61 - ทั้งร้องทั้งเต้น
“ฮึ! คุณหนู เราอย่าไปสนใจเจ้าเด็กปากเสียไร้ยางอายคนนี้เลยเจ้าค่ะ” สาวใช้ ฮวาเอ๋อร์ พูดขึ้นเมื่อเห็นคุณหนูของตนโดนจูผิงอันทำให้เสียหน้า ทั้งยังแอบถลึงตาใส่จูผิงอันด้วยท่าทางแค้นฝังลึก
คุณหนูของเขารับฟังอย่างว่าง่าย นางสะบัดหน้าด้วยความหยิ่งยโส ปากพูด “ฮึ” พร้อมจูงม้าแดงตัวน้อยแสนรักเตรียมเดินจากไป
“เฮ้ หลี่ซู!” จูผิงอันตะโกนเรียกคุณหนูเจ้าอารมณ์ที่กำลังจะเดินจากไป
คุณหนูเจ้าอารมณ์ หลี่ซู หยุดเท้า ใบหน้าเล็กๆ ดูไม่เป็นธรรมชาติ หันหลังกลับมาทำท่าไม่อยากพูดคุยกับเขา
“เจ้าลืมอะไรบางอย่างหรือเปล่า” จูผิงอันพูดพร้อมใบหน้ากลมๆ ที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจเลย!
คุณหนูเจ้าอารณ์มองหน้าจูผิงอันที่ดูมีเลศนัยแล้วพลันนึกขึ้นได้ ใบหน้าเล็กๆ ของนางดูเหมือนถูกทำให้ตกใจจนหน้าแดงไปหมด ปากน้อยๆ บึนขึ้น “เจ้า...ฮึ! เจ้าอย่าฝันไปเลย ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าคางคกอย่างเจ้าหรอก!”
สาวใช้ฮวาเอ๋อร์เองก็ดูจะเป็นกังวล นางเป็นสาวใช้คนสนิทของหลี่ซู ในอนาคตตามธรรมเนียมจะต้องเป็นสาวใช้นางบำเรอที่ติดตามคุณหนูไปด้วย หากคุณหนูแต่งงานกับเจ้าเด็กคนนี้ เขาก็ต้องไปเป็นสาวใช้นางบำเรอให้เขา ไม่เอาหรอก! เขายังเป็นแค่เด็กอยู่เลย แถมยังตะกละ เคยตีนาง เคยเล่าเรื่องผีหลอกนางด้วย แบบนี้โตขึ้นก็ต้องเป็นเด็กดื้อแน่ๆ ไม่เอา!
จูผิงอันยืนนิ่งอยู่นาน พลางคิดในใจอย่างไร้คำพูดว่า “ใครบอกว่าข้าอยากแต่งงานกับเจ้ากัน? เจ้าอารมณ์ หยิ่งยโส ไร้มารยาท หน้าตาดีแล้วยังไง? สมองข้าคงต้องเพี้ยนแน่ๆ ถ้าจะไปแต่งกับนาง!”
“แล้วเจ้าล่ะสาวใช้คนนี้ จะตกใจอะไรขนาดนั้น!”
“งั้นแปลว่าพวกเจ้าจะไม่รักษาคำพูดสินะ แต่ไม่เป็นไรนะ พอดีคนทั้งสองหมู่บ้านอยู่ที่นี่กันหมด ขอแค่พวกเจ้าบอกต่อหน้าทุกคนว่าพวกเจ้าไม่รักษาคำพูดก็พอ ข้าเป็นคนที่ใจกว้างอยู่แล้ว”
จูผิงอันยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอย่างสนุกกับสถานการณ์ตรงหน้า
“จะให้พูดต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ ไม่มีทางหรอก!”
“เจ้า...ขอแค่ไม่ใช่แต่งกับเจ้า เจ้าคางคกทั้งจนทั้งขี้เหร่ เจ้าจะพูดอะไรก็พูดมา!” คุณหนูเจ้าอารณ์กัดฟันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“คุณหนู...” สาวใช้ฮวาเอ๋อร์เรียกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
จูผิงอันไม่พูดพร่ำทำเพลง พยักหน้าแล้วนำทั้งสองคนไปยังที่เงียบสงบใต้ร่มไม้ ห่างจากผู้คน
ระหว่างทางสาวใช้ฮวาเอ๋อร์มองจูผิงอันด้วยสายตาเหมือนเจอสัตว์ร้าย นางกระตุกมือคุณหนูไม่หยุด น้ำตาเริ่มคลอ “คุณหนู อย่าไปเลยเจ้าค่ะ เราอย่าไปเลย!”
“ถ้ายังพูดอีก ข้าจะขายเจ้าให้แม่เล้า!” หลี่ซูหันมาขู่จนสาวใช้นิ่งเงียบ
ใต้ต้นไม้ คุณหนูเจ้าอารมณ์หยุดเท้าแล้วหันมามองจูผิงอันอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดมาสิเจ้าต้องการอะไร?”
จูผิงอันนั่งลงกับพื้นพิงต้นไม้ด้วยท่าทางสบายๆ
“ข้าต้องการพวกเจ้า...” จูผิงอันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“จะเอาพวกข้า เจ้า...เจ้า...”
สาวใช้ฮวาเอ๋อร์หน้าแดง น้ำตาคลอ ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก
เพราะจูผิงอันพูดต่อทันที
“ข้าอยากให้พวกเจ้า...ร้องเพลงให้ข้าฟัง” จูผิงอันเอียงหัวพูดช้าๆ
“ร้องเพลงเหรอ? ง่ายขนาดนี้เลย?” สาวใช้ฮวาเอ๋อร์ดูไม่ค่อยเชื่อ
“แน่นอนว่าไม่ง่ายขนาดนั้น ข้ายังต้องการให้พวกเจ้า...” จูผิงอันนั่งตัวตรง ใบหน้ากลมเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
จริงด้วย! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่มีทางคิดดีหรอก ยังไงก็ต้องการบางอย่างจากพวกเราอยู่ดี! สาวใช้ฮวาเอ๋อร์ใบหน้าเปลี่ยนสีไปมา จากที่ดูผ่อนคลายเมื่อครู่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เขาเริ่มร้องสะอื้นแต่ก็ต้องหยุดกะทันหัน
เพราะจูผิงอันพูดต่อ
“แน่นอนว่าไม่ง่ายขนาดนั้น ข้ายังอยากให้พวกเจ้า...เต้นด้วย” ใบหน้ากลมเล็กของจูผิงอันแสดงออกถึงความซุกซน
“แค่ร้องเพลงกับเต้นเท่านั้น?” สาวใช้ฮวาเอ๋อร์ยังไม่ค่อยเชื่อ
“ไม่งั้นเจ้าคิดว่าข้าจะให้ทำอะไรล่ะ?” จูผิงอันย้อนถาม
“ข้า...” สาวใช้ฮวาเอ๋อร์พูดไม่ออก
“ข้าอะไรกัน! ถ้าอยากร้องอยากเต้นก็ไปทำสิ ข้าไม่ทำหรอก!” คุณหนูเจ้าอารมณ์ที่อยู่ข้างๆ เริ่มไม่พอใจ ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ให้เขาร้องเพลงเต้นให้เจ้าคางคกคนนี้ดู ช่างลำบากใจจริงๆ ความโมโหทั้งหมดจึงพาลไปลงที่สาวใช้
“คุณหนู...” สาวใช้ฮวาเอ๋อร์พูดอย่างน้อยใจ
“ไม่ร้องไม่เต้น?” จูผิงอันมองคุณหนูเจ้าอารมณ์พร้อมพูดเสียงเย็น “งั้นเจ้าก็ไปพูดต่อหน้าคนอื่นว่าพูดแล้วไม่รักษาคำพูดสิ”
“เจ้า...ฮึ! ข้าร้อง ข้าเต้น พอใจรึยัง!” คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดอย่างโมโห
จูผิงอันยิ้มเจ้าเล่ห์เรียกทั้งสองคนเข้ามาใกล้ แล้วอธิบายสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งสองฟังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ
เมื่อจูผิงอันเริ่มทำหน้าขรึม ทั้งสองก็จำใจยอมทำตาม
ต้องยอมรับว่าเด็กๆ เรียนรู้ไวมาก หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็เริ่มแสดงตามที่จูผิงอันต้องการ
พวกเขามองจูผิงอันด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็เริ่มยกมือขึ้นวางไว้บนศีรษะ นิ้วหัวแม่มือพับลง นิ้วที่เหลือชิดกันเหมือนรูปหูกระต่าย เป็นท่าทางที่มักใช้สอนเด็กในโรงเรียนอนุบาลเวลาร้องเพลงเต้นเกี่ยวกับสัตว์
พวกเขาส่ายสะโพกอย่างมีจังหวะ ท่าทางที่น่ารักแบบเด็กๆ ผสมกับชุดฮั่นฝูหลวมๆ ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวดูเบาสบายและเป็นธรรมชาติ
แต่ความน่ารักทั้งหมดต้องถูกทำลาย เมื่อฟังเพลงที่พวกนางร้อง
“ข้าอยากมีบ้าน บ้านที่มีเขา ตอนกลางวันปั๊บปั๊บ กลางคืนปั๊บปั๊บปั๊บ ระเบียงปั๊บปั๊บปั๊บ ห้องนั่งเล่นปั๊บปั๊บปั๊บ ห้องน้ำปั๊บปั๊บปั๊บ อ่างอาบน้ำปั๊บปั๊บปั๊บ ห้องครัวปั๊บปั๊บปั๊บ รถปั๊บปั๊บปั๊บ บนเขาปั๊บปั๊บปั๊บ ริมนา ปั๊บปั๊บปั๊บ ลิฟต์ปั๊บปั๊บปั๊บ บันไดปั๊บปั๊บปั๊บ ปั๊บปั๊บปั๊บปั๊บปั๊บ!”
กระต่ายสองตัวที่กระโดดโลดเต้นด้วยความร่าเริง ใช้เสียงน่ารักๆ ร้องเพลงที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้งแบบนี้สร้างความประหลาดใจและขบขันให้กับจูผิงอันจนเขาอดหัวเราะไม่ได้
ส่วนคุณหนูเจ้าอารมณ์นั้นรู้สึกสงสัย “ปั๊บปั๊บ” คืออะไร? ห้องน้ำ ลิฟต์ รถพวกนี้คืออะไร? ทั้งหมดนี้มันแปลกมาก แต่การเต้นนี้ช่างผ่อนคลายจริงๆ แม้ว่าเพลงจะมีความหมายที่เขายังไม่เข้าใจ แต่จังหวะก็สนุกกว่าเพลงเด็กที่เคยเรียนมาเยอะเลย