ตอนที่แล้วก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 189 การประลองยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 191 เจ้าศาลากลไลสวรรค์

ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 190 ทะลวงระดับตบะ


ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 190 ทะลวงระดับตบะ

เยี่ยหมิงเป็นคนแรกที่เอ่ยถามถึงความสงสัยของตนเอง

ซวนหลวนเทียนอธิบายว่า “เรียนท่านเจ้าศาลา งานประลองยุทธ์เซียนเซวียน ข้าเพิ่งจะรู้เช่นกัน จากที่ข้าเพิ่งจะตรวจสอบตำราก็พบว่า งานประลองยุทธ์เซียนเซวียน เป็นประเพณีร้อยปีมีหนึ่งครั้งของทวีปเซียนเซวียน”

“ในตอนแรกเป็นการประลองยุทธ์ระหว่างหกมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นการประลองยุทธ์ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งทั้งหมด และขุมอำนาจระดับสองในทวีป”

“และเมื่อครู่นี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ลักษณ์ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมงานประลองยุทธ์เซียนเซวียน”

“มีชื่อของศาลาสังหารโลหิตอยู่ด้วย”

“ตามข่าวลือ ตำแหน่งนี้เดิมทีเป็นของสำนักแก่นแท้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงกลายเป็นของพวกเรา”

เยี่ยหมิงได้ยินเช่นนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เรื่องที่เขาเพิ่งจะทำกับทูตอริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ลักษณ์เมื่อไม่นานมานี้ อีกฝ่ายไม่มีทางไม่รู้

เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว อีกฝ่ายต้องการเล่นงานเขาในงานประลองยุทธ์เซียนเซวียนครั้งนี้

“แต่ไม่ไปก็ไม่ได้ ภารกิจหลักของระบบยังคงอยู่ที่นั่น”

เยี่ยหมิงกล่าวในใจ

จากนั้นเขาก็มองไปยังซวนหลวนเทียนด้วยสายตาที่จริงจัง “ข้าทราบแล้ว”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป

“สถานการณ์ที่เขตมู่ชิงในขอบเขตสู่เป็นเช่นไรบ้าง?”

เยี่ยหมิงเปลี่ยนเรื่อง

“เรียนท่านเจ้าศาลา หลังจากเรื่องราวครั้งก่อน ศาลาสังหารโลหิตก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปตงหลินเต๋า”

“พวกเราจึงสามารถแทรกซึมเข้าไปในขุมอำนาจต่าง ๆ ของขอบเขตสู่ได้อย่างง่ายดาย”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทะลวงสวรรค์ หลังจากที่รู้ว่าผู้ที่สังหารราชันศักดิ์สิทธิ์น้อยอย่างลับ ๆ คือมือสังหารแห่งศาลาสังหารโลหิต พวกเขาก็ไม่กล้าทำสิ่งใด มิหนำซ้ำเจ้านิกายยังคงส่งคนมาขอขมาศาลาสังหารโลหิตที่สาขาในขอบเขตสู่”

“อีกประมาณเจ็ดวัน ขอบเขตสู่ก็จะตกอยู่ในกำมือของพวกเรา”

เยี่ยหมิงพยักหน้า

เห็นได้ชัดว่าเขามีความพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นเขาก็ถามต่อ “แล้วกำหนดการของงานประลองยุทธ์เซียนเซวียนคือเมื่อใด?”

ซวนหลวนเทียนกล่าวว่า “จากข่าวสารที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ลักษณ์ประกาศ งานประลองยุทธ์จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง นับจากวันนี้”

“และแต่ละขุมอำนาจสามารถส่งศิษย์ได้เพียงสามคน อายุไม่เกินสามสิบปี”

“สามคนหรือ ข้าทราบแล้ว”

เพียงพริบตาเดียว เยี่ยหมิงก็คิดถึงผู้ที่จะเป็นตัวแทนศาลาสังหารโลหิตทั้งสามคนได้แล้ว

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปได้”

“ขอรับ”

ซวนหลวนเทียนจากไป

เยี่ยหมิงมองไปรอบ ๆ กล่าวในใจ

“ระบบ ช่วยนำพระสูตรไท่ซูบทที่หกออกมาให้ข้า”

กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ราวกับภูผามหาสมุทร แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเยี่ยหมิง

พลังอำนาจช่างน่าตกใจ

ประมาณเจ็ดวันให้หลัง

ณ ภายในศาลามารกำราบคุก

บนท้องฟ้าปรากฏนิมิตมากมาย

นิมิตสัตว์ร้ายมากมายปรากฏตัวขึ้น นอกจากนี้ยังคงมีแสงสว่างแปลกประหลาดที่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์ปกคลุมทั่วท้องฟ้า

มือสังหารเกือบทั้งหมดภายในศาลามารกำราบคุกต่างก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกตินี้

เฟิงเยวี่ยเสวี่ยตื่นขึ้นจากการบำเพ็ญเพียร

นางมองดูทุกสิ่งทุกอย่างบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ

สามารถทำให้เกิดนิมิตที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้

อย่างน้อยก็ต้องเป็นมือสังหารระดับปฐพีชั้นโท

ตอนนี้นางแตกต่างจากตอนแรก รู้สึกว่าภายในศาลามารกำราบคุกนี้มียอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วน

“เยวี่ยเสวี่ย”

เสียงที่แผ่วเบาของจ้าวหลิงหวงดังขึ้นข้างหูเฟิงเยวี่ยเสวี่ย

เฟิงเยวี่ยเสวี่ยรีบตั้งสติ

“การบำเพ็ญเพียรต้องมีจิตใจที่สงบนิ่ง ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรจะลดลงอย่างมาก”

“ศิษย์ทราบแล้วเจ้าค่ะ ศิษย์ไม่ควรสนใจเรื่องอื่น และทำให้จิตใจว้าวุ่น”

เฟิงเยวี่ยเสวี่ยรีบก้มหน้าลง

จ้าวหลิงหวงถอนหายใจเบา ๆ กล่าวว่า “อืม รู้จักผิดชอบชั่วดีก็พอแล้ว ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเถิด”

“พยายามทะลวงไปยังระดับบำรุงจิตห้าชั้นฟ้าภายในครึ่งเดือนนี้”

“เจ้าค่ะ”

เฟิงเยวี่ยเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย

จ้าวหลิงหวงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างขึ้น

ด้วยพรสวรรค์ของเฟิงเยวี่ยเสวี่ย การทะลวงไปยังระดับหกชั้นฟ้าภายในครึ่งเดือนนี้ก็มิใช่เรื่องยาก

สิ่งสำคัญก็คือการที่นางสามารถฝึกฝนวิชาหัวใจธิดาหยกได้ถึงระดับใด

“อีกเพียงเล็กน้อย ข้าก็จะสามารถฟื้นฟูระดับตบะ กลับไปยังระดับกึ่งอริยะสองชั้นฟ้าได้แล้ว”

“เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะสามารถเปิดแหวนเก็บของได้”

“ข้าจำได้ว่าภายในแหวนเก็บของยังคงมีโอสถทะลวงขั้นระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดอยู่หนึ่งเม็ด พอดีกับที่สามารถนำมันออกมาให้เยวี่ยเสวี่ยใช้”

จ้าวหลิงหวงกล่าวในใจ

เดิมทีโอสถเม็ดนี้เป็นของฟู่หมิงหวง

แต่……

จ้าวหลิงหวงส่ายหน้า

การแยกจากกันก็เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องสับสนกับเส้นทางในอนาคต

จิตใจของฟู่หมิงหวงนั้น ด้อยกว่าเฟิงเยวี่ยเสวี่ย ศิษย์ที่นางเพิ่งจะรับมา

เดิมทีนางทำตามคำสั่งของเยี่ยหมิง จึงรับเฟิงเยวี่ยเสวี่ยเป็นศิษย์

แต่หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน และได้รู้เรื่องราวในอดีตของเฟิงเยวี่ยเสวี่ย รวมไปถึงเรื่องที่นางเป็นทายาทสายเลือดตระกูลจักรพรรดิ

นางจึงตัดสินใจที่จะดูแลเฟิงเยวี่ยเสวี่ยอย่างจริงจัง ในฐานะศิษย์คนเล็ก

ส่วนเฟิงเยวี่ยเสวี่ยก็มองจ้าวหลิงหวงเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวเช่นกัน

แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวหลิงหวงถึงรับนางเป็นศิษย์ แต่นางก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย

เยี่ยหมิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

ระดับทะลวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สำเร็จ!

“ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้ง พลังอำนาจของระบบก็ยังคงทำให้ข้าตกตะลึง”

เยี่ยหมิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เช่นเดียวกับที่เขากล่าว

ตั้งแต่ที่เขามายังทวีปเซียนเซวียน เขาก็แทบจะไม่ได้บำเพ็ญเพียร

ระดับตบะทั้งหมด เกือบทั้งหมดล้วนมาจากพระสูตรไท่ซูที่ระบบมอบให้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพระสูตรไท่ซู ยังคงมีวิชาเวทและเคล็ดลับมากมายของผู้บำเพ็ญระดับมหาจักรพรรดิ และผู้แข็งแกร่งมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ทำให้เยี่ยหมิงไม่จำเป็นต้องสนใจวิชาเวทระดับมหาจักรพรรดิใด ๆ เพียงแค่ฝึกฝนพระสูตรไท่ซูก็เพียงพอแล้ว

“ไม่ได้เล่นวงล้อเสี่ยงโชคนานแล้ว มาลองสักหน่อย”

เยี่ยหมิงจิตสำนึกเคลื่อนไหว เบื้องหน้าปรากฏวงล้อเสี่ยงโชคสามวงที่คุ้นเคย

เยี่ยหมิงไม่ลังเล สายตาจับจ้องไปยังวงล้อสีทอง

“โอ้ รางวัลถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว ข้าจะดู……”

จากนั้น สีหน้าของเยี่ยหมิงก็มืดครึ้มลง

เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ระบบ เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ใส่วงล้อผิด? สิ่งของเช่นนี้ไม่ควรจะอยู่ในวงล้อสีม่วงหรอกหรือ?”

สายตาจับจ้องไปยังวงล้อสีทอง

รางวัลที่แย่ที่สุดในวงล้อสีทอง ก็คือสมุนไพรวิเศษระดับสวรรค์ หรือสมบัติเวท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด