ตอนที่แล้วตอนที่ 1624 วางแผนฆ่าเขา (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1626 บอดี้การ์ดสุดแกร่ง (1)

ตอนที่ 1625 กำเนิดคนประจบ (ฟรี)


ตอนที่ 1625 กำเนิดคนประจบ

ตามคำกล่าวที่ว่า ‘อาจารย์หนึ่งวัน ก็เหมือนบิดาตลอดชีวิต’ บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่หอยสังข์จะเชื่อใจได้ นอกจากอาจารย์ของนาง

“ท่านเจ้าศาลาลู่ พวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นถึงอัจฉริยะ หากตอนนี้หอยสังข์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจักรพรรดิซางจางแล้ว พวกนาจะอยู่ที่วิหารซวนอี้ก็ย่อมได้ หากท่านไม่ขัดข้อง หอยสังข์ยังสามารถเป็นแม่ทัพแห่งวิหารซวนอี้ได้” ซวนอี้ที่มองดูหอยสังข์ที่ตอนนี้กลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เหลือบมองหยวนเอ๋อที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างมีความสุขกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ได้” ลู่โจวส่ายหัว

“ทำไมล่ะ?”

“กฎของการแข่งขันชิงตำแหน่งแม่ทัพยังคงมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่สมัยโบราณ แม่ทัพแห่งสิบวิหารจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังแกนกลางของเสาหลักแห่งหายนะเพื่อที่จะทำความเข้าใจพลังของสวรรค์และโลก มีเสาหลักแห่งหายนะแค่สิบต้น เสาหลักแห่งหายนะที่สอดคล้องกับวิหารซวนอี้ต้นเดียวนั้นไม่เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้นวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะไม่เห็นด้วย” ลู่โจวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ยังไงซะก็ยังมีเสาหลักแห่งหายนะที่สอดคล้องกับโถงเสวียนเมิ่ง โถงเสวียนเมิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนพวกนั้น”

คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา ความหมายของลู่โจวก็คือเขาเกลียดคนพวกนั้น แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโถงเสวียนเมิ่ง

“งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ” ซวนอี้ที่พยักหน้ากล่าว

ซวนอี้รู้ว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์คงจะชอบให้มีแม่ทัพคนใหม่ประจำสิบวิหาร แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่รู้ว่าผู้ที่ครอบครองเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่านั้นเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ เมื่อพวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดเมื่อไหร่ ท่านอาจารย์ก็คงจะต้องกลับไปยังจุดสูงสุดเช่นกัน

‘ช่างวิเศษจริงๆ!’ ซวนอี้คิดในใจ

“คุณหนูหอยสังข์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ท่านสามารถมองว่าวิหารซวนอี้เป็นบ้านของท่านได้ ท่านสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ หากท่านมีเรื่องอะไรที่อยากจะขอ ได้โปรดบอกข้ามาเถอะ หากท่านไม่ขัดข้อง ท่านจะมองว่าข้าเป็นพี่ชาย เป็นครอบครัวของท่านได้!” ซวนอี้ที่เดินไปหาหอยสังข์กล่าวหลังจากที่เวลาผ่านไป

ทุกคนมองดูซวนอี้พร้อมเพรียงกัน

“ฝ่าบาท แบบนี้มัน...มันไม่เหมาะสมรึเปล่า?” หอยสังข์ที่มองดูลู่โจวกล่าว

“ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรอก หากท่านไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ข้าก็แค่ต้องการแสดงความรู้สึกของข้า” ซวนอี้กล่าว

“ขอบคุณฝ่าบาท” หอยสังข์กล่าว ‘หากข้ามองท่านเป็นพี่ชายจริงๆ การลำดับผู้อาวุโสคงจะต้องวุ่นวายแน่ๆ’ นางคิดในใจ

ซวนอี้ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในสายตาของเขาแล้ว ลู่โจวคืออาจารย์ของเขา เขารู้สึกว่าสถานะของเขานั้นเหมือนกับศิษย์ของลู่โจว พวกเขาล้วนแล้วแต่มีอาจารย์คนเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการที่หอยสังข์จะมองเขาเป็นพี่ชายนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

“ท่านเจ้าศาลาลู่ ข้ามีคำถาม” ซวนอี้ที่กลับมายืนข้างๆ ลู่โจวถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขายิ้ม

“ว่ามา”

“ตอนที่ท่านอยู่ที่โถงเสวียนเมิ่ง ดาบที่ท่านใช้นั้นเป็นถึงอาวุธระดับว่างเปล่าไม่ใช่เหรอ?” ซวนอี้ถาม

“ใช่” ลู่โจวที่ตอบอย่างตรงไปตรงมากล่าว ไม่จำเป็นต้องปิดบัง

“มันเป็นอาวุธระดับว่างเปล่าจริงๆ ด้วย!” ซวนอี้มีสีหน้าที่ประหลาดใจ

“เอาล่ะ วันนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว” ลู่โจวกล่าวกับทุกคน

“ครับ/ค่ะ” คนของศาลาปีศาจลอยฟ้าโค้งคำนับ

ตกดึก

ลู่โจวยังคงทำความเข้าใจคัมภีร์สวรรค์ต่อไป พลังฝึกฝนของเขากำลังพัฒนาอย่างราบรื่น แต่เขานั้นขาดแคลนหัวใจชีวิตชั้นยอด

พลังอวตารสีทองของเขานั้นมีพลังผังก่อเกิด 32 ผังแล้ว ตอนนี้เขาเหลืออีกแค่ 4 ผัง ก็จะสามารถเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดได้ทั้งหมด

ถึงแม้ว่าพลังอวตารสีน้ำเงินจะแข็งแกร่งมาก และมันก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าพลังอวตารสีทอง แต่มันก็ยังสามารถพัฒนาขึ้นได้ เพราะยังไงซะมันก็ยังคงมีพลังผังก่อเกิดแค่ 7 ผัง มันยังคงห่างไกลจากพลังผังก่อเกิดที่ 36 มาก

ในเมื่อเขาอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าแล้ว เขาควรจะต้องฉวยโอกาสเอาไว้ ดินแดนแห่งความว่างเปล่านั้นอันตราย แต่มันก็ยังคงเต็มไปด้วยโอกาส

ห้าวันต่อมา

รถม้าลอยฟ้าหนึ่งคันลอยอยู่บนท้องฟ้าทางทิศใต้ของวิหารซวนอี้

“ได้โปรดบอกจักรพรรดิซวนอี้ว่าข้ามาที่นี่ในฐานะแขก ข้าหวังว่าเขาจะยอมพบข้า”

“ฝ่าบาทได้กล่าวเอาไว้ว่าหากจักรพรรดิซางจางมาที่นี่ ฝ่าบาทจะไม่พบเขา ข้าหวังว่าจักรพรรดิซางจางจะไม่โกรธ” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งที่มองดูรถม้าลอยฟ้ากล่าว

“ได้โปรดแจ้งเรื่องการมาของข้าให้เขารับรู้อีกครั้งเถอะ หากข้าไม่ได้พบเขา ข้าคงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่” จักรพรรดิซางจางที่สะกดกลั้นตัวเองกล่าวอย่างสุภาพ

“ได้โปรดรอสักครู่” ผู้ฝึกยุทธคนนั้นที่ถอนหายใจส่ายหัว

ผู้ฝึกยุทธคนนั้นมาถึงห้องโถงใหญ่ เขารายงานเรื่องนี้ให้ซวนอี๋รับรู้

“ไอ้สารเลวจักรพรรดิซางจางคนนั้นอยากจะพบคนอื่น ไม่ใช่ข้า ปกติแล้วเขามักจะหยิ่งผยองและดูถูกข้า! บอกเขาไปว่าข้าจะไม่พบเขา” ซวนอี้หัวเราะ

“ครับ ฝ่าบาท” ผู้ฝึกยุทธคนนั้นที่พูดจบก็จากไป

“นี่เป็นครั้งที่สามแล้วสินะ? เขานี่ดื้อด้านจริงๆ” หลี่ฉุนที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าว

“ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะใช้เส้นทางอักษรโบราณของคนอื่นและรีบมาที่วิหารซวนอี้ภายในห้าวัน บนโลกใบนี้จะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ได้ยังไง? เขาคิดว่าห้าวันสามารถแลกกับความเหงาและสิ้นหวังเป็นเวลาหลายร้อยปีได้งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!” ซวนอี้กล่าวอย่างดูถูก

“ข้าไม่เข้าใจ ฝ่าบาท” หลี่ฉุนที่ไม่เข้าใจกล่าว เพราะยังไงซะเขาก็ยังคงไม่รู้เรื่องของหอยสังข์

“อย่าได้ถามในสิ่งที่ไม่ควรจะถาม” ซวนอี้กล่าว

“ฝ่าบาท จักรพรรดิซางจางจากไปแล้ว” ผู้ฝึกยุทธที่รับผิดชอบต้อนรับจักรพรรดิซางจางกลับมาอีกครั้ง

“เขานี่มัน! มาแค่สามครั้งก็ยอมแพ้แล้ว ถูกแล้วที่เขาจะต้องไสหัวไป!” ซวนอี้หัวเราะเยาะ

“จักรพรรดิซางจางไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำไมเขาถึงได้จากไปอย่างกะทันหันด้วย?” หลี่ฉุนกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าไม่แน่ใจ แต่ตอนที่เขาจากไป เขาดูเหมือนกับว่าจะตัดสินใจแล้ว” ผู้ฝึกยุทธคนนั้นตอบ

“ช่างเขาเถอะ” ซวนอี้กล่าว

“ฝ่าบาท ท่านไม่กลัวว่าจักรพรรดิซางจางจะผูกใจเจ็บท่านงั้นเหรอ?” หลี่ฉุนถาม

“หากเขาเป็นคนใจแคบขนาดนั้น เขาคงจะไม่มาที่วิหารซวนอี้ตั้งแต่แรกหรอก” ซวนอี้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูลึกลับ

ณ ห้องโถงเต๋าแห่งโถงทมิฬ

หยวนเอ๋อกับหอยสังข์กำลังนวดหลังและไหล่ให้กับลู่โจว พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในโถงซางจาง พวกนางเล่าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เรื่องที่พวกนางมีความสุข หรือไม่มีความสุข

“แบบนี้แสดงว่าจักรพรรดิซางจางปฏิบัติต่อพวกเจ้าเป็นอย่างดี” ลู่โจวที่พยักหน้ากล่าว

“เขาปฏิบัติต่อพวกเราเป็นอย่างดีก็จริง แต่...ตอนแรกข้าคิดว่าท่านเป็นคนดีก็เพราะเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่า แต่ต่อมาข้าคิดว่าท่านเป็นคนดี ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำร้ายหอยสังข์” หยวนเอ๋อกล่าว

“เจ้าเกลียดเขางั้นเหรอ?” ลู่โจวถามหอยสังข์

หอยสังข์ส่ายหัว นางไม่ได้เกลียดจักรพรรดิซางจาง นางไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา

“หากเจ้าคิดดูให้ดีๆ แล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่คนที่น่าสงสารที่ถูกคนชั่วหลอกลวง” ลู่โจวกล่าว

“ต่อให้เขาจะถูกหลอกลวง แต่คนที่สามารถทิ้งลูกสาวของตัวเองได้นั้นคงจะไม่ใช่คนดี!” หยวนเอ๋อที่หัวเราะเยาะกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยโดยที่ไม่ได้รอให้หอยสังข์พูด

ลู่โจวพยักหน้าเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้ หากจักรพรรดิซางจางหวังที่จะได้รับความเห็นใจจากหอยสังข์ มันคงจะเป็นไปไม่ได้

“นี่คืออะไร?” ลู่โจวที่มองดูน้ำชาถาม ผู้ติดตามคนหนึ่งยกถาดน้ำชาเข้ามาในห้องโถงอย่างช้าๆ

“ผู้อาวุโสจี นี่คือชาชั้นดีที่ฝ่าบาทเตรียมเอาไว้ให้กับท่าน” ผู้ติดตามคนนั้นตอบ

“ผู้อาวุโสจี?” ลู่โจวขมวดคิ้ว

“ฝ่าบาทมักจะพูดถึงท่าน ข้าชื่นชมท่านมาโดยตลอด” ผู้ติดตามคนนั้นอธิบาย

“วิชาชงชาของเจ้านั้นยังต้องพัฒนาอีกมาก” ลู่โจวที่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบกล่าว

“ครับ” ผู้ติดตามคนนั้นที่เขินอายพยักหน้า

“เจ้าไปได้แล้ว” หยวนเอ๋อโบกมือ

“ฝ่าบาทบอกให้ข้าอยู่รับใช้ท่าน” ผู้ติดตามคนนั้นที่โค้งคำนับกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ท่านอาจารย์ ท่านทำอะไรจักรพรรดิซวนอี้กันแน่? เขาดูแปลกๆ พวกเราต้องระวังตัวไว้” หยวนเอ๋อที่ไม่เข้าใจถาม

“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับซวนอี้หรอก ส่วนจักรพรรดิซางจางคนนั้น...” ลู่โจวที่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกล่าว

“อย่าได้พูดถึงเขาเลย ข้าตาบอดจริงๆ! ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมีจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้!” หยวนเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ

หยวนเอ๋อที่ตกใจเล็กน้อย “เจ้ารินชาแบบไหนกัน? ซุ่มซ่ามจริงๆ!”

“ขออภัยด้วย” ผู้ติดตามคนนั้นที่รีบวางกาน้ำชาลงกล่าว

“คุกเข่าลง คารวะท่านอาจารย์ของข้าซะ เจ้ามันไม่มีมารยาทเอาซะเลย” หยวนเอ๋อที่มองดูผู้ติดตามคนนั้นที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ นางกำลังไม่พอใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด