย 18 บ้างไหม?” เย่ปินเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม แล้วคืนให้พนักงานต้อนรับ และถามขึ้น
“รถเมล์สาย 18” พนักงานต้อนรับเอามือลูบคางครุ่นคิด แต่ก็ไม่มีอะไรให้คิด “ผมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ตอนที่ผมมาที่นี่ รถเมล์สาย 18 น่าจะถูกยกเลิกไปแล้วนะ” พนักงานต้อนรับตอบกลับเหมือนกำลังตั้งคำถาม แน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับรถเมล์สาย 18 เลย
“พี่หลาน คนที่คุณมาสอบถามก่อนหน้านี้เป็นใคร?” เย่ปินมองจางหลานที่อยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ดูเหมือน… ดูเหมือนเขาจะถูกเรียกว่า…” จางหลานครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะคิดออก “โอ้ ใช่แล้ว ผมได้ยินคนในบริษัทเรียกเขาว่า เหล่าหวังโถว (ตาเฒ่าหวัง)”
“โอ้! คุณกำลังพูดถึงเหล่าหวังโถวเหรอ!” ก่อนที่เย่ปินจะทันได้ถาม พนักงานต้อนรับก็รีบตอบ
“ตอนนี้เขาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?” เย่ปินถามอย่างเร่งรีบ
พอพนักงานต้อนรับได้ยินคำถามก็ส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเสียใจ “เฮ้อ ถ้าคุณหมายถึงเหล่าหวังโถว! เมื่อคืนวานซืนดูเหมือนเขาจะหัวใจวายเสียชีวิตไปแล้ว”
“อะไรนะ ตายแล้ว!” จางหลานตกตะลึง จากนั้นก็รู้สึกถึงกระแสลมอันน่ากลัวจากด้านหลังเข้าโจมตีร่างกายของเขา
“ครับ เหล่าหวังโถวเป็นคนดีมาก! เขาใจดีกับคนในบริษัทมาก นอกจากนั้นเขายังเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทอีกด้วย เขาอยู่บริษัทนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว น่าเสียดายที่เขามาถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน” พนักงานต้อนรับถอนหายใจ
“กัปตันเย่ สถานการณ์บางอย่างไม่ถูกต้อง! มันบังเอิญเกินไป!” เฉินฮุยมีสีหน้าตื่นตระหนก
เย่ปินยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้เฉินฮุยอย่าพูดต่อ
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ เราไม่คิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น”
เย่ปินแสดงรอยยิ้มขัดเขินให้พนักงานต้อนรับ
เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นเช่นนั้น เขาก็ยิ้มขัดเขินให้เช่นกัน และพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
“ถ้าเช่นนั้น เราก็ต้องขอตัวก่อน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณ” เย่ปินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน เตรียมออกไป
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” พนักงานต้อนรับยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น เย่ปิน จางหลานและเฉินฮุยก็ออกจากบริษัทรถประจำทาง แล้วขึ้นไปบนรถ จากนั้นก็พูดคุยถึงเรื่องการตายของ ‘เหล่าหวังโถว’ กันต่อ
“พี่หลาน เฉินฮุย พวกคุณคิดยังไงกับการตายของเหล่าหวังโถว?” เย่ปินเป็นคนแรกที่พูดขึ้น และถามทั้งสองคน
“เฮ้อ ผมรู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไป” จางหลานพูดด้วยอารมณ์บางอย่าง เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขายังเคยพบกัน แต่ใครจะคาดคิดว่าภายในเวลาไม่กี่วัน เหล่าหวังโถวก็จากไปเสียแล้ว
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ บังเอิญจนผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ” เฉินฮุยพึมพำเบาๆ “ปินจื่อ คุณว่า เป็นเพราะรถเมล์ ‘สาย 18’ หรือเปล่าที่ทำให้เหล่าหวังโถวเสียชีวิต?” เป็นเพราะเฉินฮุยกับเย่ปินเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ดังนั้นเมื่ออยู่ข้างนอก เขาจะเรียกเย่ปินว่า ‘ปินจื่อ’ เฉพาะเมื่ออยู่ในสถานีตำรวจเท่านั้นที่เฉินฮุยจะเรียกเย่ปินว่า ‘กัปตันเย่’
“ผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” จางหลานพูดขึ้นก่อนที่เย่ปินจะทันได้พูด
เย่ปินครุ่นคิดโดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดช้าๆว่า “ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะซับซ้อนกว่าที่เราคิดไว้มาก”