63 - จับผิดคน
“จูโซ่วอี้อยู่บ้านหรือไม่ วันนี้ลูกน้องของข้าลงมือหนักไปหน่อยจนทำให้เจ้าบาดเจ็บ ข้ามาขอโทษ”
เสียงหยิ่งยโสดังมาจากหน้าประตู แม้จะบอกว่ามาขอโทษ แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อพูดจบ ชายร่างอ้วนหน้าดุดันก็ก้าวเข้ามาในบ้าน พร้อมกับลูกน้องในชุดดำอีกเจ็ดถึงแปดคน
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ ท่านอาสี่ของจูผิงอันถึงกับกระโดดลุกขึ้นอย่างตกใจ พร้อมชี้ไปที่ลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังชายอ้วนแล้วพูดว่า “พวกนี้แหละที่เป็นคนพาพวกมาทำร้ายพี่รอง!”
ท่านลุงใหญ่เมื่อเห็นคนเหล่านั้นก็รีบแอบเข้าไปในห้องทันที
เมื่อได้ยินว่าคนพวกนี้เป็นคนทำร้ายจูโซ่วอี้ ท่านแม่ของจูผิงอันไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นพุ่งไปข่วนพวกเขาทันที แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้ จูโซ่วอี้ที่นอนอยู่บนเปลหามก็ดึงแขนของนางไว้แน่น สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานาน ทำให้จูโซ่วอี้รู้ทันว่านางจะทำอะไร
จูผิงชวนและจูผิงอันก็ถูกท่านอาสี่ดึงแขนไว้เช่นกัน
“พวกเจ้ามันใจดำ ทำไมต้องมาทำร้ายสามีข้าด้วย! รอไปก่อนเถอะ ข้าจะไปฟ้องที่ศาลอำเภอให้ถึงที่สุด!” ท่านแม่ของจูผิงอันตะโกนด่าออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล แม้จะถูกสามีดึงแขนไว้ก็ตาม นางขู่ด้วยท่าทีเอาเป็นเอาตาย
แต่ความดุของท่านแม่ไม่ได้ทำให้พวกนั้นสะทกสะท้าน พวกเขาเป็นพวกนักเลงที่ไม่เกรงกลัวผู้หญิงหรือเด็กอยู่แล้ว
“คนเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้สิ อยากไปฟ้องก็ไปเถอะ ถึงฟ้องจนฟ้าถล่มก็เปลี่ยนความจริงข้อนี้ไม่ได้” ชายอ้วนพูดพร้อมหัวเราะเยาะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ตอนนั้นเอง จูผิงอันสังเกตเห็นท่านลุงใหญ่ของเขาแอบหลบหนีเข้าห้อง เขาเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับท่านลุงใหญ่มาได้สักระยะแล้ว ตั้งแต่เรื่องสาวงามที่ถูกอ้างว่าเป็นของขวัญจากเพื่อน เงินหนึ่งตำลึงที่เพื่อนไม่ตั้งใจให้ หรือแม้แต่การที่ท่านลุงใหญ่เอาเงินไปซื้อใจท่านย่ากับป้าสะใภ้ใหญ่ รวมถึงอาหารหรูหราในศาลบรรพชน ทุกอย่างล้วนดูผิดปกติ
จูผิงอันสะบัดแขนออกจากการจับของท่านอาสี่แล้วเดินไปหากลุ่มชายอ้วนอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมพูดเสียงดังว่า “พวกเจ้าบอกว่าท่านพ่อข้ากู้เงินพวกเจ้า มีหลักฐานหรือไม่?”
“เจ้าเด็กน้อย...”
“เจ้าหนู...”
เสียงครอบครัวดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ชายอ้วนที่เต็มไปด้วยเนื้อยิ้มขำเมื่อเห็นเด็กที่สูงแค่ขาเดินเข้ามาท้าทายเขา ปกติเด็กคนอื่นเมื่อเห็นเขามักจะร้องไห้ด้วยความกลัว แต่ครั้งนี้เขาเจอเด็กที่กล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อ
“เจ้ารู้หนังสือหรือไง?” ชายอ้วนถามพร้อมเสียงหัวเราะ
“ข้าศึกษาในสำนักศึกษามาร้อยวันแล้ว เจ้าจะมาหลอกข้าไม่ได้!” จูผิงอันตอบกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง พลางยื่นมือเล็กๆ ไปขอดูหลักฐาน
“ระวังให้ดี อย่าคิดฉีกหลักฐาน ไม่อย่างนั้นข้าจะลงมือแน่” ชายอ้วนพูดขู่
แม้จะขู่ แต่เขาก็หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องนำใบกู้เงินออกมาให้เด็กน้อยดู
ชายในชุดดำหยิบใบกู้เงินออกมาอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งเปิดให้จูผิงอันดู โดยไม่ละสายตา
จูผิงอันมองเพียงแวบเดียวแล้วหัวเราะเยาะ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองชายอ้วนพร้อมพูดอย่างหนักแน่นว่า “นี่ไม่ใช่ใบกู้เงินของท่านพ่อข้า!”
“หา! เจ้าเด็กน้อย ยังกล้ามาโกหกข้าหรือ! ข้าจะลงมือทั้งผู้ใหญ่และเด็กเลยนะ นี่มันลายมือท่านพ่อเจ้าชัดๆ!” ชายอ้วนพูดด้วยความโกรธ
“เจ้าบอกว่านี่คือลายมือของท่านพ่อข้า เจ้ามั่นใจหรือ?” จูผิงอันถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน
“แน่นอน ข้าเห็น...!”
“ข้าเห็นกับตาว่าท่านพ่อเจ้าเขียนเอง” ชายอ้วนตอบยืนยัน
“เห็นกับตา... บางครั้งสิ่งที่เห็นก็ไม่ใช่ความจริงเสมอไป” ใบหน้ากลมเล็กของจูผิงอันยกยิ้มเยาะเย้ย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?!” ความอดทนของชายอ้วนใกล้หมด เด็กคนนี้กล้าหัวเราะเยาะข้าเชียวหรือ
จูผิงอันเดินไปที่ท่านพ่อของเขา ดึงท่านแม่ที่ยืนขวางหน้าออกเบาๆ แล้วหันไปมองชายอ้วนด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนถามเสียงดัง
“หมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ? เจ้าลองมาดูสิ คนที่เจ้าว่ามาเขียนสัญญาเงินกู้เองต่อหน้าเจ้า คือคนที่นอนบาดเจ็บตรงหน้าข้าคนนี้หรือเปล่า?”
คำพูดของจูผิงอันทำให้ชายอ้วนหยุดชะงัก เด็กอ้วนนี้ตะโกนเสียงดังราวกับว่าเป็นข้าที่ไปกู้เงินเขาเสียเอง!
ชายอ้วนเดินตามมือของจูผิงอันไปอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจูโซ่วอี้
“อ้าวเฮ้ย! ใครกันเนี่ย? ทำไมถึงได้บาดเจ็บขนาดนี้?”
ชายอ้วนถึงกับงงเมื่อเห็นจูโซ่วอี้เต็มไปด้วยเลือด เขามองจูผิงอันราวกับจะถามว่าเจ้าจะมาหาเรื่องใส่ข้าเหรอ?
แต่แล้วชายอ้วนก็เริ่มเข้าใจบางอย่างเมื่อเห็นสายตาโกรธของจูผิงอัน เขาหันไปตบหน้าลูกน้องคนหนึ่งอย่างแรง
“พวกแกนี่มันตาถั่วจริงๆ! นี่หรือคนที่พวกแกทำร้าย?”
ลูกน้องที่โดนตบหน้าถึงกับกุมหน้าไว้ไม่กล้าโต้ตอบ พูดด้วยเสียงเบา “พี่ใหญ่ขอรับ คนนี้แหละคือจูโซ่วอี้ ข้าตรวจสอบดีแล้ว”
“เจ้ายังกล้าบอกว่าตัวเองตรวจสอบดีแล้วอีกเหรอ!” ชายอ้วนตบหน้าลูกน้องอีกครั้ง คราวนี้แรงจนเลือดกำเดาไหล
คนในครอบครัวจูต่างมองหน้ากันด้วยความสับสน และหันมามองจูผิงอันอย่างสงสัย
ตั้งแต่แรกที่จูผิงอันเห็นใบสัญญา เขาก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ของท่านพ่อเขา เพราะสัญญานี้เขียนด้วยลายมือทั้งหมด ไม่มีการวงชื่อและประทับลายนิ้วมือ ซึ่งปกติหากคนเขียนหนังสือไม่เป็น จะให้ผู้อื่นเขียนแล้วตนเองวงชื่อก่อนประทับลายนิ้วมือ
จากสัญญานี้และคำพูดของชายอ้วนที่ยืนยันว่าเห็นกับตาว่า “จูโซ่วอี้” เป็นคนเขียน คำตอบก็ชัดเจนแล้วว่าต้องเป็นท่านลุงใหญ่ที่สวมรอยชื่อท่านพ่อเขาไปกู้เงิน
“จูโซ่วอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!” ชายอ้วนที่ดุด่าลูกน้องอยู่หันไปเห็นชายที่แอบมองจากในบ้าน และจำได้ทันทีว่านั่นคือคนที่กู้เงิน
เสียงตะโกนของชายอ้วนทำให้ทุกคนหันไปมองลุงใหญ่จูโซ่วเหริน ที่กำลังพยายามหลบเข้าไปในห้องด้วยท่าทีขลาดกลัว
“เจ้าคงจำคนผิดแล้วกระมัง!” ท่านลุงใหญ่พูดอย่างไม่มั่นใจ
“ข้าจะจำผิดได้อย่างไร คนที่กู้เงินกับข้าต่อให้ตายก็จำได้!” ชายอ้วนถ่มน้ำลายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องลากท่านลุงใหญ่ออกมา
ขณะที่ทุกคนยังตั้งตัวไม่ทัน ท่านแม่ของจูผิงอันพุ่งเข้ามาข่วนใบหน้าท่านลุงใหญ่ พร้อมทั้งร้องไห้และด่าอย่างเจ็บแค้น
“เจ้ามีพี่ชายแบบนี้ได้อย่างไร! สามีข้าต้องเหนื่อยยากหาเลี้ยงครอบครัว ยังมาทำแบบนี้กับพวกเราอีก เจ้าจะตอบแทนเราแบบนี้งั้นหรือ?!”
หากไม่ถูกท่านย่ากับป้าสะใภ้ใหญ่ห้ามไว้ ท่านแม่คงข่วนท่านลุงใหญ่จนหน้าพังไปแล้ว
ทุกอย่างชัดเจนแล้ว!
ท่านปู่มองลุงใหญ่ด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา แล้วหันไปมองลูกชายคนรองที่นอนเลือดไหลเต็มขา มือที่ถือไม้เท้าสั่นระริก...