ตอนที่แล้วบทที่ 519: พบจิเรนอีกครั้ง ปริศนาในอดีต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 521: กำเนิดดราก้อนบอลแห่งความมืด

บทที่ 520: เงามืดแห่งโลกปีศาจ


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 520: เงามืดแห่งโลกปีศาจ

หลินเฉินยิ้มรับ ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจิเรนจะเอ่ยถามเช่นนี้

จากนั้นหลินเฉินก็ไม่ปิดบัง เล่าเรื่องราวการปรากฏตัวของตนเมื่อหลายปีก่อนอย่างเปิดเผย

ดวงตาของจิเรนเบิกกว้างเมื่อได้รับรู้ความจริงอันน่าตกตะลึง

“นายทำงานให้ไคโอชินแห่งกาลเวลาอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ เชื่อหรือเปล่าล่ะ?”

จิเรนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว เดิมทีฉันก็สงสัยอยู่บ้าง เพราะตอนนั้นพลังของฉันก็แข็งแกร่งเช่นทุกวันนี้ ฉันคิดว่าเป็นเพราะความโกรธแค้นที่สั่งสม แต่แท้จริงแล้วกลับมีคนมาเล่นงานฉันอยู่เบื้องหลัง…”

ปมในใจคลายลง ราวกับเงื่อนปมที่รัดแน่นถูกปลดปล่อย สายตาที่จิเรนมองมายังหลินเฉินก็อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฉินจึงเอ่ยถามคำถามเดิมอีกครั้ง

“จิเรน บอกฉันทีได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? เป็นชาวไซย่าจริง ๆ หรือที่ทำร้ายอาจารย์ของนาย?”

จิเรนพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังหางที่พันอยู่รอบเอวของหลินเฉิน “เว้นเสียแต่ว่าสายตาฉันจะพลาด หรือมีเผ่าพันธุ์อื่นที่มีหางแบบเดียวกันในโลกนี้อย่างที่ฉันไม่เคยรู้ ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ฉันก็ขอยืนยันว่าเป็นชาวไซย่าที่ทำร้ายอาจารย์ของฉัน”

“ชาวไซย่า?” หลินเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย

ข้าง ๆ กันลาซูลิเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หลินเฉิน เท่าที่ฉันรู้ ชาวไซย่ามีแค่ในจักรวาลที่ 7 กับจักรวาลที่ 6 ไม่ใช่เหรอ? แล้วไซย่าในจักรวาลที่ 11 นี่มาจากไหนกัน?”

“ถูกต้อง” จิเรนเห็นพ้อง “อันที่จริง นับแต่วันนั้น ฉันได้ออกตามหาทั่วทุกสารทิศแห่งจักรวาลที่ 11 แต่ก็ไม่เคยพบไซย่าคนนั้นอีกเลย ราวกับว่าเขาระเหยหายไปกับสายลม ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในจักรวาลนี้”

“ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับชาวไซย่านั้น ฉันได้สืบเสาะมาบ้างแล้ว เท่าที่ทราบ ในจักรวาลที่ 11 นี้ไม่มีชาวไซย่าหรือเผ่าพันธุ์ใดที่มีลักษณะใกล้เคียงเลย สิ่งที่พอจะมีเค้าโครงคล้ายคลึงที่สุดก็คือมนุษย์ อย่างเช่นคาเซรัล”

“ดังนั้นฉันจึงสันนิษฐานว่า ไซย่าผู้นั้นอาจเหมือนกับนาย มาจากจักรวาลอื่น หรือแม้กระทั่งเส้นเวลาอื่น!”

ไซย่าจากเส้นเวลาอื่นงั้นหรือ?

หลินเฉินครุ่นคิดกับข้อมูลที่ได้รับจากจิเรนอย่างหนัก

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่หลินเฉินเดินทางข้ามกาลเวลา เขาเคยเห็นไซย่าคนนั้นแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน

ไซย่าที่ข้ามเวลาได้นี่... เกี่ยวข้องกับทรังคซ์หรือเปล่านะ?

“จิเรน ช่วยบรรยายลักษณะของไซย่าคนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหม?” หลินเฉินเอ่ยถาม น้ำเสียงแฝงความสงสัย หากเป็นไซย่าที่เกี่ยวข้องกับทรังคซ์ เขาอาจจะรู้จักบ้างก็ได้

อย่างไรก็ตาม คำตอบของจิเรนกลับทำให้หลินเฉินงุนงงยิ่งนัก

“ไซย่าคนนั้น... พอนึกดูดี ๆ แล้ว เขาหน้าตาคล้ายโบรลี่แห่งจักรวาลนายเลย!” จิเรนกล่าว น้ำเสียงหนักแน่นราวกับมั่นใจ

“โบรลี่?” หลินเฉินทวนคำด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ ตอนศึกชิงจ้าวยุทธภพทั่วจักรวาล ฉันยังเผลอคิดว่าโบรลี่คือไซย่าคนนั้นเลย!” จิเรนยืนยันอีกครั้ง

ลาซูลิแทรกขึ้นอย่างเคลือบแคลง “หลินเฉิน ไม่น่าจะใช่โบรลี่หรอกมั้ง?”

“เป็นไปไม่ได้” หลินเฉินส่ายหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ที่โบรลี่จากเส้นเวลาอื่นอาจมีตัวตนอยู่จริง แต่เท่าที่เขาทราบ แม้แต่พลังของโบรลี่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับผู้ที่สังหารอาจารย์ของจิเรนได้

จิเรนเสริมว่า “ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นโบรลี่ หลังจากศึกประลองยุทธภพทั่วจักรวาลสิ้นสุดลง ข้าได้สอบถามท่านมาคาริต้าแล้ว ท่านยืนยันว่าโบรลี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง”

มาคาริต้าคือเทวดาผู้พิทักษ์จักรวาลที่ 11

เหล่าเทวดาล้วนมีพลังอำนาจล้ำเลิศ สามารถหยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลที่ตนดูแล

แม้แต่มาคาริต้าก็ยังไม่อาจล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของบุคคลผู้นั้น...

ไซย่าผู้ลึกลับ...

เขาเป็นใครกัน?

ดูเหมือนปริศนานี้จะยังคงไร้คำตอบในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่หลินเฉินรู้สึกว่าเขาสามารถเอ่ยถามได้

“จิเรน รู้ไหมว่าอะไรเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ในวันนั้น? ทำไมไซย่าคนนั้นถึงโจมตีอาจารย์ของนาย?”

“อืม... ฉันก็ไม่มั่นใจนัก แต่พอจะคาดเดาได้บ้าง” จิเรนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถาม “ว่าแต่ หลินเฉิน อยากไปดาวเคราะห์ที่เราพบกันครั้งแรกไหม?”

“หืม?” หลินเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัย

“ที่จริงแล้วนั่นคือสถานที่ที่อาจารย์ของฉันเคยฝึกฝน ฉันสามารถอธิบายเรื่องการโจมตีของเขาได้ที่นั่น”

กลับมายังอาณาจักรปีศาจทมิฬอีกครา

แท่นบูชายังคงตั้งตระหง่านเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นอกจากร่างเดิมที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีบุคคลอื่นปรากฏกายขึ้น ณ ที่แห่งนี้อีกด้วย

หากผู้ใดหลงเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ พวกเขาคงสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับถูกเงื้อมเงาแห่งความตายโอบล้อม ขนทุกเส้นคงลุกชันด้วยความยำเกรงต่อบุคคลเหล่านี้

แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้อาจไม่ได้มีพลังเทียบเคียงเทพแห่งการทำลายล้างในด้านพละกำลัง แต่กลับแผ่รังสีอำนาจลึกลับยากหยั่งถึง บ่งบอกถึงความสามารถอันเกินกว่าจะคาดเดา

ท่ามกลางบุคคลเหล่านั้น ผู้ที่ดูน่าเกรงขามที่สุดคือชายชราผู้ลอยขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ร่างกายดูเล็กและบอบบางราวกับปุยนุ่นปลิวลม

กระนั้น บรรดาผู้ที่อยู่รายล้อมต่างแสดงความเคารพอย่างสูงสุด พร้อมใจกันเปิดทางให้เขาลอยเข้าหาบุคคลผู้เป็นศูนย์กลางแห่งการรวมตัว ณ ที่แห่งนี้

“เนิ่นนานเหลือเกิน… ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง ซารามะ!”

สิ้นเสียงของชายชรา ซารามะก็ลอยลงจากแท่นบูชา เผยร่างที่แท้จริงให้ปรากฏแก่สายตาของทุกคน

ปรากฏว่าบุคคลผู้นี้มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับชาวดาวนาเม็กอย่างน่าพิศวง!

เว้นแต่ว่าบนศีรษะ ในตำแหน่งที่ชาวดาวนาเม็กควรจะมีหนวด กลับปรากฏเขาของมังกรอยู่หนึ่งคู่

เครื่องแต่งกายของเขามีลักษณะคล้ายคลึงกับฉลองพระองค์ของพระเจ้าแห่งโลก แต่มีสัญลักษณ์ "มังกร" ประดับอยู่บนหน้าอก

ซารามะกล่าว “เมจิคาบูร่า นานแล้วนะเนี่ย ดูเหมือนเจ้าจะร่วงโรยไปมากเลย”

แม่มดผู้เลอโฉมราวกับเทพธิดาโทวะ รีบพุ่งเข้ามาต่อว่า “ไอ้สารเลว! พูดจาบ้า ๆ อะไรกัน”

ชายชราที่ชื่อว่าเมจิคาบูร่า ยกมือขึ้นกล่าวเสียงดัง “โอ้ พูทีน! เจ้าควรระวังกิริยาของตนให้มาก! อย่าได้ลืมเลือนว่าเบื้องหน้าเรานี้หาใช่ผู้ใดไม่ หากแต่เป็นเทพเจ้ามังกรซารามะ! ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยร่ำลือพระนามเคียงข้างท่านเซ็นโอ!”

“ค่ะ!” แม่มดสาวพูทีน ก้มศีรษะลงรับคำ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความดูแคลนอย่างรุนแรง

เพราะเธอรู้แจ้งแก่ใจดีว่า ซารามะเบื้องหน้านี้เป็นเพียงร่างแยกของเทพเจ้ามังกรตัวจริงเท่านั้น

กาลเวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน เทพเจ้ามังกรซารามะได้ทรยศต่อท่านเซ็นโอ จนถูกลงทัณฑ์อย่างสาหัส ยามพ่ายแพ้ ซารามะจึงสร้างร่างแยกขึ้น หลบหนีไปยังอาณาจักรปีศาจทมิฬ อันเป็นดินแดนที่อยู่นอกเหนืออำนาจของท่านเซ็นโอ

ครานั้นซารามะได้ทำข้อตกลงกับราชาโลกปีศาจคือเทพปีศาจเมจิคาบูร่า

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมาชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้

ดังนั้น ซารามะจึงเป็นผู้มาขอความช่วยเหลือ แม้จะเป็นเทพเจ้ามังกร แต่บัดนี้เขากลับอยู่ในร่างแยก พูทีนจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ ซารามะ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ารวบรวมพลังแห่งปาฏิหาริย์ได้ครบแล้ว?”

“ใช่” ซารามะยื่นแบบจำลองเทพเจ้ามังกรออกมา

“เมจิคาบูร่า ข้ารวบรวมพลังปาฏิหาริย์ได้ครบถ้วนแล้ว” เสียงนั้นกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน “ต่อไปข้าจะใช้พลังนี้สร้างดราก้อนบอล แล้วอธิษฐานขอพร”

ประกายแห่งความหวังฉายชัดในดวงตา “เมื่อสมปรารถนาแล้ว ข้าจะเติมเต็มความปรารถนาของเจ้า และคืนพลังชีวิตที่ทูตสวรรค์สูงสุดผนึกไว้ให้”

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด