บทที่ 178: นี่คือมังกรหรือ?
แค่ก! แค่ก!
ช่างตัดผมกระแอมเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเขินอาย “อาจจะนะ สาวเผ่ากระต่ายทุกชุดที่ส่งมาที่นี่ขายหมดเกลี้ยงทุกครั้งเลย”
หลังจากปรับทรงผมครั้งสุดท้ายเสร็จ ช่างตัดผมใช้ผ้าลินินปัดเศษผมออกจากคอของฟาง ฮ่าว
“เรียบร้อยแล้วครับ” ช่างตัดผมตบเบา ๆ ที่ไหล่ของเขา
“อืม”
ฟาง ฮ่าวยืนขึ้น โน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมปัดเศษผมออกจากหัวด้วยมือของเขาเอง
ดูเหมือนว่าจะไม่มีบริการล้างผมที่นี่ เขาคงต้องล้างเองในภายหลัง
เขาจ่ายค่าบริการช่างตัดผมแล้วเดินออกจากร้านพร้อมกับอันเจีย
“ทำไมเจ้าตัดมันสั้นขนาดนี้?” อันเจียถามระหว่างทาง
“หา? มันไม่ดูดีหรือ?”
“ไม่ได้แย่หรอก แต่พวกขุนนางมักไว้ผมยาว เจ้าควรเรียนรู้จากวิธีการแต่งตัวของพวกเขา” อันเจียแนะนำ
“ข้าไม่ใช่ขุนนาง และทรงผมของพวกเขามันไม่เท่เลย”
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนน พวกเขาเห็นโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งกำลังเปิดร้าน
ถึงยังเป็นช่วงเช้าอยู่ โรงเตี๊ยมต้องเตรียมพร้อมแต่เช้า แม้ว่าจะยังไม่เปิดบริการก็ตาม
เมื่อเข้าไปข้างใน บาร์เทนเดอร์กำลังจัดโต๊ะและทำความสะอาดคราบเลอะจากเมื่อคืน
สาวบาร์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ กำลังบิดขี้เกียจพร้อมกับอ้าปากหาวยาว
รูปร่างโค้งเว้าของเธอเผยให้เห็นอย่างเต็มตาในจังหวะนั้น
“อา~!”
เสียงครางอย่างเกียจคร้านที่มาพร้อมกับการบิดขี้เกียจแทบจะทำให้คนมองเลือดกำเดาไหล
นี่มันกระตุ้นตั้งแต่เช้าเลยนะ เจ้าของโรงเตี๊ยมจะรับมือไหวหรือ?
หลังจากหาวเสร็จ สาวบาร์ก็สังเกตเห็นฟาง ฮ่าวเดินเข้ามา
ขณะที่กำลังเช็ดเคาน์เตอร์ เธอโพสต์ท่าที่ชวนลุ่มหลง “มาเช้าขนาดนี้ เจ้าจะมาดื่ม หรือมาคุยกัน?”
ยังไม่ถึงเวลาที่คนจะมาดื่ม แต่ก็มีชายหลายคนที่ชอบมาเช้าหน่อยเพื่อพูดคุยกับเธอ
ฟาง ฮ่าวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ แล้วพูดตรง ๆ ว่า “มาคุย”
เจ้าของโรงเตี๊ยมยิ้มพร้อมกับวางแขนลงบนเคาน์เตอร์ “มาเลย ข้าชอบหนุ่มแข็งแรงแบบเจ้า”
“ถนนเส้นไหนในเมืองพรูเอลล์เหมาะกับการทำธุรกิจที่สุด?” ฟาง ฮ่าวถามตรง ๆ
“หา?” สาวบาร์หยุดชะงัก คำถามที่เธอคาดหวังว่าจะเป็นคำหวานกลับกลายเป็นเรื่องธุรกิจ “เจ้าจะทำอะไร?”
“เปิดร้าน” ฟาง ฮ่าวตอบ
“ถ้าเจ้าจะทำธุรกิจ ถนนสายนี้คือที่ที่ดีที่สุด” สาวบาร์หยิบผ้ามาเช็ดเคาน์เตอร์ต่อ
เมืองพรูเอลล์ไม่ได้ใหญ่นัก มีประชากรราวหนึ่งหมื่นคน
และถนนที่คึกคักที่สุดคือย่านการค้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเตี๊ยม
แม้ว่าจะเป็นถนนที่คึกคักที่สุด แต่ก็เป็นการเปรียบเทียบกับถนนสายอื่น ๆ ในเมือง
ถนนสายนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่าง ๆ ทำให้เป็นเหมืองทองของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
“แล้วร้านตรงข้ามล่ะ? ข้าเห็นว่ามันประกาศขายอยู่” ฟาง ฮ่าวถามต่อ
“เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ นี่คือเหตุผลที่เจ้ามาหาข้าหรือเปล่า?” สาวบาร์หันหลังและพิงเคาน์เตอร์ ก่อนจะเคาะหน้าผากของฟาง ฮ่าวเบา ๆ ด้วยท่าทีหยอกเย้า
คอเสื้อที่หลวมของเธอลดลง เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่น่าดึงดูด
โรงเตี๊ยมเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองหรือผู้เดินทางผ่าน ทุกคนล้วนแวะเวียนมาที่นี่
เหล้าทำให้คนพูดมากขึ้น และมักเผยความลับที่ไม่ตั้งใจออกมา แม้ผู้ดื่มจะไม่ใส่ใจ แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมมักจะได้ยินข่าวที่น่าสนใจอยู่เสมอ
เหมือนครั้งก่อนที่สาวบาร์ถามฟาง ฮ่าวเกี่ยวกับกลุ่มโจร เธอเพียงตอบว่าเป็นกลุ่มของออร์คกับมนุษย์ จากนั้นเธอก็สรุปได้ว่าเป็นออร์คที่ถือค้อนหนามและมีสติปัญญาไม่เต็มร้อย
กล่าวโดยสรุป หากเจ้าต้องการข้อมูล โรงเตี๊ยมคือจุดเริ่มต้นที่ดี
ฟาง ฮ่าวเหลือบมองอกอวบของเธอและครุ่นคิดในใจว่าเขาควรแนะนำเสื้อชั้นในเพื่อเปิดตลาดในกลุ่มผู้หญิงดีไหม
“จริง ๆ แล้ว เจ้าสวยและใจดี ข้าถึงได้คิดถึงเจ้าคนแรก” ฟาง ฮ่าวกล่าวชม เพื่อให้งานสำเร็จ ข้าต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี
“ฮ่า ๆ เจ้าหนุ่มเจ้าเล่ห์” สาวบาร์หัวเราะและดุเบา ๆ แต่ดูเหมือนเธอจะชอบชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ผู้ที่ยังดูร่ำรวยอีกด้วย เธอเดินอ้อมเคาน์เตอร์มานั่งข้างฟาง ฮ่าว ก่อนลดเสียงลง “ร้านนั้นไม่เหมาะที่จะซื้อ ทำไมเจ้าไม่คิดบ้างหรอว่า มันยังขายไม่ออกทั้งๆ ที่อยู่บนถนนเส้นนี้ล่ะ?”
“หา? มีเหตุผลอะไรหรือ? มันมีผีสิงหรือเปล่า?”
ฟาง ฮ่าวไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาสังกัดฝ่ายอันเดดหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินว่าร้านนี้มีปัญหา สิ่งแรกที่เขาคิดถึงคือ “ผีสิง”
ภาพวิญญาณเร่ร่อนที่อาละวาดในห้องผุดขึ้นมาในจินตนาการของเขา
“ผีอะไรกัน! เลิกพูดเหลวไหลเถอะ” สาวบาร์ตีแขนเขาเบา ๆ “เจ้าของร้านไปล่วงเกินคนบางคนเข้า ร้านเลยเปิดไม่ได้และขายไม่ได้”
“เขาไปล่วงเกินใคร?”
สาวบาร์ยื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้หูของเขาก่อนพูดอย่างระมัดระวัง “ลูกชายของหัวหน้าแผนกกิจการภายใน”
นอกเมืองพรูเอลล์
ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยสิว จ้องมองไปที่จิ้งจกยักษ์ในคอกสัตว์ เขาเปล่งเสียงออกมาเบา ๆ ขณะเดินวนรอบคอกหลายรอบ
“นี่มันตัวอะไรของมันกันแน่วะ?” ชายหน้าสิวสบถออกมา
ลูกน้องหลายคนที่สวมเสื้อผ้าลินินและพกดาบเหล็กที่เอวเดินตามเขามาอย่างใกล้ชิด
พวกเขาดูไม่เหมือนทหารรักษาการณ์ของเมือง แต่ชุดยูนิฟอร์มกลับดูเหมือนกันทุกคน
“หัวหน้า มันคงเป็นมังกรแน่ ๆ มันต้องเป็นมังกรยักษ์” ลูกน้องคนหนึ่งเสนอความคิดเห็น
เพียะ!
ชายหน้าสิวฟาดเข้าที่หัวลูกน้องพร้อมดุว่า “ตาบอดหรือไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มังกรถึงมีขาสั้นแบบนี้? แล้วมังกรดูโง่เง่าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? มันจะบินได้ยังไงถ้าไม่มีปีก?”
สัตว์ตัวนี้ดูเหมือนจะมีลักษณะคล้ายกับมังกรในตำนาน
แต่มันไม่ใช่มังกร มันดูเหมือนจระเข้ที่ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่า
ลูกน้องคนเดิมหดตัวกลับด้วยความหวาดกลัว “หัวหน้า ข้าก็แค่ล้อเล่น ข้าก็แค่อยากให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น”
“แล้วทำให้ข้าดูเหมือนคนโง่เนี่ยนะ?”
ชายหน้าสิวสบถอีกครั้งก่อนจะปลดดาบเหล็กที่เอวออกมาแล้วใช้ปลายฝักดาบจิ้มไปที่จิ้งจกยักษ์
จิ้งจกยักษ์ลืมตาขึ้นมองพร้อมส่งสายตาจิกกัด ทำให้ชายหน้าสิวผงะถอยหลังล้มตูดกระแทกพื้น
แต่จิ้งจกยักษ์ไม่ได้แสดงอาการสนใจใด ๆ มันแค่หันกลับไปหลับต่อ
ลูกน้องช่วยพยุงชายหน้าสิวขึ้นมา ซึ่งเขาก็พูดต่อว่า “เฮอะ มันเชื่องกว่าที่คิด ไปเอามันกลับมา ข้าอยากเป็นนักรบขี่มังกรมานานแล้ว”
“หัวหน้า ท่านบอกเองว่าไม่ใช่มังกรนี่นา”
“หุบปาก แล้วทำตามคำสั่งข้าซะ” ชายหน้าสิวดุพร้อมกับเตะลูกน้องอย่างแรง
ลูกน้องที่ถูกเตะรีบเดินเข้าไปใกล้จิ้งจกยักษ์อย่างระมัดระวัง พร้อมกับยื่นมือไปยังเชือกที่ผูกอยู่กับเสา
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
เสียงตำหนิดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้ลูกน้องที่กำลังจะปลดเชือกสะดุ้งด้วยความตกใจ
ทุกคนหันไปมองและเห็นหัวหน้ากองลาดตระเวนของเมืองเดินตรงมาหา
ชายหน้าสิวตอบกลับด้วยน้ำเสียงดูแคลน “อย่ามาสาระแน ถ้าไม่อยากโดนซัดก็ถอยไป”
“จิ้งจกยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของแขกในเมือง ข้าแนะนำว่าอย่ายุ่งกับมัน หากไม่อยากมีปัญหา” หัวหน้ากองลาดตระเวนเตือน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้ก็ตาม
ชายหน้าสิวและลูกน้องเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเพียงจิ้งจกยักษ์ และไม่ใช่มังกร
“ข้าแค่ทำตามกฎของเมือง สิ่งที่ใหญ่ขนาดนี้ทิ้งไว้ข้างนอกมันอันตราย ข้าจะพามันไป หากเจ้าของมีปัญหาก็มาหาข้าที่บ้านข้าได้” ชายหน้าสิวพูดพร้อมส่งสัญญาณให้ลูกน้อง
ลูกน้องเริ่มลงมือปลดเชือกอีกครั้ง ดูเหมือนพวกเขาตั้งใจจะเอาจิ้งจกยักษ์ตัวนี้ไปจริง ๆ
แต่ก่อนที่พวกเขาจะปลดเชือกได้สำเร็จ...
เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าขอแนะนำว่าอย่าไปกวนมัน หากมันโจมตีขึ้นมา พวกเจ้าจะตายที่นี่แน่”
ชายหน้าสิวหันไปมอง พบหญิงสาวเผ่าสัตว์ขนสีขาวเดินออกมาจากเมือง
รูปร่างและใบหน้าของเธอดูคล้ายเสือดาวที่สง่างามและงดงาม พร้อมทั้งมีกลิ่นอายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
“หญิงเผ่าสัตว์? หรือออร์คหญิง? เจ้าทำอะไรอยู่ในเมืองพรูเอลล์?” ชายหน้าสิวมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่สุภาพ
“ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าคือเจ้าของจิ้งจกยักษ์ตัวนี้ ข้าดูแลมันเองได้ เจ้าไปได้แล้ว” อันเจียตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา
“เฮอะ แล้วเจ้าจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าจิ้งจกยักษ์นี่เป็นของเจ้า?” ชายหน้าสิวพูดพร้อมวางมือไขว้หลังและส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขา
ลูกน้องมองหน้ากัน ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปจับดาบเหล็กที่เอว
อันเจียสังเกตการเคลื่อนไหวของพวกเขา พร้อมเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“โจมตี!” ชายหน้าสิวสั่ง
แต่ก่อนที่ลูกน้องจะได้ชักดาบขึ้นมา พวกเขาเห็นเงาของใครบางคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ!
หมัดของอันเจียซัดเข้าที่หน้าชายหน้าสิวจนล้มลงไปนอนกับพื้น
ในขณะที่ชายหน้าสิวนอนอยู่ เธอไม่รอช้า ฟาดกำปั้นซ้ำ ๆ ราวกับสายฝนที่กระหน่ำลงมา
เสียงหมัดกระแทกเนื้อดังก้อง จนชายหน้าสิวไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หัวหน้ากองลาดตระเวนถึงกับตกใจกับพละกำลังของอันเจีย แต่เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเร่งด่วน “พอได้แล้ว! เดี๋ยวเขาตาย!”
อันเจียหยุดมือ หันไปมองหัวหน้ากองลาดตระเวนด้วยสายตาเย็นชา
เขารีบยกมือขึ้นพร้อมพูดว่า “พวกข้าไม่ได้แตะต้องจิ้งจกยักษ์ตัวนี้ และพวกข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกนั้น อย่าเข้าใจผิด”
อันเจียเช็ดเลือดสด ๆ ออกจากหมัดของเธอไปที่ตัวชายหน้าสิว
“พวกมันเป็นฝ่ายชักดาบก่อน เจ้าก็เห็นใช่ไหม?”
“ข้าเห็น และข้าจะรายงานเช่นนั้น” หัวหน้ากองลาดตระเวนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก