บทที่ 583 แมวตาบอดเดินเป็นเส้นตรง
พิธีกรได้เดินลงจากเวทีไปแล้ว
บนจอใหญ่ก็แสดงข้อมูลของรายการขึ้นมา
ตอนที่พิธีกรพูดถึงชื่อนี้ ผู้ชมก็ยังไม่กล้าเชื่อเท่าไหร่ แต่เมื่อข้อมูลขึ้นมาบนจอใหญ่แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
“นี่มันชื่ออะไรเนี่ย? ทีมโมเดลหงเกาเลียง?”
“ชื่ออะไรออกจะหลุดโลกเกินไปแล้ว”
“ทำไมชื่อนี้มันดูบ้านนอกจังเลยนะ”
หงเกาเลียงคือพืชผลการเกษตร
โมเดลเป็นสิ่งที่เป็นผลิตผลของยุคสมัยใหม่
เมื่อสองสิ่งนี้เอามารวมกัน มันจึงเกิดความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด
ตามหลักแล้ว ไม่ว่าทีมโมเดลจะตั้งชื่อยังไงก็คงไม่ออกมาแบบนี้ มันไม่ได้ทันสมัยเอาซะเลย
“นี่มันสไตล์ผู้อำนวยการชัดๆ”
ท่ามกลางข้อความที่วิ่งไปมา บนจอขนาดใหญ่ค่อยๆ ยกสูงขึ้น
ภาพบนเวทีก็ถูกฉายขึ้นมาต่อหน้าผู้ชม
นักแสดงกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวเรียบง่ายรีบวิ่งขึ้นมาบนเวที
ตรงกลางด้านหลังเวทีมีบันไดทอดยาวขึ้นไป ม่อซินเฉิงยืนอยู่บนยอดบันได
เขาเป่านกหวีดหนึ่งครั้ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “รวมพลฉุกเฉิน!”
เมื่อเสียงที่มีสำเนียงตะวันออกเฉียงเหนืออันเป็นเอกลักษณ์ของม่อซินเฉิงดังขึ้น ความสนใจของผู้ชมก็ถูกดึงดูดไปทันที
ในขณะที่ม่อซินเฉิงและคนอื่นๆ แสดงอยู่บนเวที สวี่เย่ก็จับตาดูทุกการเคลื่อนไหวอยู่ที่หลังเวที
หากเกิดปัญหาขึ้น เขายังต้องคอยบอกนักแสดงผ่านหูฟังว่าควรทำอย่างไร
สเก็ตช์ ทีมโมเดลหงเกาเลียง นี้ ในโลกเดิมเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของจ้าวเปิ่นซาน
นี่คือสเก็ตช์ที่เขียนขึ้นเพื่อเกษตรกร เพื่อผู้ใช้แรงงาน
บนเวที นักแสดงยืนเรียงอยู่สองข้าง ปล่อยพื้นที่ตรงกลางเป็นทางเดิน
เสื้อผ้าที่นักแสดงใส่นั้นก็ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ซึ่งถูกออกแบบโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น
แต่เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตอนที่ออกแบบเสื้อผ้าของสเก็ตช์นี้ สวี่เย่ก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน
ท้ายที่สุด สเก็ตช์นี้ในโลกเดิมถูกสร้างขึ้นในปี 1997
นักแสดงกลุ่มนั้นโค้งตัวลง ใช้ท่าทางที่โอเวอร์แอคติ้งในการแสดง พร้อมกับตะโกนพร้อมกันว่า “สวัสดีครับหัวหน้า!”
เมื่อเสียงจบลง ม่อซินเฉิงก็เดินลงมาจากบันไดด้วยท่าทางขบขัน ผ่านช่องตรงกลางที่นักแสดงเว้นไว้
บุคลิกที่โดดเด่นของเขาเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมทั้งฮอลล์ได้ทันที
ม่อซินเฉิงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
ในกระบวนการแสดง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีความหมาย
“นี่มันฝีมือการแสดงขั้นสุดยอด!”
“เขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่แค่การแสดงท่าทางก็ทำให้ฉันขำแล้ว”
“อาจารย์ม่อสุดยอดจริงๆ!”
ข้อความจากผู้ชมวิ่งผ่านหน้าจออย่างต่อเนื่อง
ม่อซินเฉิงถอยไปยืนกลางแถว ก่อนจะตะโกนว่า “ยืนให้เป็นแถวเดียวกัน!”
นักแสดงรีบจัดแถวให้เป็นแนวนอนทันที
ม่อซินเฉิงเดินไปที่ข้างแถวแล้วตะโกนว่า “ยืนให้ตรงนะพวกเรา!”
ทุกคนตะโกนพร้อมกันว่า “ครับ/ค่ะ!”
ม่อซินเฉิงพูดต่อว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าทีมโมเดลหงเกาเลียงของเราจะสามารถเดินทางไปแสดงที่เมืองหลวงได้อย่างสำเร็จลุล่วง ช่วงบ่ายนี้ ผู้นำของหมู่บ้านจะมาทำการตรวจสอบด่วนกับพวกเรา”
เขาเดินไปข้างหน้าทีม ขณะเดินก็พูดไปด้วยว่า “ขอแจ้งข่าวดีให้ทุกคนทราบ เราได้เชิญโค้ชโมเดลมืออาชีพจากในเมืองมาเป็นพิเศษ เพื่อให้คำแนะนำเราก่อนการตรวจสอบ”
พูดจบ ม่อซินเฉิงก็หันมามองไปยังผู้ชม
“ดีจริงๆ กำลังคิดอยู่ว่าไม่มีใครมาสอน จู่ๆ ก็มีขนมหวานหล่นลงมาจากฟ้า!”
นี่คือการโต้ตอบกับผู้ชมในฮอลล์
ผู้ชมก็ให้ความร่วมมือและตอบสนองกับม่อซินเฉิง
สำหรับม่อซินเฉิงแล้ว สถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย สำหรับเขา สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การรับมือกับผู้ชม แต่เป็นการไม่หลุดขำ
เขามีปัญหาอย่างหนึ่งคือ ชอบขำในระหว่างแสดง
ม่อซินเฉิงหันไปมองทีมงานของเขาด้วยท่าทางจริงจัง “เดี๋ยวโค้ชมาแล้ว เราต้องทำตัวให้เป็นระเบียบ นั่งให้เป็นนั่ง ยืนให้เป็นยืน!”
ขณะที่พูด เขาก็เดินมาข้างหน้าทีม ก้มตัวลงและไม่หยุดขยับมือ
“รู้จักความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ฟังที่เขาสอน เขาพูดอะไรให้ทำตามนั้น พยายามบีบคั้นศิลปะทุกหยดจากตัวเขาให้หมดในเวลาสั้นที่สุด~”
พูดจบ ม่อซินเฉิงก็ยืนตัวตรง ตะโกนเสียงดังว่า “จำไว้หรือยัง?”
“จำไว้แล้ว!”
ตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างเวที
“หัวหน้าม่อ!”
นักแสดงชายหญิงสองคนวิ่งขึ้นมาบนเวที
“หัวหน้า โค้ชมาถึงแล้ว!”
ม่อซินเฉิงตอบอย่างสงบนิ่งว่า “กลับไปประจำที่”
นักแสดงทั้งสองคนกลับไปยืนที่เดิม
ในตอนนี้ ทุกคนในฮอลล์ก็เริ่มรู้สึกถึงความแตกต่าง
สเก็ตช์ของสวี่เย่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับผลงานก่อนหน้านี้เลย
นี่ไม่ใช่สเก็ตช์แนวไร้สาระ
บทพูดหลายประโยคในเรื่องนี้ เหมือนถูกเขียนขึ้นมาเพื่อม่อซินเฉิงโดยเฉพาะ
การแสดงของนักแสดงและบทที่ถูกเขียนนั้นผสมผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มาถึงตรงนี้ สเก็ตช์เพียงแค่ปูพื้นเรื่องราว จุดเริ่มต้นของเนื้อเรื่องถูกบอกเล่า แต่ยังไม่ได้ขยายไปจนจบ
บนเวที ม่อซินเฉิงคุมทีมของเขาให้ยืนเตรียมต้อนรับโค้ชคนใหม่
ม่อซินเฉิงปรบมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ยินดีต้อนรับ…”
ทีมงานทุกคนปรบมือและตะโกนตามพร้อมกันว่า “ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ! ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ!”
ท่ามกลางเสียงปรบมือ หูจินผิงก็ปรากฏตัวออกมา
เขาสวมชุดที่ดูทันสมัยสุดๆ ขณะเดินมา เขาก็ยกมือขึ้นตบมือกับทีมงานไปเรื่อยๆ ท่าทางของเขาลื่นไหลอย่างมาก
ในกรุงปักกิ่ง กลุ่มหยวนฉีเส้าหญิงกำลังนั่งดู โรงละครเสียงหัวเราะ กันที่บ้านของเสี่ยวหวัง
พวกเธอเห็นท่าทางของหูจินผิงแล้ว ต่างก็ตะลึงกันเป็นแถว
เซี่ยฉงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยว่า “นี่มันไม่ใช่ท่าที่ตอนคุณสวี่มาที่บริษัทเราครั้งแรกแล้วให้เราทำเหรอ?”
“ดูเหมือนจะใช่เลย!”
หยวนฉีเส้าหญิงนึกถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา ตอนนั้นสวี่เย่ก็ทำเหมือนกับหูจินผิงไม่มีผิด
ณ ตอนนี้ คล้ายกับช่วงเวลานั้นไม่มีผิด
ผู้ที่กำลังดูสเก็ตช์นี้ ไม่ได้มีแค่พวกเธอ หยางเป่าหยิงก็ชมอยู่เช่นกัน
ในห้องนั่งเล่น หยางเป่าหยิงดูโทรทัศน์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด บนใบหน้าเขาไม่มีรอยยิ้มเลย
สเก็ตช์นี้เล่นมาถึงตรงนี้ เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างหนึ่ง
สเก็ตช์นี้มีวิธีการที่คล้ายกับที่เขาใช้ประจำ
“เขากำลังใช้โครงสร้างตลกมาตรฐานในการสร้างสเก็ตช์ แทนที่จะเป็นแนวไร้สาระ”
หยางเป่าหยิงรู้สึกเหลือเชื่อ
นี่คือการสร้างสเก็ตช์ในแนวที่เขาถนัด
เพียงแค่จังหวะการเปิดเรื่อง สวี่เย่ก็จับจังหวะได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถึงแม้จะมีการแสดงของม่อซินเฉิงช่วยเสริม แต่บทละครและการกำกับก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน
ใบหน้าของหยางเป่าหยิงยิ่งดูจริงจังขึ้นไปอีก
ทันทีที่เขาออกจากเส้นทางนี้ สวี่เย่ก็เดินบนเส้นทางเดียวกับเขา นี่มันต้องการไม่ให้เขามีทางไปต่อเลยงั้นเหรอ
บนจอโทรทัศน์ รายการยังคงเล่นต่อไป
หูจินผิงและม่อซินเฉิงจับมือกัน พร้อมกับแนะนำตัว
ในเรื่อง หูจินผิงคือโค้ชฝึก ส่วนม่อซินเฉิงคือหัวหน้าม่อ
หูจินผิงถามว่า “หัวหน้าม่อ ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”
ม่อซินเฉิงรีบเดินไปข้างหน้า ตะโกนว่า “รายงานท่านฝึกครับ!”
เขาทำหน้าซื่อตาใสและพูดว่า “พวกเราอยากจะไปเมืองหลวงจนร้องไห้ตอนกลางคืน ฝันกลางวันก็ยังฝันถึงตึกสูงของเมืองหลวง พวกเราพร้อมที่จะ—”
นักแสดงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ต่างก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันหนึ่งก้าวแล้วตะโกนว่า “เตรียมพร้อม!”
ทำเอาหูจินผิงสะดุ้งโหยง เกือบจะตกเวที
เมื่อเขาหยุดเดิน ม่อซินเฉิงก็ยืนในท่าที่ทำให้คนดูขำกันจนท้องแข็ง
ขาขวาของเขาไขว้ทับขาซ้าย ที่น่าทึ่งก็คือ พื้นรองเท้าซ้ายของเขาแอ่นขึ้นมาตรงกลาง
“ท่านม่อทำท่านี้ได้ยังไงเนี่ย!”
“ขำไม่ไหวแล้ว ท่านี้ใครคิดขึ้นมาเนี่ย!”
“ฉันรู้สึกว่าอาจารย์ม่อจะหลุดขำแล้ว”
ข้อความจากผู้ชมวิ่งผ่านไปไม่หยุด
หยางเป่าหยิงยังคงมีสีหน้าจริงจัง
เพราะตรงนี้ยังคงเป็นการปูเรื่อง
จากนั้น หูจินผิงก็ให้ทุกคนผ่อนคลาย เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ผมเองก็มีเวลาน้อยมาก ผมต้องรีบกลับไป เอางี้นะครับ ทีมนักแสดงแยกย้ายกันไปได้แล้ว เชิญ ‘โมเดล’ ขึ้นมาแทน”
ม่อซินเฉิงถามอย่างสงสัยว่า “เชิญใครนะ?”
“โมเดล”
ม่อซินเฉิงทำหน้างง “ใครโม?”
หูจินผิงทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะพูดด้วยสำเนียงมาตรฐานว่า “โมเดลครับ”
ม่อซินเฉิงหัวเราะออกมาแล้วแนะนำว่า “รายงานท่านฝึกครับ นี่แหละคือทีมโมเดลหงเกาเลียงของเราที่จะไปแสดงในเมืองหลวง!”
เมื่อหูจินผิงเห็นกลุ่มคนที่แต่งตัวแปลกๆ นี้ เขาถึงกับยืนอึ้งไป
“หัวหน้าม่อ นี่คุณไม่ล้อเล่นใช่ไหม?”
“ผมจะล้อเล่นทำไมล่ะ?”
“โมเดลจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
“ท่านฝึกครับ ก็เพราะการแต่งตัวแบบนี้แหละถึงได้แสดงถึงเอกลักษณ์ของหงเกาเลียงของพวกเรา”
“อย่างนั้นเหรอ?”
หัวหน้าม่อเริ่มแนะนำคนในทีม
ทุกคนล้วนแต่เป็นมืออาชีพ มีทั้งคนเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ฯลฯ
จนถึงคนสุดท้าย หัวหน้าม่อชี้ไปที่นักแสดงคนหนึ่งแล้วพูดว่า “เธอ เคยไปทำรายงานที่เถี่ยหลิ่งมาแล้วนะครับ”
หูจินผิงที่ทำหน้าตึงเครียดอยู่ก็มีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที
“โอ้โห ในเมื่อเคยไปเมืองใหญ่อย่างนั้น เราก็เริ่มฝึกกันได้เลย”
ใครว่าฉันเถี่ยหลิ่งไม่ใช่เมืองใหญ่กันล่ะ!
หัวหน้าม่อตะโกนว่า “เปลี่ยนชุด!”
หูจินผิงรีบห้ามไว้ก่อน “เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งเปลี่ยนชุดครับ ก่อนจะเริ่มฝึก ผมอยากจะดู ‘พื้นฐาน’ ของทุกคนก่อน”
ทุกคนทำหน้างง
หัวหน้าม่อพูดว่า “พื้นฐานเหรอ ไก่พื้นบ้านเอามาหรือเปล่า?”
หูจินผิงหัวเราะออกมา “พื้นฐานไม่ใช่เอาติดตัวมาครับ พื้นฐานคือทักษะพื้นฐาน พูดง่ายๆ ก็คือท่าเดินแบบโมเดล”
หัวหน้าม่อยกมือทำท่าประกอบ “แมวบ้าน?”
หูจินผิงตอบอย่างจริงจัง “ท่าเดินแมวครับ”
หัวหน้าม่อทำท่าตกใจ “อ้อ แมวกำลังเดินเล่น”
หูจินผิงนึกว่าม่อซินเฉิงเข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่
เขาอธิบายว่า “ไม่ใช่แมวเดินเล่น แต่เป็นแมวเดินเป็นเส้นตรงครับ”
หัวหน้าม่อทำหน้าจริงจังแล้วพูดว่า “ท่านฝึกครับ ผมว่าที่แมวจะเดินเป็นเส้นตรงได้หรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับหนูนะครับ”
สิ้นเสียง ทั้งฮอลล์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
หัวหน้าม่อทำท่าประกอบอีกครั้ง “ดูสิ ถ้าหนูเลี้ยว แมวยังเดินตรงได้อยู่ไหม? นี่ท่านพูดถึงแมวตาบอดเดินเป็นเส้นตรงเหรอครับ?”
เท่านั้นยังไม่พอ นักแสดงบนเวทีก็หัวเราะตามไปด้วย
หูจินผิงทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะพูดว่า “ที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่แมวตาบอดครับ เรากำลังพูดถึงเรื่องการเดินเป็นเส้นตรงต่างหาก”
หัวหน้าม่อกลับมีท่าทางฮึกเหิมขึ้นมาทันที
เขาพูดเสียงดังว่า “รายงานท่านฝึกครับ การเดินเป็นเส้นตรงไม่ต้องไปถามใครที่ไหนไกลเลย”
หัวหน้าม่อหันกลับไปชี้ทีมงาน “พวกเขาเดินเป็นเส้นตรงทุกวัน ทั้งปี ตั้งแต่ปลูกยันเก็บเกี่ยว ถ้าเดินเบี้ยวเมื่อไหร่ก็เหยียบต้นกล้านะครับ!”
เมื่อหัวหน้าม่อพูดจบ หยางเป่าหยิงถึงกับสะดุ้ง
เขาจ้องโทรทัศน์ด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เขาเล่นประเด็นนี้จริงๆ เหรอ!”
หัวหน้าม่อในชนบท และโค้ชหูจากในเมือง
คุณพูดถึงตึกสูงในเมือง ส่วนฉันพูดถึงการไถนา
ทั้งคู่พูดถึงเรื่องเดียวกัน แต่กลับเข้าใจต่างกัน
คนเมืองและคนชนบท ต่างกันในความเข้าใจคำว่า ‘ความสวยงาม’
แล้วความสวยงามที่แท้จริงคืออะไร?
ในผลงานบันเทิง หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีใคร
สร้างผลงานที่พูดถึงเรื่องนี้
ส่วนใหญ่ในผลงานแนวเมืองมักจะพูดถึงความหรูหราฟู่ฟ่าในเมืองใหญ่
แต่ภาพชนบทกลับค่อยๆ ถูกลืมเลือนจากผลงานของนักสร้างสรรค์
แม้กระทั่งในผลงานที่ปรากฏขึ้น ภาพชนบทก็มักจะมีแต่แง่ลบเสียเป็นส่วนใหญ่
หยางเป่าหยิงเริ่มคิดไอเดียอย่างรวดเร็ว
“หรือว่าตอนหลัง หัวหน้าม่อจะถูกปรับเปลี่ยนความคิด แล้วทีมโมเดลหงเกาเลียงก็จะเปลี่ยนไปตามโค้ชหู? แต่ก็ดูไม่ใช่แฮะ”
ในตอนนั้นเอง โค้ชหูกับหัวหน้าม่อก็ยังคุยกันต่อ
หูจินผิงพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ทำไมถึงโยงไปเรื่องทำนาได้อีกล่ะเนี่ย”
“มันเกี่ยวกันอยู่แล้ว!”
“เกี่ยวกันตรงไหน?”
หัวหน้าม่อพูดว่า “เอาชุดมาใส่ให้โค้ชดูหน่อยสิ!”
หยางเป่าหยิงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ปัญหาอยู่ที่ชุดนี่เอง!”