ตอนที่ 41 พลังของกู้ชิงเฉิน
ตอนที่ 41 พลังของกู้ชิงเฉิน
ผ่านไปหลายวัน ศิษย์คนอื่นๆ ในกลุ่มเริ่มยอมรับกู้ชิงเฉิน เด็กน้อยน่ารักคนนี้อย่างเงียบๆ
กู้ชิงเฉินเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและมีมารยาท เขาปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เหยียนเมิ่งฉีสั่ง โดยไม่สร้างความยุ่งยากให้กับกลุ่มเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขากลับโชคไม่ค่อยดีนัก นอกจากพบเพียงสมุนไพรวิญญาณเกรดต่ำ ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมที่มีค่ามากกว่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
ระหว่างที่พวกเขาเดินทาง ทุกคนก็รู้สึกถึงพื้นที่ที่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณหนาแน่นผิดปกติ เหมือนมีของล้ำค่าซ่อนอยู่ กลุ่มจึงรีบเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดนั้นทันที
เมื่อไปถึง สายตาของทุกคนต่างเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“นี่มัน...สวนสมุนไพร!”
หนึ่งในศิษย์ตำหนักแห่งจันทร์กลืนน้ำลายด้วยความตื่นเต้น สายตาเหลือบมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและผลวิญญาณ ซึ่งทุกชนิดล้วนมีคุณภาพสูง
“ผลจิตวิญญาณระดับสอง!”
“หญ้าต้นกำเนิดระดับสาม!”
“รากม่วงสุริยันระดับสาม!”
ทุกคนต่างตื่นเต้นสุดขีด
สมบัติในสวนสมุนไพรแห่งนี้อุดมสมบูรณ์เกินคาด หากส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้สำนัก พวกเขาจะได้รับแต้มสะสมมากมาย เพียงพอสำหรับการจัดหาทรัพยากรในการฝึกฝนไปอีกหลายปี หรืออาจถึงสิบปี!
“รีบเก็บก่อนที่จะมีใครมาพบ!” ศิษย์พี่หลันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขารีบสั่งการให้ศิษย์ทุกคนเริ่มเก็บสมุนไพร
“ข้าจะช่วยด้วย!” กู้ชิงเฉินพับแขนเสื้อขึ้นและเข้าร่วมการเก็บสมุนไพรด้วยความกระตือรือร้น
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ด้วยความพยายามร่วมกัน สมุนไพรและผลวิญญาณในสวนถูกเก็บกวาดจนไม่เหลือเลยแม้แต่ต้นเดียว
ทุกคนต่างมองถุงเก็บของในมือของตนเองพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
“ฟิ้ว——”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ดีใจนานเกินไป
พลังวิญญาณสายหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ชายในชุดสีเทาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขามีอายุราวครึ่งร้อย
สายตาของเขาจ้องมองไปยังสวนสมุนไพรที่ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“สวนสมุนไพรใหญ่ขนาดนี้…”
ชายในชุดสีเทาหันมามองกลุ่มของศิษย์พี่หลัน พร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่งถุงเก็บของมา แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป มิฉะนั้น...ตาย!”
คำว่า "ตาย" เพิ่งจบลง อานุภาพของผู้ที่อยู่ในขอบเขตวิบากกรรมก็ปะทุออกมาทันที
พลังวิญญาณที่แผ่ออกมาราวกับพายุโหมซัด ทำให้ใบหน้าของศิษย์พี่หลันและคนอื่นๆ เจ็บแสบ
“ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรม!”
กลุ่มศิษย์ตำหนักแห่งจันทร์ต่างสะท้านในใจ ความหวังของพวกเขาถูกบดขยี้จนหมดสิ้น
พวกเขาเพิ่งเก็บสมบัติในสวนสมุนไพรเสร็จแท้ๆ ทำไมถึงโชคร้ายขนาดนี้!
หากรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาคงไม่โลภมากเช่นนี้ และคงจากไปตั้งแต่เก็บสมุนไพรได้เพียงครึ่งเดียว แต่ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไป
ถึงจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้
ศิษย์ตำหนักแห่งจันทร์ที่เคยดีใจกับผลสำเร็จ กลับต้องเผชิญความสิ้นหวัง
เหยียนเมิ่งฉีก็เช่นกัน เดิมทีนางวาดหวังว่าหลังจากออกไปครั้งนี้ นางจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นในและหลุดพ้นจากพันธะการแต่งงาน
แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้
“เหตุใดจึงต้องยอม!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ ทุกคนหันขวับไปมองที่เจ้าของเสียง
กู้ชิงเฉิน!
เจ้าหนูน้อยยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังชายในชุดสีเทาด้วยความโกรธ
เหยียนเมิ่งฉีพยายามจะรั้งเขาไว้ แต่ก็สายเกินไป
คำพูดของกู้ชิงเฉินทำให้ทุกคนใจหล่นวูบ
ในสถานการณ์เช่นนี้ การไปยั่วโทสะผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรมนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ศิษย์พี่หลันพยายามส่งสัญญาณทางสายตาให้กู้ชิงเฉินอย่างร้อนรน
“อย่าทำเช่นนี้เลย เจ้าจะทำให้พวกเราตายหมด!”
แต่กู้ชิงเฉินไม่ได้สนใจคำเตือน เขาจ้องชายในชุดสีเทาด้วยความโกรธ
เขาทุ่มเทเก็บสมุนไพรวิญญาณมาด้วยความลำบาก ทำไมต้องยกให้ชายในชุดสีเทาคนนั้นด้วย
ชายในชุดสีเทาที่อยู่ในขอบเขตวิบากกรรมเพิ่งสังเกตเห็นกู้ชิงเฉิน ซึ่งดูเหมือนเด็กอายุเพียงสี่หรือห้าขวบ
“เด็กที่ไหนกัน?”
“ทำไมต้องยอม? ก็เพราะข้ามีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้า!”
เมื่อพูดจบ ชายในชุดสีเทาก็ลงมือทันทีด้วยความไม่พอใจ เป้าหมายแรกของเขาคือกู้ชิงเฉิน
เขาไม่มีความเมตตาอยู่ในใจ ใครที่กล้าขัดขืน ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องตาย!
“ไม่ดีแล้ว!”
“เสี่ยวเฉิน!”
เหยียนเมิ่งฉีรีบพุ่งตัวออกไปเพื่อปกป้องกู้ชิงเฉิน แต่ยังไม่ทันที่นางจะเคลื่อนไหว กู้ชิงเฉินกลับพุ่งออกไปรวดเร็วราวกับเสือดาวที่กำลังล่าเหยื่อ
เสียงดัง ตูม
เพียงการโจมตีครั้งเดียว ร่างของชายในชุดสีเทากระเด็นออกไปไกล เลือดพุ่งออกจากปากของเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ทันทีที่ชายในชุดสีเทาล้มลง กู้ชิงเฉินก็กระโจนเข้าหา จับหัวของเขากดลงกับพื้นอย่างรุนแรง
เสียง ปัง ดังสนั่น
ร่างของชายในชุดสีเทาถูกฝังลงไปในพื้นดินเหมือนถูกตรึงเอาไว้
“ไอ้แก่! คิดจะเล่นงานข้ารึ?”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว
เมื่อศิษย์พี่หลันและคนอื่นๆ ได้สติกลับมา ชายในชุดสีเทาก็ไร้ลมหายใจไปแล้ว
ร่างของเขาอยู่ในสภาพน่าสยดสยอง หัวของเขาถูกกดลงไปในพื้นดิน
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
พวกเขาหันไปมองกู้ชิงเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นี่ข้ากำลังอยู่ที่ไหน?
และข้าเพิ่งเห็นอะไรไป?
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเหลือเชื่อเกินกว่าจะเป็นจริงได้
เด็กอายุเพียงสี่หรือห้าขวบ กลับสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรมได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
นี่มันปีศาจอะไรกัน?
นี่คือสัตว์ประหลาดใช่ไหม?
“ศิษย์น้องเหยียนเมิ่งฉี เจ้าแน่ใจหรือว่าที่เจ้าพบคือเด็กธรรมดา ไม่ใช่สัตว์ประหลาดตัวน้อย?”
“เสี่ยวเฉิน เจ้า...เจ้า...”
เสียงของเหยียนเมิ่งฉีสั่น นางไม่เคยคิดเลยว่าเด็กน้อยที่นางเก็บมา จะเป็นผู้ที่สามารถจัดการกับผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรมได้อย่างง่ายดาย
เขายังเด็กแค่ไหนกัน!
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่นางพาเขาหลบซ่อน ซ้ำยังต้องหลบหนีสัตว์อสูรระดับวิญญาณแท้จริง นางก็รู้สึกทั้งตลกและอับอาย
เมื่อมองย้อนกลับไป นางช่างโง่เขลา
เสี่ยวเฉินอาจจะมองนางแบบนั้นเช่นกัน
เด็กที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวิบากกรรมได้เพียงพริบตา สัตว์อสูรระดับวิญญาณแท้จริงคงถูกเขากำจัดด้วยหมัดเดียว
“เจ้ามีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่แรก”
“ข้ายังเป็นห่วงว่าเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย หากต้องอยู่ในแดนลับจักรพรรดิคุนคนเดียว…”
ในตอนนี้ เหยียนเมิ่งฉีรู้สึกน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่หญิงเหยียน ท่านก็ไม่ได้ถามข้านี่...”
กู้ชิงเฉินตอบด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญนัก