ตอนที่ 145 นี่คือโชคชะตาของเขา!
ตอนที่ 145 นี่คือโชคชะตาของเขา!
“นึกไม่ถึงเลยว่าฉันจะยอมรับแผนการที่ไร้สาระของเอริคแบบนี้ ให้ตายสิ ฉันต้องโดนสะกดจิตแน่ ๆ!”
โทนี่ สตาร์ค กำลังถือถ้วยกาแฟในมือซ้าย ขณะที่มือขวาไม่หยุดพิมพ์ลงบนแป้นพิมพ์ โดยมีโค้ดจำนวนมหาศาลพุ่งผ่านหน้าจอราวกับกระแสน้ำที่ไม่มีวันหยุดนิ่งด้วยความเร็วที่คนทั่วไปแทบมองไม่ทัน แต่เขากลับพิมพ์ต่อไปโดยไม่หยุดพัก
ข้าง ๆ โทนี่ สกายที่มีสมาธิแน่วแน่กำลังนั่งพิมพ์แป้นพิมพ์ด้วยความเร็วที่ไม่แพ้โทนี่เลยแม้แต่น้อย มือของเธอกระโดดไปมาราวกับผีเสื้อที่กำลังเริงระบำ
เมื่อได้ยินโทนี่บ่น สกายก็เผลอยิ้มมุมปาก ดวงตาหยีลงราวกับเด็กซนที่กำลังเก็บซ่อนความลับบางอย่าง ก่อนที่เธอจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่นทันทีเพื่อไม่ให้โทนี่จับพิรุธได้
สร้อยคอที่เธอสวมอยู่เป็นสร้อยไข่มุกสีชมพูอ่อนงดงามที่นามอร์มอบให้เป็น ‘เงินช่วยชีวิต’ โดยปลายสร้อยนั้นมีแหวนไพลินแขวนอยู่ ซึ่งเธอได้เก็บซ่อนไว้ในคอเสื้ออย่างระมัดระวัง และตอนนี้แหวนไพลินกำลังเปล่งประกายแสงจาง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เป็นอะไรหรือเปล่า สกาย? รู้สึกไม่สบายเหรอ?” โทนี่ถามเมื่อเห็นเธอหันหน้าหนี
“เปล่าค่ะ หนูมองจอคอมพิวเตอร์นานไปหน่อย เลยตาแห้งนิดหน่อย” สกายรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วกลับไปจัดการโค้ดบนหน้าจอต่อ
“จริงด้วย ตาฉันก็ปวดเหมือนกัน ให้ตายสิ เรื่องพวกนี้ควรเป็นงานของจาร์วิสหรืฟิวเจอร์สิ!” โทนี่วางถ้วยกาแฟลง พลางถูตาเบา ๆ แต่มืออีกข้างยังคงพิมพ์ไม่หยุด
“ลุงสตาร์ค เรื่องนี้ต้องโทษคุณพ่อของคุณแล้ว เขาเล่นแก้ไขโปรแกรมหลักของจาร์วิส แล้วยังฝังมัลแวร์ในฟิวเจอร์อีก ทำให้เราต้องบังคับให้ทั้งสองระบบออฟไลน์ นี่แหละสาเหตุที่เราต้องมานั่งทำงานหนักแบบนี้!” สกายพูดอย่างขัดใจ ขณะที่มือไม่หยุดพิมพ์
เมื่อได้ยินสกายพูดถึงพ่อของตัวเอง โทนี่ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะความยุ่งเหยิงที่พ่อของเขาสร้างขึ้นนั้นเขารู้หมดแล้วผ่านการเชื่อมต่อกับชุดเกราะ แต่เขายังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
“สกาย เธอรู้ได้ยังไงว่าพ่อของฉันจะควบคุมอาวุธบนวงโคจรโลก?”
“หนูเจอมัลแวร์ที่เขาฝังไว้ในระบบควบคุมอาวุธบนวงโคจรโลกของทั้งชิลด์และกองทัพ!” สกายพูดอย่างภาคภูมิใจ เพราะนี่คือสิ่งที่เธอค้นพบเองและเตือนเอริคให้รู้ภายหลัง
“อะไรนะ? เธอแฮ็กชิลด์?” โทนี่ตะลึงสุดขีด ความจริงที่ว่าองค์กรสายลับระดับโลกถูกเด็กสาวอายุ 15 แฮ็กเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในชีวิตเขา
“สกาย สนใจมาทำงานที่สตาร์ค อินดัสตรีส์ไหม?”
สกายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทันที “ได้ค่ะ แต่ขอหุ้นบริษัท 10% ต่อปีนะคะ”
“เธอล้อฉันเล่นเหรอ?” โทนี่ทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“ลุงสตาร์คเป็นคนเริ่มล้อหนูก่อนนะคะ!”
“. . .”
. . .
ในขณะเดียวกัน เอริคก็กำลังพูดกับฮาเวิร์ดด้วยรอยยิ้มที่แฝงเล่ห์เหลี่ยม “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ คุณสตาร์ค โทนี่ได้ควบคุมอาวุธบนวงโคจรโลกคืนมาแล้ว แผนของคุณล้มเหลวแล้ว”
หลังจากนั้นเพียงแค่เอริคกระดิกนิ้วขึ้นเบา ๆ ชุดเกราะของฮาเวิร์ดก็แตกกระจายทันที ไม่เพียงแค่ชุดเกราะ แม้แต่โลหะทุกชิ้นที่อยู่บนตัวเขาก็ถูกดึงออกไปจนหมด ทำให้ฮาเวิร์ดกลับเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่แข็งแรงคนหนึ่ง
“ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้! นายกำลังต่อสู้กับสตาร์ชายด์อยู่!” ฮาเวิร์ดยังคงไม่อยากเชื่อ
เอริคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ถูกต้องตามที่คุณคิด แต่เขายังทนได้อีกสักพัก เพราะงั้นเรามาจัดการเครื่องย้อนเวลาของคุณก่อนดีกว่า”
เมื่อพูดจบเอริคขยับนิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเศษเกราะที่แตกกระจายที่เริ่มก่อตัวห่อหุ้มร่างของฮาเวิร์ดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฮาเวิร์ดไม่สามารถควบคุมชุดเกราะได้
เอริคค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นเหนือพื้น ผงวัสดุทุกชนิดรอบตัวไม่ว่าจะเป็นโลหะหรืออะไรก็ตาม พวกมันเริ่มลอยขึ้นตามเขาและหมุนรอบตัวด้วยความเร็วสูง ราวกับเครื่องบดที่เปลี่ยนวัสดุให้เป็นฝุ่นผง
จากนั้นวัสดุเหล่านี้ก็ถูกบดขยี้ต่อจนกลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กลง และในที่สุดก็เล็กจนโครงสร้างอะตอมถูกทำลาย . . .
ทันใดนั้นอะตอมก็เริ่มแตกตัวอย่างรวดเร็ว อะตอมที่มีมวลมากกว่าเหล็กเริ่มเกิดการแยกตัวแบบฟิชชัน ในขณะที่อะตอมที่มีมวลน้อยกว่าเหล็กก็เริ่มรวมตัวแบบฟิวชัน ทำให้พลังงานมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากอะตอมกลายเป็นรังสีหลากชนิดกระจายตัวไปทั่วทุกทิศทาง
และด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว พลังงานและรังสีที่ดุดันกลับกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ที่หมอบอยู่ใต้เท้าของเอริค ราวกับทหารที่ยอมสยบต่อแม่ทัพ หรือข้าราชบริพารที่ค้อมหัวต่อองค์ราชา
เอริคใช้นิ้วชี้แตะไปที่มันเบา ๆ ทันใดนั้นพลังงานที่เคยเชื่องก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับนักรบผู้กล้าที่ไม่เกรงกลัวความตายพุ่งตรงเข้าชนกับเครื่องย้อนเวลา
และแล้วการระเบิดก็เกิดขึ้น เอริคใช้สมาธิทั้งหมดควบคุมพลังพื้นฐานทั้งสี่ ปล่อยพลังงานมหาศาลที่เทียบได้กับการระเบิดของระเบิดซาร์บอมบาจำนวนหลายสิบลูก แล้วบีบอัดมันให้อยู่ในพื้นที่เพียงสิบเมตร
เปลวเพลิงที่เกิดจากการระเบิด? เสียงดังสนั่น? ควันหนาทึบ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่เลย!
มีเพียงแสงสีขาวสว่างจ้าเท่านั้นที่ปรากฏ และแสงนี้ก็ไม่อาจจ้องมองได้โดยตรง เพราะความสว่างของมันนั้นสว่างกว่าแสงของดวงอาทิตย์ซะอีก!
แสงสีขาวนี้คงอยู่เกือบสิบนาที ก่อนจะเริ่มจางลง เอริคค่อย ๆ ควบคุมรังสีด้านในให้สลายตัวและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายทุกสิ่งทุกก็อย่างหายวับไปโดยไม่เหลืออะไรอยู่เบื้องหลังอีกต่อไป
นี่คือพลังของการผสานพลังพื้นฐานทั้งสี่ โดยเอริคได้ตั้งชื่อให้มันว่า ‘อาณาเขตแห่งการทำลายล้าง’
“เอาล่ะ คุณสตาร์ค” เอริคพูดพลางลอยลงสู่พื้น ก่อนจะควบคุมให้ฮาเวิร์ดลุกขึ้น พร้อมส่งพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าเล็ก ๆ เข้าไปที่กลางหน้าผากเพื่อช่วยลดผลข้างเคียงจากเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์
“ฉัน . . .” จิตใจของฮาเวิร์ดเริ่มกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง เขาจำทุกสิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมด และรู้ตัวดีว่าเขาถูกลิทธิ์ของยาควบคุม แต่ความรู้สึกในใจตอนนี้กลับยุ่งเหยิงอย่างบอกไม่ถูก เสียใจ? อับอาย? โกรธ? หรือขมขื่น? แต่สุดท้ายความรู้สึกทั้งหมดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นความเหนื่อยล้า
“ฉันขอโทษ . . .”
เอริคส่ายหัวเบา ๆ “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งหมด”
“ไม่!” ฮาเวิร์ดเงยหน้าขึ้นทันที และยิ้มอย่างขมขื่น “นี่เป็นความผิดขอฉันเอง เครื่องย้อนเวลายังไม่ได้หยุดทำงาน เครื่องที่นายเพิ่งทำลายไปเมื่อครู่นั้นมันเป็นแค่ตัวหลอก ส่วนเครื่องย้อนเวลาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่นี่!”
ทันใดนั้นสายตาของเอริคก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนจะถอนหายใจ และเดินเข้าไปตบไหล่ฮาเวิร์ดเบา ๆ “ผมรู้”
“อะไรนะ?” ฮาเวิร์ดอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ “นายรู้? งั้นก็รีบไปทำลายมันสิ! มันอยู่ที่ . . .”
“ผมไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” เอริคยกมือขึ้นห้าม “เพราะตอนนี้กำลังมีคนจัดการเรื่องนี้อยู่ และนั่นก็คือโชคชะตาของเขา”
โปรดติดตามตอนต่อไป …