ตอนที่แล้วบทที่ 12 รูปแบบความร่วมมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต

บทที่ 13 กล่องสมบัติทองคำ


บทที่ 13 กล่องสมบัติทองคำ

“ดูเหมือนว่า เจ้าสามจะไปเมืองหวังข่งสินะ?”

ในเวลานี้หญิงสาวก็ยังคงอ่านตำราอยู่ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช้าตรู่เขาก็ออกไปแล้ว พาคนไปไม่กี่คน เมืองหวังข่งแม้จะไม่น่ากลัว แต่กระต่ายจนตรอกก็ยังกัดคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าในจดหมายเขียนอะไรไว้?”

“เจ้าเมืองหวังข่งจับตัวเจ้าสามไป จากที่ดูในจดหมาย เขาถูกบีบคั้น และเห็นได้ชัดว่าช่วงนี้เขายังหาเงินได้ไม่ครบ ดังนั้นจึงขอเวลาพวกเราหนึ่งเดือน” เสวี่ยหลางพูดอย่างช้าๆ “บอกว่าหลังจากหนึ่งเดือน จะคืนทั้งเงินและคน หากยังบีบคั้นเขาเช่นนี้ เขาจะฆ่าเจ้าสามทิ้ง”

“ได้ยินมาว่าเจ้าเมืองหวังข่งยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม คิดว่าคงจะกลัวจริงๆ ครั้งนี้เจ้าสามไปทวงเงินเขา ด้วยนิสัยของเจ้าสามต้องลงมือแน่ๆ มิเช่นนั้นเจ้าเมืองหนุ่มจะไม่ตัดสินใจอย่างไม่ยั้งคิดเช่นนี้”

หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ “เอาเถอะน่า… เขาขอเวลาหนึ่งเดือน งั้นก็ให้เวลาเขาหนึ่งเดือนเถอะ”

“ข้าต้องถูกเด็กเมื่อวานซืนข่มขู่หรือ?”

เสวี่ยหลางขมวดคิ้วมองไปที่หญิงสาว

“อย่าเพิ่งรีบร้อน”

หญิงสาวยิ้ม “หากพวกเราผลีผลาม เจ้าสามอาจจะมีอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ถึงตอนนั้นหากเจ้าเด็กนั่นฆ่าเจ้าสามจ มันย่อมไม่คุ้มค่า อีกอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าสามนิสัยโหดเหี้ยมเกินไป อาศัยที่ตัวเองมีฝีมือ และมีกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬหนุนหลัง ทำให้เขาไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ปล่อยให้เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนให้ได้รับความลำบากบ้างก็ดี แต่คนของเมืองหวังข่งก็คงไม่กล้าทำอะไรเขา ถือว่าให้เขาได้สงบจิตสงบใจ”

“ก็ได้”

ในดวงตาของเสวี่ยหลางมีความเย็นชาแวบผ่าน กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม รอให้เจ้าสามกลับมา เมืองหวังข่งก็ต้องถูกทำลายอยู่ดี”

หญิงสาวยิ้มอย่างเข้าใจ และหันไปอ่านตำราของนางต่อ

ทั้งสองทำราวกับว่านี่เป็นเพียงเรื่องธรรมดา สำหรับเมืองหวังข่งแล้ว พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเลย

อย่างไรมันก็แค่เวลาหนึ่งเดือน พวกเขาย่อมรอได้

จดหมายฉบับนี้ของซูจี้เหนียน ช่วยให้เมืองหวังข่งมีเวลาหนึ่งเดือน เขาไม่สามารถขอเวลาได้นานกว่านี้ มิเช่นนั้นกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬจะหมดความอดทน และการที่ทำเช่นนี้ มันทำให้เสวี่ยหลางรู้สึกว่าซูจี้เหนียนเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มธรรมดา เพราะยิ่งเขาธรรมดามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทำเรื่องหุนหันพลันแล่น แน่นอนว่า เพื่อเมืองหวังข่งและเหรียญทองห้าสิบเหรียญ การแลกด้วยชีวิตของหูเถี่ยซานนั้นไม่คุ้มค่า

และเวลาหนึ่งเดือนนี้ ก็เป็นเวลาที่ซูจี้เหนียนตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงเมืองหวังข่ง!

ในเจดีย์มิติ

จิตสำนึกของซูจี้เหนียนค้นหาอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ในที่สุดซูจี้เหนียนก็พบสิ่งที่เหมาะสมกับองครักษ์ของเมืองหวังข่งในสินค้ามิติระดับล่างเหล่านี้

งบประมาณของซูจี้เหนียนไม่มากนัก รวมทั้งหมดแล้วตอนนี้เขามีเหรียญทองเพียงหกสิบกว่าเหรียญ วิชาฝึกพลังภายในอย่างลมปราณภูติอุดรย่อมซื้อไม่ไหว วิทยายุทธที่ร้ายกาจหน่อยก็ซื้อไม่ไหว ดังนั้นซูจี้เหนียนจึงเลือกได้เพียงวิทยายุทธธรรมดาทั่วไป

“นี่ไม่เลว”

“วิชาระฆังทองคุ้มกาย”

ซูจี้เหนียนเห็นว่าวิชาระฆังทองคุ้มกายราคาเพียงยี่สิบเหรียญทอง ส่วนวิชาฝึกพลังภายในระดับเริ่มต้น 《วิชาควบคุมลมหายใจ》 ก็ราคาเพียงสิบห้าเหรียญทอง เช่นนี้รวมกันก็สามสิบห้าเหรียญทอง

ซูจี้เหนียนเข้าใจแล้วว่า พลังภายในเมื่อเทียบกับปราณยุทธ์แล้ว เหนือกว่าและแข็งแกร่งกว่า ดังนั้น ตัวซูจี้เหนียนแม้จะฝึกวิชาพลังภายในที่ง่ายที่สุด ก็ไม่ด้อยไปกว่าปราณยุทธ์ หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้นซูจี้เหนียนจึงต้องการให้องครักษ์ของเมืองหวังข่งฝึกฝนพลังภายใน

แถมยังเสริมด้วย 《วิชาระฆังทองคุ้มกาย》 วิทยายุทธภายนอกที่ทรงพลังเช่นนี้ พลังการต่อสู้ย่อมแข็งแกร่งมากขึ้น

“นี่คืออะไร?”

ทันใดนั้นซูจี้เหนียนก็เห็นกล่องที่เปล่งแสงเจ็ดสีในสินค้า

“นี่คือกล่องสุ่มสมบัติ” ผู้พิทักษ์มิติที่อยู่ข้างๆ พูดกับซูจี้เหนียน “ข้างในมีอะไรบ้างนั้น เจ้าต้องลองสุ่มดู และตอนนี้เจ้าสามารถซื้อได้เพียงกล่องสมบัติมิติระดับล่าง ดังนั้นเจ้าจะเปิดได้เพียงของในมิติระดับล่าง ราคาเหรียญทองสิบเหรียญต่อหนึ่งกล่อง แต่ละเดือนจำกัดสิบกล่อง”

“นี่ไม่ต่างอะไรกับการสุ่มกาชาเลยนี่” ซูจี้เหนียนตาเป็นประกาย เขาอยากจะลองดู เหรียญทองสิบเหรียญนั้นไม่ถูก แต่หากเปิดได้ของดีล่ะ

“งั้นข้าลองซื้อหนึ่งกล่อง”

ซูจี้เหนียนจ่ายเหรียญทองสิบเหรียญทันที จากนั้นกล่องเจ็ดสีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซูจี้เหนียน

“มาดูกันว่า โชคของข้าเป็นอย่างไร!?” ซูจี้เหนียนหวังว่าจะเปิดได้วิทยายุทธที่ร้ายกาจ หรือเปิดได้อาวุธร้อนอะไรสักอย่างก็ยังดี

“เปิด!”

ซูจี้เหนียนเปิดกล่องทันที ทันใดนั้น แสงเจ็ดสีก็ส่องประกาย แต่ซูจี้เหนียนกลับตะลึง เพราะตรงหน้าซูจี้เหนียนกลับปรากฏกล่องอีกใบหนึ่ง

“นี่หมายความว่าอย่างไร?”

ซูจี้เหนียนมองไปที่ผู้พิทักษ์มิติที่อยู่ข้างๆ ผู้พิทักษ์มิติกลับสงบนิ่ง กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าโชคของเจ้าจะดีนะ เจ้ากลับได้กล่องสมบัติของมิติระดับกลาง”

“ยังสามารถได้กล่องสมบัติของมิติระดับกลางได้ด้วยหรือ?”

ในใจของซูจี้เหนียนรู้สึกตื่นเต้น

มิติระดับกลางเขายังไม่สามารถเปิดได้ ทว่าเขาได้กล่องสมบัติมาก่อน คงไม่ใช่จะได้วิทยายุทธที่ร้ายกาจหรอกนะ?

ซูจี้เหนียนรีบเปิดกล่องสมบัติ

แสงส่องประกายอีกครั้ง ทำให้ซูจี้เหนียนรู้สึกอับอาย ในกล่องกลับยังมีกล่องอีกใบหนึ่ง

“กล่องสมบัติของมิติระดับสูง!”

ผู้พิทักษ์มิติตกใจมาก รีบพูดว่า “โชคของเจ้าช่างเหลือร้ายจริงๆ!”

แต่ผู้พิทักษ์มิติพูดจบประโยคนี้ กลับพบว่าซูจี้เหนียนมองเขาด้วยความสงสัย ซูจี้เหนียนรู้สึกหดหู่ กล่าวว่า “ข้าสงสัยว่า ท่านกำลังหลอกข้าด้วยตุ๊กตารัสเซีย”

“ไม่ๆๆ”

ผู้พิทักษ์มิติรีบกล่าวว่า “กล่องของมิติระดับล่างเปิดได้กล่องของมิติระดับกลาง มีโอกาสเช่นนี้อยู่ก็จริง แต่โอกาสนั้นต่ำมาก เพียงแค่ประมาณสองในร้อยส่วน เจ้าที่เปิดกล่องของมิติระดับกลางได้กล่องของมิติระดับสูง โอกาสยิ่งมีเพียงหนึ่งในร้อยส่วน เจ้าเชื่อข้าเถอะ เจ้าไม่มีทางเปิดได้กล่องสมบัติของมิติระดับสูงสุดหรอก หากเจ้ายังเปิดได้ ข้าจะกินอึโชว์เจ้าเลย!”

แต่ผู้พิทักษ์มิติยังพูดไม่จบ เขาก็มองซูจี้เหนียนหยิบกล่องอีกใบออกมาจากในกล่องด้วยความตกตะลึง

เพียงแต่กล่องใบนี้เป็นกล่องสีทองแดง บนกล่องมีลวดลายแปลกๆ เพียงแค่กล่องนี้ ก็ทำให้ซูจี้เหนียนรู้สึกว่า ของข้างในต้องไม่ธรรมดาแน่!

“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

ซูจี้เหนียนมองไปที่ผู้พิทักษ์มิติด้วยความสงสัย

“เอ่อ…ข้าบอกว่าโชคของเจ้าช่างดียิ่งนัก นี่คือกล่องสมบัติของมิติระดับสูงสุด และยังเป็นกล่องสมบัติทองคำ นี่มีโอกาสไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนด้วยซ้ำ! เจ้าทำได้อย่างไร?” ผู้พิทักษ์มิติเริ่มสงสัยในชีวิต

ซูจี้เหนียนค่อยๆ เปิดกล่องออก พบว่าในกล่องมีเม็ดยาเม็ดหนึ่งวางอยู่อย่างเงียบๆ

“หรือว่าจะเป็นยาวิเศษอะไร?”

ลมหายใจของซูจี้เหนียนหนักอึ้ง เขามองไปที่ข้างๆ เม็ดยาอย่างจริงจัง มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ บนกระดาษโบราณมีตัวอักษรเขียนไว้

โอสถร่างแยกไร้ขอบเขต!

“คือ?”

ซูจี้เหนียนไม่เข้าใจว่านี่คืออะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด