ตอนที่แล้วบทที่ 13 กล่องสมบัติทองคำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 เทือกเขาฝูหลง

บทที่ 14 โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต


บทที่ 14 โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต

“โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต!”

ซูจี้เหนียนยังไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้พิทักษ์มิติที่อยู่ข้างๆ กลับตกใจ มองไปที่ซูจี้เหนียน อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าเด็กนี่ เจ้ามันดวงดีจริงๆ!”

“โอสถร่างแยกไร้ขอบเขตเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของมิติระดับสูงสุด!”

ผู้พิทักษ์มิติพูดอย่างตื่นเต้น

“ข้ารู้สึกเหมือนท่านเป็นคนขายยา” ซูจี้เหนียนมองไปที่ผู้พิทักษ์มิติอย่างเย็นชา

แต่ผู้พิทักษ์มิติไม่ได้สนใจคำพูดของซูจี้เหนียน กล่าวว่า “โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต หลังจากกลืนลงไปแล้ว จะกำเนิดร่างแยก ร่างแยกและความคิดของเจ้าจะเชื่อมต่อกัน นั่นหมายความว่าสิ่งที่ร่างแยกเห็น ได้ยิน เจ้าก็สามารถเห็นและได้ยินเช่นกัน ที่สำคัญคือคำว่าไร้ขอบเขตของโอสถนี้ มันสามารถข้ามมิติใดๆ ก็ได้ ร่างแยกไม่อยู่ในหกวิถี ไม่อยู่ในเบญจธาตุ หรือแม้แต่ไม่มีตัวตนอยู่จริง มีเพียงสิ่งที่เจ้าต้องการสัมผัสเท่านั้นที่เจ้าจะสัมผัสได้ มิเช่นนั้นสิ่งอื่นจะไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเจ้าได้”

“หา?”

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ซูจี้เหนียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าสัมผัสได้ มิเช่นนั้นคนอื่นสัมผัสข้าไม่ได้? งั้นข้าก็ไร้เทียมทานแล้วสิ?”

“ร่างแยกไร้ขอบเขตเป็นเช่นนี้จริงๆ”

แต่ผู้พิทักษ์มิติอดไม่ได้ที่จะไอเบาๆ และพูดกับซูจี้เหนียนต่อว่า “แต่เพราะร่างแยกไม่เกี่ยวข้องกับหกวิถี ไม่ย่างก้าวเข้าสู่เบญจธาตุ ดังนั้นร่างแยกจึงไม่สามารถฝึกฝนวิทยายุทธและเวทมนตร์ใดๆ ในสวรรค์และปฐพีนี้ได้ มันเป็นได้เพียงคนธรรมดา เว้นแต่จะมีสมบัติที่อยู่ในโลกพิเศษบางอย่างเท่านั้น ที่อาจจะทำให้ร่างแยกไร้ขอบเขตใช้มันได้”

“เป็นแค่คนธรรมดา?”

ความกระตือรือร้นของซูจี้เหนียนก็ถูกน้ำเย็นราดลงมาทันที เป็นเพียงร่างแยกธรรมดา แล้วจะมีประโยชน์อะไร?

เดิมทีคิดว่าร่างแยกของตนเองสามารถฝึกฝนได้ ถึงตอนนั้นมีพลังไร้เทียมทาน ใครก็สัมผัสตนเองไม่ได้ แต่ตนเองกลับสามารถสัมผัสคนอื่นได้ เช่นนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าไร้ผุ้เทียบเทียมในใต้หล้าหรอกหรือ?

ใครจะรู้ว่า มันกลับไม่สามารถฝึกฝนได้ เช่นนี้แล้วยังมีประโยชน์อะไร

“หนุ่มน้อย สิ่งนี้มีประโยชน์มาก เพียงแต่เจ้าต้องค่อยๆ เข้าใจเอาเอง” ผู้พิทักษ์มิติยิ้ม

ซูจี้เหนียนถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ออกจากเจดีย์มิติ นำโอสถร่างแยกไร้ขอบเขตที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา ซูจี้เหนียนไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไรเลย รู้สึกเพียงว่าสิ่งนี้ค่อนข้างไร้ค่า

“นายน้อย อู่ซานเจียงรออยู่ด้านนอกจวนเจ้าเมืองตั้งแต่เช้าแล้ว ท่านจะพบเขาหรือไม่?”

ในเวลานี้ ด้านนอกประตูก็มีเสียงของซูเยว่ดังขึ้น ซูเยว่เดินเข้ามา ถามอย่างอดไม่ได้

“อู่ซานเจียงมาแล้ว?”

ซูจี้เหนียนพยักหน้า ตนเองยังไม่ได้ไปหาเขา เขาก็มาเองแล้วสินะ?

“อืม” ซูเยว่รีบกล่าวว่า “ยืนอยู่ด้านนอกตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะเรื่องเมื่อวาน อู่ซานเจียงรู้สึกละอายใจมาก วันนี้เช้าตรู่ก็มาขอรับโทษแล้ว”

“เขาเคยเป็นลูกน้องของเจ้าใช่ไหม?”

ซูจี้เหนียนถามขึ้นมา

“ใช่”

เมื่อก่อนซูเยว่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ อู่ซานเจียงเป็นรองหัวหน้า ต่อมาซูเยว่กลายเป็นองครักษ์ประจำตัวของซูจี้เหนียน อู่ซานเจียงถึงได้เป็นหัวหน้า ซูจี้เหนียนพยักหน้า กล่าวว่า “แล้วเจ้าคิดว่า เขาเป็นคนแบบไหน?”

“คนแบบไหน?”

เมื่อได้ยินคำถามของซูจี้เหนียน ซูเยว่ครุ่นคิด จากนั้นกล่าวว่า “อู่ซานเจียงเป็นคนดีมาก จงรักภักดีต่อเมืองหวังข่งอย่างยิ่ง แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะไม่ดีนัก ต่อไปความสำเร็จคงมีจำกัด แต่เขาก็พยายามมากจริงๆ”

“จงรักภักดีก็ดีแล้ว เจ้าให้เขามาพบข้าที่สวน”

ซูจี้เหนียนกล่าว

“ได้”

ซูเยว่รีบออกไปเรียกอู่ซานเจียง

ตอนนี้ซูจี้เหนียนต้องการไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งมาก เพราะซูจี้เหนียนมีเจดีย์มิติ หากเขาต้องการฝึกฝนคนแข็งแกร่งขึ้นมา ย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าในเวลานี้ ซูจี้เหนียนต้องการคนที่จงรักภักดี และต้องจงรักภักดีอย่างแน่วแน่!

อากาศในสวนยังคงสดชื่น ซูจี้เหนียนยืนอยู่ในสวน รำวิชามือหักกิ่งเหมยเทียนซาน อู่ซานเจียงมาถึงสวนตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อเห็นซูจี้เหนียนกำลังฝึกวิทยายุทธ ก็ไม่ได้รบกวน แต่อู่ซานเจียงกลับสงสัย นี่คือวิทยายุทธอะไร ทำไมเขาถึงดูไม่ออก รู้สึกเพียงว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกล้ำนับพันประการ

ตอนที่สู้กับหูเถี่ยซาน ท่านเจ้าเมืองก็ใช้วิทยายุทธนี้ และทำใหหูเถี่ยซานพ่ายแพ้

“ฮู่—--”

ซูจี้เหนียนหยุดฝึก จากนั้นกล่าวว่า “เข้ามาเถอะ”

“ขอรับ”

อู่ซานเจียงรีบเดินเข้ามา

“ได้ยินว่าเจ้ามาตั้งแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือ?” ซูจี้เหนียนมองไปที่อู่ซานเจียง

“เรียนใต้เท้าเจ้าเมือง วันนี้ข้าน้อยมามีสองเรื่อง”

อู่ซานเจียงคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าซูจี้เหนียนโดยตรง สีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “เรื่องแรกข้าน้อยมาขอรับโทษ หูเถี่ยซานนำคนมาสร้างความวุ่นวาย ข้าน้อยกลับรับมือไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว นี่เป็นความผิดของข้าน้อย!”

