ตอนที่แล้ว63 - จับผิดคน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป65 - รถวัวคันแรกในหมู่บ้าน

64 - ยากจนงั้นหรือจงลุกขึ้นมาเถอะ!


ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลจูถูกปิดจากด้านใน ปิดกั้นสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนบ้าน เหลือเพียงเสียงแว่วเบาๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์

บรรยากาศในลานบ้านตึงเครียดขึ้นอย่างมาก

ภายใต้แรงกดดันจากคำถามของทุกคน ท่านลุงใหญ่จูโซ่ววเหรินในที่สุดก็ยอมสารภาพความจริงทั้งหมด

“ท่านพ่อขอรับ ลูกก็จนปัญญาเหมือนกัน เงินที่ลูกมีมันไม่พอสำหรับเลี้ยงสุราและให้ของขวัญแก่เพื่อนและอาจารย์ ลูกเลยต้องไปกู้เงินนอกระบบ ส่วนที่ต้องใช้ชื่อของน้องชายแทน ก็เพราะลูกต้องสอบเข้ารับราชการ ถ้าในสัญญามีชื่อของลูกเอง จะกลายเป็นมลทิน ลูกจะไม่มีใครมาช่วยค้ำประกัน ต่อให้ลูกสอบผ่านเป็นบัณฑิต ชื่อเสียงนี้ก็อาจทำให้ลูกไม่สามารถเป็นขุนนางได้ ลูก...ลูกทำทุกอย่างด้วยความจำใจขอรับ!”

จูโซ่วเหรินคุกเข่าลงกอดขาของท่านปู่ พร้อมทั้งร้องไห้คร่ำครวญ

คำพูดของเขานั้นฟังดูเหมือนว่าเขาพยายามปลดตัวเองจากความผิด โดยวางตนเป็นผู้เสียสละเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล

“เจ้ายังกล้าพูดอีก!” ท่านปู่โกรธจนตัวสั่น ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนหน้าของจูโซ่วเหรินอย่างแรง “ครอบครัวเราประหยัดส่งเจ้าร่ำเรียน แต่เจ้ากลับมาทำเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้!”

จูโซ่วเหรินไม่หลบการลงโทษ ปล่อยให้ฝ่ามือของท่านปู่ฟาดลงบนหน้า จนหน้าหัน

“ท่านพ่อขอรับ ลูกทำเพื่อตระกูลนะขอรับ!” จูโซ่วเหรินที่โดนตบยังคงร้องไห้ต่อไป “ลูกทำเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูล ลูกต้องได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ที่มีเคล็ดลับลับเฉพาะ ลูกต้องหลีกเลี่ยงมลทิน ท่านพ่อขอรับ ลูกไม่มีทางเลือก!”

ท่านปู่มองลูกชายคนโตที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วหันไปมองลูกชายคนรองที่นอนบาดเจ็บอยู่บนแคร่ หลานชายที่มองมาด้วยความโกรธ และสะใภ้ที่ดูเหมือนอยากจะข่วนลูกชายคนโตให้เป็นชิ้นๆ ใจของท่านปู่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า

“โอ้ นี่หรือว่าที่บัณฑิตและขุนนางในอนาคตของตระกูลจู ยินดีด้วยนะท่านปู่จู ตระกูลของท่านคงจะรุ่งเรืองในเร็วๆ นี้” ชายอ้วนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ขณะมองเหตุการณ์วุ่นวายในบ้าน “แต่ถึงอย่างไร ต่อให้เจ้าจะเป็นใคร การเป็นหนี้ก็ต้องใช้ ไม่ผิดกฎฟ้าดินหรอก”

ใบหน้าของชายอ้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แววตาแฝงด้วยความโหดเหี้ยม เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหลมคม “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะจัดการกันยังไง แต่เงินที่ยืมข้าไปต้องคืนครบทุกเหรียญ วันนี้ต้องคืน 15 ตำลึง แต่ถ้าข้ามาเก็บอีกครั้งในสามวัน ก็ต้องคืน 16 ตำลึง และถ้าวันนั้นพวกเจ้ามีปัญหา ใครในบ้านนี้โดนลูกน้องข้าที่ไม่รู้จักเบามือทำอะไรขึ้นมา ก็อย่ามาโทษข้าละกัน!”

พูดจบ ชายอ้วนก็ยืนรอคำตอบจากตระกูลจู

15 ตำลึง...ตอนนี้ในบ้านไม่มีเงินมากขนาดนั้น ท่านปู่หลับตาลง รู้สึกอ่อนแรง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินไปหาชายอ้วน พร้อมยกมือคำนับ “ครอบครัวข้าไร้โชค ทำให้ท่านต้องหัวเราะเยาะ ข้ารู้ดีว่าหนี้ต้องชดใช้ แต่วันนี้บ้านข้าไม่มีเงิน 15 ตำลึงจริงๆ ข้าขอร้องให้ท่านกลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย เราจะเตรียมเงินให้ครบ 15 ตำลึง ท่านเห็นว่าอย่างไร?”

ชายอ้วนยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ได้ ข้าก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจอะไรนักหรอก พรุ่งนี้ตอนบ่าย ข้าจะมาเก็บเงิน แต่ถ้าไม่มีเงินล่ะก็ พวกลูกน้องข้าอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”

“พวกเราไป!” ชายอ้วนพูดจบก็เตรียมเดินออกไป

แต่ทันใดนั้น เสียงเด็กที่อ่อนวัยแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็ดังขึ้น

“หยุดก่อน!”

ทุกคนที่ยังไม่ทันได้หายตกใจต่างหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงของจูผิงอัน

ชายอ้วนก็ชะงัก ก่อนหันมามองด้วยความไม่พอใจ “ว่าไง?!”

จูผิงอันเงยหน้าขึ้น จ้องตากับชายอ้วนอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาแดงก่ำของเขาตะโกนเสียงดังว่า

“พวกเจ้าทำร้ายท่านพ่อข้า แล้วยังจะพูดอะไรไม่ออกแล้วเดินจากไปอย่างนั้นหรือ! ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าผู้ที่กู้เงินตัวจริงคือท่านลุงใหญ่ของข้า แต่พวกเจ้ากลับทำร้ายท่านพ่อข้า!”

“การชดใช้หนี้นั้นเป็นเรื่องที่สมควร แต่ถึงข้าจะยังเด็ก ข้าก็เคยได้ยินว่าการชดใช้ด้วยเลือดก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรม! การที่เจ้าทำผิดตัวกับผู้กู้เงิน นี่เป็นความผิดของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ! การที่ทำร้ายท่านพ่อข้า นี่ก็เป็นความผิดของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ!”

“ทำร้ายท่านพ่อข้า แล้วคิดจะจากไปอย่างนี้เลยหรือ!”

เมื่อได้ยินเสียงซักถามของจูผิงอันซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อย ชายอ้วนรู้สึกเสียหน้า ใบหน้าแสดงความไม่พอใจ “เจ้าอยากจะชดใช้ด้วยเลือดหรือไง?”

“จื้อเอ๋อร์!”

“เจ้าหนูจื้อ!”

คนในบ้านต่างกังวลกันยกใหญ่

“ตอนนี้ข้ายังเล็ก ไม่สามารถต่อสู้กับเจ้าได้ การชดใช้ด้วยเลือดไว้คราวหน้า แต่เจ้าต้องให้คำอธิบายกับพวกเราด้วย ถ้าเจ้าโดนทำร้ายโดยไม่มีเหตุผล เจ้าจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ แบบนี้หรือ?” จูผิงอันพูดพร้อมจ้องหน้าชายอ้วน

จูผิงชวนพี่ชายคนโตของเขา เดินมายืนเคียงข้าง พร้อมมองชายอ้วนด้วยสายตาเดียวกัน

ชายอ้วนชะงักไปครู่หนึ่ง พลางนึกถึงคำที่คนเล่านิทานมักพูดว่า “อย่าดูถูกเด็กหนุ่มที่ยากจน” ก่อนจะมองเด็กน้อยทั้งสองที่จ้องเขาอย่างมุ่งมั่น เขาบ่นพึมพำ “ซวยจริงๆ” จากนั้นล้วงเหรียญหนึ่งสายออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนลงพื้น

จะตกลงพื้นก็ช่างเถอะ จูผิงอันไม่ได้เหมือนตัวเอกในนิยายบางเรื่องที่จะบีบให้ชายอ้วนเก็บเหรียญขึ้นมาให้เขา ทำแบบนั้นจะตายเอาได้ การมีเงินชดเชยเท่านี้ก็นับว่าโชคดีแล้ว

ชายอ้วนเดินจากไป แต่ปัญหาเงินกู้นอกระบบยังคงไม่ได้รับการแก้ไข

ท่านลุงใหญ่ที่แอบใช้ชื่อของท่านพ่อของเขาในการกู้เงินจนทำให้ท่านพ่อโดนทำร้าย บ้านนี้ต้องมีคำอธิบาย

เฉินซื่อยืนพร้อมลูกชายสองคน มองท่านปู่และท่านย่า

“ท่านพ่อ อีกไม่นานลูกก็ต้องสอบ ลูกไม่สามารถทิ้งรอยด่างนี้ไว้ได้ ลูกไม่มีทางเลือก ลูกทำทั้งหมดก็เพื่อตระกูล!” ท่านลุงใหญ่คุกเข่ากอดขาท่านปู่ ร้องไห้เสียงดัง

“เลิกร้องเถอะ” ท่านปู่ตบไหล่ท่านลุงใหญ่เบาๆ พร้อมถอนหายใจ

ท่านลุงใหญ่หยุดร้องทันที เปลี่ยนเป็นสะอื้นเบาๆ ซึ่งทำให้จูผิงอันมองด้วยสายตาเหยียดหยาม นี่เป็นวิธีที่น่ารังเกียจเกินไป

แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องทั่วพื้นดิน สีทองอร่ามทอดเงาเต็มลานบ้าน ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลจูเปิดออกอีกครั้ง จูผิงอันและครอบครัวเดินออกมา แต่ละคนแบกข้าวของกระเป๋าใหญ่เล็ก เฉินซื่อกับจูผิงชวนช่วยกันหามแคร่ที่มีท่านพ่อนอนอยู่ ผู้ชายที่โดนทำร้ายจนเลือดออกแต่ไม่แม้แต่จะร้องไห้ ตอนนี้เขามองบ้านตระกูลจูด้วยน้ำตาอาบแก้ม

“หมื่นสิ่งล้วนด้อยค่า มีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่เลิศล้ำ”

จูผิงอันเข้าใจความหมายของคำนี้อย่างแท้จริงในวันนี้

“อี้เอ๋อร์ พ่อขอโทษพวกเจ้าจริงๆ!”

ไม่ว่าท่านปู่จะรู้สึกผิดหรือร้องไห้เสียใจแค่ไหน แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เพื่อรักษาชื่อเสียงของท่านลุงใหญ่ เพื่อการสอบของท่านลุงใหญ่...ครอบครัวของจูผิงอันถูกแบ่งแยกออกไป หรือพูดให้ถูกคือถูกขับออกจากบ้าน! ท่านพ่อยังต้องแบกรับชื่อเสียงที่เสียหายจากการกู้เงินนอกระบบ!

ที่ดิน 2 ผืนเป็นที่นาข้าว ที่ดิน 5 ผืนเป็นที่ดินแห้ง มีข้าวสองสามกระสอบมีหม้อไหแตกๆ และบ้านหลังเล็กที่ไม่มีรั้วในหมู่บ้านฝั่งตะวันออก

“เช้าชาวไร่ เย็นบัณฑิตแห่งราชสำนัก”

“ขุนนางไม่ได้เกิดจากสายเลือด ชายชาตรีต้องแข็งแกร่งด้วยตัวเอง”

จูผิงอันมองบ้านตระกูลจูอีกครั้งก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ครอบครัวยากจนอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็จงลุกขึ้นมาเถอะ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด