บทที่ 11 กลิ่นหอมชวนตะลึง
บทที่ 11 กลิ่นหอมชวนตะลึง
บนดาดฟ้าเปิดโล่งแห่งหนึ่ง หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งกำลังนั่งจิบชา และอาบแดดอย่างสบายอารมณ์
“ท่านประธาน”
ในเวลานี้ พนักงานคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง เมื่อเห็นหญิงสาวก็รีบพูดว่า “จบแล้วขอรับ”
“เร็วดีนี่” หยาหลี่พยักหน้า แล้วถามว่า “หูเถี่ยซานกลับไปแล้วหรือ?”
“ยังขอรับ” พนักงานเดินขึ้นมา กระซิบสองสามประโยค ดวงตาของหยาหลี่ก็เป็นประกาย จากนั้นก็พูดกับตัวเองว่า “ไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ ซูจี้เหนียนผู้นี้เหนือความคาดหมายของข้าไปมาก ดูเหมือนว่า เมื่อเทียบกับบิดาที่ไร้ประโยชน์ของเขาแล้ว เขามีวิสัยทัศน์มากกว่า เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง เขากลับสามารถเอาชนะหูเถี่ยซานได้?”
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะรับมือกับการโต้กลับของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬอย่างไร? จากการกระทำของเขา เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว หรือเขามั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬได้?”
“ท่านประธาน พ่อบ้านฝูมาแล้ว รออยู่ข้างล่าง เขาบอกว่าท่านเจ้าเมืองซูต้องการพบท่าน”
พนักงานได้รีบแจ้งทันที
“จิ๊จิ๊…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของหยาหลี่ก็ยกยิ้ม “ซูจี้เหนียนคงจะรอไม่ไหวแล้วสินะ
สุดท้ายก็เป็นแค่เด็กหนุ่ม แม้จะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ก็ยังเด็กเกินไป ยังใจร้อนอยู่”
“ท่านประธาน กุ้งเครย์ฟิชผัดหม่าล่าในเมืองว่านเซียงขายดีมาก กุ้งเครย์ฟิชที่พวกเราซื้อมาก่อนหน้านี้และส่งไปที่เมืองว่านเซียงนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ ช่วงนี้สินค้าขาดตลาดมาสองวันแล้ว ทำไมพวกเราไม่รีบไปหาท่านเจ้าเมืองซูเพื่อซื้อสินค้าเพิ่มหรือขอรับ?”
พนักงานรู้สึกสงสัย
“ข้าจะรีบไปทำไม”
หยาหลี่ลูบผมยาวของตนเองเบาๆ แล้ววางถ้วยชาลง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนที่รีบคือผู้ซื้อในเมืองว่านเซียงและผู้ขายอย่างซูจี้เหนียน ซูจี้เหนียนเพิ่งจะพบช่องทางทำเงินนี้ เขาย่อมต้องการขายให้มากที่สุด พวกเราไม่ได้ไปรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชของเขานานแล้ว เขาย่อมต้องร้อนใจ ดังนั้นในเวลานี้ ข้าย่อมสามารถต่อรองราคาที่เหมาะสมได้”
“แต่กุ้งเครย์ฟิชหนึ่งตัว พวกเราก็กำไรเกือบสองเหรียญเงินแล้วนะขอรับ” พนักงานรู้สึกตกใจ
“เขาร้อนใจ พวกเราก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้น” หยาหลี่กล่าว “วันนี้เขาเรียกข้าไป คงต้องการถามว่าทำไมข้าไม่ไปรับซื้อกุ้งเครย์ฟิช ถึงตอนนั้นข้าก็สามารถฉวยโอกาสกดราคาลง ต่อให้เหลือเหรียญเงินหนึ่งเหรียญต่อสองตัว ซูจี้เหนียนก็ต้องขายข้าอยู่ดี”
“ยอดเยี่ยม! ท่านประธานช่างหลักแหลมยิ่งนัก”
พนักงานได้ฟัง ก็รู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซูจี้เหนียนต้องร้อนใจแน่ๆ ในเมื่อเขารีบร้อน ฉนั้น ราคาย่อมสามารถต่อรองได้
หยาหลี่เป็นคนที่หลักแหลมมากจริงๆ
นางไม่รีบไปรับซื้อกุ้งเครย์ฟิช หนึ่งคือต้องการดูว่าซูจี้เหนียนจะจัดการกับเรื่องของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬแบบใด สองคือรอให้ซูจี้เหนียนร้อนใจ ตอนนี้นางได้ผลลัพธ์ทั้งสองแล้ว สำหรับเรื่องของกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬ หยาหลี่เห็นว่าซูจี้เหนียนมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ในความคิดของหยาหลี่ ในด้านธุรกิจ ซูจี้เหนียนต้องถูกนางควบคุมอย่างแน่นอน
ระหว่างทาง หยาหลี่เดินช้าๆ ราวกับกำลังชื่นชมทิวทัศน์ระหว่างทาง
ตอนนี้นางไม่รีบ นางแค่อยากเห็นซูจี้เหนียนร้อนใจเท่านั้น
หลังจากอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงจวนเจ้าเมือง หลินฝูที่อยู่ด้านนอกพูดว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านประธานหยาหลี่มาแล้วขอรับ”
“ให้นางเข้ามาเถอะ”
เสียงของซูจี้เหนียนดังขึ้น
หยาหลี่ผลักประตูเข้าไปในห้องหนังสือของซูจี้เหนียน นางกำลังจะพูด แต่ในเวลานี้ ดวงตาของหยาหลี่ก็เป็นประกาย จมูกขยับ นางได้กลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นนี้ราวกับหลอมรวมกับธรรมชาติ ทำให้หยาหลี่ในเวลานี้รู้สึกเหมือนอยู่บนภูเขาสูง สูดอากาศที่สดชื่นที่สุดของสวรรค์และโลก
หยาหลี่มองดู บนโต๊ะของซูจี้เหนียน มีชุดของแปลกๆ วางอยู่
“นี่คือน้ำชา?”
หยาหลี่อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู ซูจี้เหนียนจัดชุดน้ำชา ซื้อใบชาจากในเจดีย์มิติ ในเวลานี้กำลังต้มชา ซูจี้เหนียนไม่ได้พูดอะไร ใช้ถ้วยชาเล็กๆ รินชาให้หยาหลี่หนึ่งถ้วย
“ลองชิมดูสิ”
ซูจี้เหนียนทนไม่ไหวกับใบชาของโลกนี้จริงๆ สิ่งนั้นเรียกว่าใบชาได้หรือ?
มันก็แค่รสชาติของท่อนไม้เน่าๆ แช่ในน้ำไม่ใช่หรือไง?
หยาหลี่เป็นคนที่ชอบดื่มชา ในเวลานี้ นางอดใจไม่ไหวแล้ว รีบยกถ้วยชาเล็กๆ ขึ้นมา ถ้วยชาในมือเรียบลื่น หยาหลี่มองดูถ้วยชาด้วยความประหลาดใจ ถ้วยสีขาวนวลสวยงามมาก ด้านนอกยังมีลวดลายสีเขียว ทำให้รู้สึกว่าชุดน้ำชานี้เป็นสมบัติล้ำค่า
ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร? หยาหลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน มองดูน้ำชาข้างใน ใสมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมา สูดดมเข้าไปก็รู้สึกเหมือนวิญญาณทั้งร่างถูกชำระล้าง
หูนางราวกับได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงกู่ฉิน ราวกับอยู่ใต้ท้องฟ้า ไม่ก็ลอยอยู่เหนือเมฆ รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
หยาหลี่ไม่เกรงใจ ดื่มชาเข้าไปหนึ่งคำ
เพียงแค่น้ำชาเข้าปาก หยาหลี่ก็รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต!
“เหมาเจี้ยนนี้รสชาติดีใช่หรือไม่?”
ซูจี้เหนียนก็ดื่มไปหนึ่งคำ จากนั้นก็ส่ายหน้า “ถ้าน้ำมีคุณภาพดีกว่านี้ก็คงจะดีมาก”
“ชานี่…” ในเวลานี้หยาหลี่ลืมไปหมดแล้วว่าตนเองมาทำอะไร น้ำชานี้ทำให้หยาหลี่หลงใหล กลิ่นหอมอ่อนๆ นี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน เมื่อเข้าปากก็ทำให้รู้สึกเหมือนเปลี่ยนโลกใบใหม่ เมื่อกลืนลงไปก็อ่อนโยน ทิ้งกลิ่นหอมไว้ในปาก ทำให้สดชื่น
นางเองก็สะสมใบชาดีๆ ไว้ที่บ้านพักมิใช่น้อย น้ำชาที่นางเพิ่งดื่มไปเมื่อครู่บนดาดฟ้า ก็คือใบชาที่ดีที่สุดของนาง ปกติแล้วไม่กล้านำออกมาดื่ม แต่เมื่อเทียบกับใบชาที่ซูจี้เหนียนนำออกมา มันเทียบไม่ได้แม้แต่น้ำล้างเท้า!
“ท่านบอกว่า ชานี่เรียกว่าอะไรนะ?”
หยาหลี่อดไม่ได้ที่จะถาม
“เหมาเจี้ยน” ซูจี้เหนียนพูดอย่างใจเย็น “ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า เซี่ยชาเหรินเซียง(หอมจนชวนผู้คนนิ่งงัน)”
“เซี่ยชาเหรินเซียง”
หยาหลี่รินชาให้ตัวเองอีกถ้วย ดื่มเข้าไปหนึ่งคำ สำหรับหยาหลี่แล้ว นี่คือความสุขที่เหนือชั้น!
อา… ข้าดื่มชานี้แล้ว ต่อไปข้าจะดื่มชาอื่นได้อย่างไร!?
“ท่านประธานหยาหลี่ ข้าเรียกท่านมา คืออยากจะคุยกับท่านเรื่องกุ้งเครย์ฟิช”
ซูจี้เหนียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำว่ากุ้งเครย์ฟิช ดวงตาของหยาหลี่ก็เปล่งประกายความหลักแหลม วางถ้วยชาในมือลง หยาหลี่ยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าน้ำชาจะอร่อยแค่ไหน มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเจรจาธุรกิจอย่างมืออาชีพของนาง วันนี้นางต้องการกดราคากุ้งเครย์ฟิชลงให้จงได้
“กุ้งเครย์ฟิช หอการค้าเฉียนอวิ๋นของพวกเรายังสามารถรับซื้อต่อได้ เพียงแต่เรื่องราคา ข้าคิดว่าพวกเราควรคุยกันให้ดี”
หยาหลี่จ้องมองดวงตาของซูจี้เหนียน นางคาดว่าจะได้เห็นความจนใจหรือไม่ก็ความโกรธบนใบหน้าของซูจี้เหนียน
แต่สิ่งที่หยาหลี่ไม่คิดก็คือ นางกลับไม่เห็นอารมณ์ทั้งสองอย่างนั้นเลย
“กุ้งเครย์ฟิช ข้าไม่คิดจะขายให้พวกเจ้าแล้ว”
ซูจี้เหนียนพูดออกมาอย่างน่าตกใจ