บทที่ 2 กุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่า
บทที่ 2 กุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่า
“นี่”
หลินฝูมองไปที่กุ้งเครย์ฟิชสีแดงสด คิดถึงการกินแมลงมารร้ายที่ทำลายพืชผล หลินฝูก็ลังเล ปกติแล้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ก็ทำให้คนโกรธแค้น ไม่เคยมีใครคิดว่าสิ่งนี้จะกินได้
ที่สำคัญคือสิ่งนี้ไม่มีเนื้อมากนัก กินไม่อิ่มด้วย
“ข้ากลับมาแล้ว กลิ่นอะไรหอมจัง?”
ในเวลานี้ ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก เสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็มีหญิงสาวสวมเสื้อคลุมหนังสัตว์เดินเข้ามา หญิงสาวคนนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น
ระหว่างคิ้วนางมีความองอาจ แต่ก็ปกปิดความงามที่โดดเด่นของนางไม่ได้ ในตอนนี้เอง ดวงตาของซูจี้เหนียนก็เป็นประกาย คนที่กลับมาคือซูเยว่ องครักษ์ประตัวของเขา ด้วยความงามเช่นนี้ ไม่แปลกที่คนของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬจะหมายตา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ได้ยินว่าซูเยว่ไปล่าสัตว์ในเทือกเขาใกล้ๆ ซูจี้เหนียนก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“จะเกิดเรื่องอะไรได้” ซูเยว่ส่ายหน้า “เจ้าไม่เชื่อฝีมือข้าหรือไง? ข้าไม่เจอสัตว์ร้ายที่น่ากลัวหรอก อ๊ะ? กลิ่นอะไรเนี่ย หอมจัง?”
ในเวลานี้ดวงตาของซูเยว่เป็นประกายวิบวับ นางรีบเดินเข้ามา มองไปที่กุ้งเครย์ฟิชบนโต๊ะ แล้วก็ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นี่ไม่ใช่แมลงมารร้ายหรือ สิ่งนี้กินได้ด้วยหรือไง?
แต่ใครทำกันแน่? กลิ่นช่างหอมเย้ายวนอย่างยิ่ง”
ซูเยว่เริ่มน้ำลายไหลแล้ว
“ข้าทำเอง” ซูจี้เหนียนเดินเข้าไป หยิบกุ้งเครย์ฟิชตัวหนึ่งขึ้นมา แล้วแกะหัวกุ้งออกอย่างชำนาญ จากนั้นก็แกะเปลือกกุ้งออก ยื่นเนื้อกุ้งไปที่ปากของซูเยว่ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าลองชิมดูสิ รสชาติเป็นอย่างไร?”
“เนื้อสวยจัง”
ในเวลานี้ซูเยว่มองไปที่เนื้อกุ้งในมือของซูจี้เหนียน เนื้อกุ้งใสเป็นประกาย มีน้ำซอสติดอยู่เล็กน้อย กลิ่นหอมเย้ายวนใจลอยมา ทำให้แทบอดใจไม่ไหว ตอนนี้ซูเยว่ไม่สนใจแล้วว่าสิ่งนี้คือแมลงมารร้ายหรืออะไร และนางก็ไม่ได้อายที่ซูจี้เหนียนป้อนให้กิน ซูเยว่เอาเนื้อกุ้งเข้าปากโดยตรง
“อืม!”
ในทันที ดวงตาของซูเยว่เบิกกว้าง รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เนื้อกุ้งเด้งดึ๋ง รสชาติอร่อยมาก ที่สำคัญคือรสชาติเผ็ดร้อนและหอมอร่อยระเบิดในปากของซูเยว่ในทันที!
รสชาติเผ็ดและชาพอดีๆ ไม่ทำให้รู้สึกไม่สบายปาก แต่กลับทำให้ติดใจ เนื้อกุ้งหวานอร่อย รสชาติเข้มข้นทำให้หยุดไม่ได้!
ซูเยว่ไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน รสชาตินี้ยากจะต้านทาน
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินฝูมองไปที่ซูเยว่แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
“อร่อย!”
“อร่อยมาก!”
ในเวลานี้ดวงตาของซูเยว่เป็นประกาย ไม่ต้องให้ซูจี้เหนียนลงมือเอง นางก็เอื้อมมือไปแกะหัวกุ้งและเปลือกกุ้งออกตามที่ซูจี้เหนียนทำเมื่อกี้ แล้วเอาเนื้อกุ้งเข้าปาก
ทันใดนั้น ความสุขก็เต็มเปี่ยม!
หลินฝูเห็นท่าทางของซูเยว่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลองชิมดูบ้าง ฉับพลัน หลินฝูที่อายุเกินห้าสิบปีแล้วเกือบกัดลิ้นตัวเอง นี่มันรสชาติอะไรกันเนี่ย!?
เมื่อก่อนตอนที่เจ้าเมืองคนเก่ายังอยู่ หลินฝูก็เคยติดตามเจ้าเมืองคนเก่าออกไปกิน ไปเห็น แม้กระทั่งร่วมงานเลี้ยงของขุนนางคนอื่นๆ ในงานเลี้ยงก็มีอาหารมากมาย แต่เมื่อเทียบกับกุ้งเครย์ฟิชตรงหน้าแล้ว อาหารเหล่านั้นไม่อร่อยเลยแม้แต่น้อย!
หลินฝูไม่กล้าเชื่อเลยว่า แมลงมารร้ายที่ทำลายพืชผลที่ทุกคนเกลียดชัง จะอร่อยขนาดนี้!
เสียดายที่เนื้อน้อยเกินไป ต้องกินกี่ตัวถึงจะอิ่ม?
ซูจี้เหนียนมองไปที่คนทั้งสองแล้วยิ้มเบาๆ เขาลองชิมดูบ้าง แต่ซูจี้เหนียนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะส่วนผสมไม่ครบ กุ้งเครย์ฟิชนี้รสชาติด้อยกว่ากุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่าบนโลกอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็อร่อยมากแล้ว
“ข้ารู้สึกตัวร้อนขึ้นมาเลย”
ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง ซูเยว่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก กินกุ้งเครย์ฟิชเข้าไป ก็รู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่างกาย
ซูจี้เหนียนรู้ว่านี่เป็นเพราะใส่พริกล่าเจียวลงไป
“ลุงฝู” ในเวลานี้ซูจี้เหนียนมองไปที่หลินฝู พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านไปหาประธานหอการค้าเฉียนอวิ๋นหน่อยสิ ข้าคิดว่า ข้ามีธุรกิจอยากจะคุยกับนาง”
ดวงตาของหลินฝูเป็นประกาย มองไปที่กุ้งเครย์ฟิชตัวนี้ เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที
“ได้ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หลินฝูรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
“นายน้อยจะใช้แมลงมารร้ายตัวนี้ ไปคุยธุรกิจกับหอการค้าเฉียนอวิ๋นหรือ?” ซูเยว่มองไปที่ซูจี้เหนียนแล้วถาม ขณะที่พูดอยู่นั้น มือของซูเยว่ก็ไม่ได้ว่าง ยังคงแกะเปลือกกุ้งอยู่ เพราะนางหิวมาก และกุ้งเครย์ฟิชนี้ก็อร่อยมาก ยิ่งกินยิ่งอยากกินเรื่อยๆ จนนางหยุดมือไม่ได้จริงๆ
เหมือนมีมนต์ขลังที่ทรงพลัง!
“แน่นอน”
ซูจี้เหนียนรู้ดีว่ากุ้งเครย์ฟิชแบบนี้ หากให้ชาวเมืองเมืองหวังข่งกิน ย่อมไม่มีประโยชน์ พวกเขาไม่ต้องการอาหารอร่อย พวกเขาแค่ต้องการอิ่มท้อง แต่สิ่งนี้สำหรับขุนนางที่อื่น ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก หากสามารถขายกุ้งเครย์ฟิชไปข้างนอกได้
มันต้องมีมูลค่ามหาศาล!
และหอการค้าเฉียนอวิ๋นจะยิ่งเข้าใจคุณค่าของกุ้งเครย์ฟิชนี้
หยาหลี่เป็นประธานหอการค้าเฉียนอวิ๋นสาขาเมืองหวังข่ง ร้านค้าของหอการค้าเฉียนอวิ๋นกระจายอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรหลิงเจี้ยน มีหลายพันสาขา แต่หยาหลี่กลับโชคร้ายที่ถูกส่งมาประจำสาขาที่ห่างไกลเช่นนี้
ที่นี่ไม่มีผลงานอะไรเลย เพราะคนในเมืองหวังข่งแต่ละคนจนจะตายอยู่แล้ว
ตอนนี้หยาหลี่กำลังเก็บของเตรียมตัวจะไป เหตุผลเพราะวันนี้มีคนของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬมาทวงหนี้อีกครั้ว และให้เวลาเจ็ดวัน หยาหลี่ไม่อยากอยู่รอความตายในเมืองหวังข่งแห่งนี้
“ท่านประธาน”
หลินฝูเดินเข้ามาในหอการค้า เห็นหยาหลี่กำลังเก็บของ เขาก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น
“อ้อ ท่านพ่อบ้านหลิน มีอะไรงั้นหรือ?” หยาหลี่มองไปที่หลินฝู ในใจก็พอคาดเดาได้แล้ว
“ท่านเจ้าเมืองของเราเชิญท่านไปพบ” หลินฝูพูดอย่างสุภาพ
“หืม?” หยาหลี่ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมา ก็พูดว่า “ได้ เชิญท่านพ่อบ้านหลินนำทางเลย”
หยาหลี่เดาได้แล้ว ตอนนี้เมืองหวังข่งกำลังจะล่มสลาย เวลานี้ซูจี้เหนียนมาหาตนเอง คงหวังว่าหอการค้าเฉียนอวิ๋นจะช่วยเหลือ แต่แน่นอนว่าหยาหลี่จะไม่ช่วย เพราะนี่คือการโยนเนื้อให้สุนัข ให้กู้ก็เก็บคืนไม่ได้ แต่หยาหลี่ก็ยังอยากดูว่าเจ้าเมืองหนุ่มคนนี้จะโน้มน้าวตนเองอย่างไร?
“ท่านเจ้าเมือง ท่านประธานหยาหลี่มาถึงแล้ว”
หลินฝูเคาะประตู
“เข้ามาเถอะ”
ซูจี้เหนียนพูด
พอหยาหลี่เดินเข้าไปในห้องหนังสือของซูจี้เหนียน นางยังไม่ทันได้พูดอะไร หยาหลี่ก็ตกตะลึง นางได้กลิ่นหอมๆ ทันใดนั้นสายตาของหยาหลี่ก็ถูกดึงดูดด้วยจานกุ้งเครย์ฟิชบนโต๊ะ
“นี่คือ แมลงมารร้าย?”
หยาหลี่เดินเข้าไปมองกุ้งเครย์ฟิชในจาน แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
“นี่เรียกว่ากุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่า”
ซูจี้เหนียนนั่งลงอย่างสบายๆ ยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “ลองชิมดูสิ”
ในเวลานี้หยาหลี่กลืนน้ำลายอย่างแรง เพราะกลิ่นนี้หอมจริงๆ หยาหลี่แกะหัวกุ้งและเปลือกกุ้งออกตามที่ซูจี้เหนียนบอก แล้วลองชิมกุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่า
เกือบจะในทันทีที่เข้าปาก หยาหลี่ก็ถูกกระแทกต่อมรับรสด้วยรสชาติที่แปลกประหลาดนี้
หนึ่งก้านธูปต่อมา
“เอิ้ก!”
หยาหลี่กินกุ้งเครย์ฟิชในจานหมดเกลี้ยง แถมยังเรอออกมา ทำให้หยาหลี่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“รสชาติเป็นอย่างไร?”
ซูจี้เหนียนถาม
“อร่อยมาก” หยาหลี่พยักหน้า ตอบอย่างจริงจังว่า “พูดตามตรง ข้าไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”
“จริงๆ แล้วสิ่งนี้ หากปิดผนึกในโถ มันสามารถเก็บไว้ได้นาน” ซูจี้เหนียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แม้จะขนส่งไปเมืองอื่น ก็จะไม่เน่าเสีย แถมยิ่งแช่นาน รสชาติก็จะยิ่งเข้มข้น”
“หืม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของหยาหลี่ก็เป็นประกาย นางเข้าใจความหมายของซูจี้เหนียนในทันที
“ท่านอยากคุยธุรกิจกับข้า?”
หยาหลี่จ้องไปที่ซูจี้เหนียนแล้วพูดว่า “บอกราคาของท่านมา”
“เหรียญเงินหนึ่งเหรียญต่อตัว”
ซูจี้เหนียนบอกราคาที่คิดไว้
ดวงตาของหยาหลี่เบิกกว้าง ราคานี้น่ากลัวมาก หยาหลี่คริ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า สำหรับขุนนางเหล่านั้น ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย สิ่งนี้อร่อยขนาดนี้ ต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
“งั้นข้าขอสั่งหนึ่งหมื่นตัว ส่งของภายในสามวัน”
หยาหลี่สั่งสินค้าชุดแรกทันที
“ได้” ซูจี้เหนียนพยักหน้า กุ้งเครย์ฟิชหนึ่งหมื่นตัวจริงๆ แล้วไม่มากนัก แต่ซูจี้เหนียนพูดว่า “แต่เจ้าต้องจ่ายเงินมัดจำสองส่วนก่อน ยี่สิบเหรียญทอง”
“ไม่มีปัญหา”
หยาหลี่หยิบเหรียญทองยี่สิบเหรียญออกมาวางไว้บนโต๊ะทันที มองไปที่เหรียญทองยี่สิบเหรียญนี้ หัวใจของซูจี้เหนียนก็เต้นแรงขึ้น ด้วยเหรียญทองเหล่านี้ เจดีย์ทองแดงของเขาในที่สุดก็สามารถเปิดได้แล้ว!