“เรื่องที่สอง ข้าน้อยต้องการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าทหารผู้พิทักษ์เมืองหวังข่ง”

เสียงของอู่ซานเจียงสั่นเครือ เขาอยู่ในกองกำลังทหารผู้พิทักษ์ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ มีความรู้สึกผูกพันกับกองกำลังทหารผู้พิทักษ์มาก  ความเป็นจริง เขาเองก็ไม่อยากจะจากไป แต่เขารู้ว่าตนเองไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อไปแล้ว

ซูจี้เหนียนได้ฟังที่อู่ซานเจียงพูด ก็ไม่ได้ประหลาดใจ ราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว

“ลาออกนั้นไม่จำเป็น” ซูจี้เหนียนกล่าวอย่างช้าๆ “ฝีมือด้อยไปหน่อย ต่อไปฝึกฝนให้มากขึ้นก็พอแล้ว ใครบ้างไม่เคยพ่ายแพ้?”

“ข้า…”

อู่ซานเจียงครุ่นคิด กล่าวว่า “ตอนข้าน้อยยังหนุ่ม ข้าเคยได้รับบาดเจ็บ ชาตินี้ข้าน้อยคงไม่สามารถก้าวหน้าในการฝึกฝนได้อีกแล้ว”

“ไม่มีทางรักษาหรือ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจี้เหนียนได้ยินเรื่องนี้

“รักษาได้ ตอนข้าน้อยยังหนุ่ม ข้าน้อยได้รับบาดเจ็บที่ตันเถียนทะเลปราณ ต้องใช้สมบัติล้ำค่าที่เรียกว่า วารีไขกระดูกม่วง ถึงจะรักษาได้” อู่ซานเจียงกล่าวอย่างอับอาย “แต่สมบัติล้ำค่าเช่นนี้หายากมาก แม้จะซื้อ ราคาก็สูงจนน่าตกใจ ได้ยินมาว่าในเทือกเขาฝูหลงใกล้ๆ มี ข้าน้อยก็เคยแอบไปหา และข้าน้อยก็พบมันจริงๆ แต่ข้างๆ วารีไขกระดูกม่วงมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเฝ้าอยู่ ข้าน้อยไม่สามารถเข้าไปใกล้มันได้ จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย”

“สัตว์อสูร?”

ซูจี้เหนียนรู้ว่า ในทวีปทะเลดารามีสัตว์อสูรมากมายที่แข็งแกร่งกว่าสัตว์ป่าทั่วไป เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรแข็งแกร่งมาก พวกมันสามารถฝึกฝนได้ และในอนาคตก็มีโอกาสกลายร่างเป็นมนุษย์ กลายเป็นราชันย์อสูร ราชันย์อสูรทุกตนล้วนเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน พวกมันสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้

หากมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่ เช่นนั้นก็ยากที่จะได้มาสินะ?

“หืม?”

ทันใดนั้นซูจี้เหนียนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาก็เป็นประกาย กล่าวว่า “เอาล่ะ เรื่องวารีไขกระดูกม่วง เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเจ้าหามาเอง เจ้าจงทำหน้าที่หัวหน้าทหารผู้พิทักษ์เมืองของเจ้าต่อไป หนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเรายังมีการต่อสู้ที่ยากลำบากรออยู่ นี่ให้เจ้า ต่อไปก็ฝึกฝนสิ่งนี้ซะ”

พูดจบ ซูจี้เหนียนก็ยื่นวิชาระฆังทองคุ้มกายและวิชาควบคุมลมหายใจให้กับอู่ซานเจียง

“นี่คือ?”

อู่ซานเจียงรับมาด้วยความสงสัย เปิดตำราทั้งสองเล่มดู ทันใดนั้นรูม่านตาก็หดเล็กลง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด