ตอนที่แล้วตอนที่ 139 ความตายของไมเคิลแองเจโล!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 141 สวัสดีผมชื่อ บรูซ แบนเนอร์ ใครช่วยบอกผมได้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน? และทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่?!

ตอนที่ 140 นั่นไม่ใช่หุ่นยนต์ มันคือ สตาร์ชายด์!


ตอนที่ 140 นั่นไม่ใช่หุ่นยนต์ มันคือ สตาร์ชายด์!

“กัปตัน นี่คือโล่ใหม่ของคุณ วัสดุหลักทำจากอะดาแมนเทียม พร้อมเคลือบด้วยไวเบรเนียม ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ข้อเสียคือมันหนักขึ้นเล็กน้อย”

เอริคโยนโล่ให้กับกัปตันอเมริกา ทำให้กัปตันที่รับโล่มาก็ลองจับดู และพบว่าน้ำหนักมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจริง ๆ แต่ในด้านรูปลักษณ์นั้นแทบไม่แตกต่างจากโล่อันเดิมเลย แม้แต่รอยขีดข่วนที่เคยมีบนโล่ก็ยังคงเหมือนเดิม ทำให้กัปตันมองเอริคด้วยความสงสัย

“ไวเบรเนียมไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน” เอริคพูดต่อไปพลางแจกจ่ายอาวุธให้คนอื่น ๆ โดยไม่หยุดมือ “ถ้าทำลายโครงสร้างอะตอมของมันได้ ไวเบรเนียมก็ไม่ต่างอะไรกับเหล็กธรรมดา”

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่ผมมีแค่ความรู้ระดับมัธยมปลาย ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจทีว่าการทำลายโครงสร้างอะตอมของไวเบรเนียมมันง่ายหรือยากแค่ไหน?” กัปตันอเมริกาพูดพลางตบโล่ในมือ “จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่เคยเจอใครทำสำเร็จเลยสักคน”

“ยากมาก แต่สำหรับฮาเวิร์ด มันง่ายดาย เขามีดวงตาของเดอะวอชเชอร์ ที่สามารถมองเห็นจุดอ่อนของทุกสิ่ง”

“แบบนี้เราก็ไม่มีทางสู้เขาได้เลยสิ?” บาร์ตันพูดขณะลองสวมแหวนบนมือทีละนิ้วเพื่อหานิ้วที่ใส่แล้วจะยิงธนูถนัดที่สุด

“นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันเปลี่ยนอุปกรณ์ให้พวกทุกคน ดวงตาของเดอะวอชเชอร์เมื่อถูกแยกออกจากตัวมัน จะไม่สามารถตรวจสอบจักรวาลได้อีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่เราทำตอนนี้ฮาเวิร์ดจะไม่มีทางรู้”

ในที่สุดบาร์ตันก็สวมแหวนไว้ที่นิ้วก้อยซ้าย และพยักหน้าให้เอริคอย่างเข้าใจ

“เอาล่ะ พยายามปรับตัวให้เข้ากับอุปกรณ์ใหม่โดยเร็วที่สุด อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะออกเดินทางกัน”

“เราจะไปไหน? คุณรู้แล้วเหรอว่าฮาเวิร์ดอยู่ที่ไหน?” กัปตันอเมริกาสะพายโล่ไว้ที่หลัง และมองเอริคด้วยสายตาจริงจัง

“ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่มีคนที่รู้ เราจะไปที่โรมกันก่อน!”

. . .

“ที่นี่เคยเป็นนครใต้ดินอันยิ่งใหญ่ น่าเสียดายที่มันพังทลายเพราะความโลภของนิวตัน” ขณะเดินเข้าสู่นครอมตะ เอริคก็เริ่มแนะนำถึงบราเธอร์ฮูดออฟชีลด์ ซึ่งเป็นองค์กรในตำนาน พร้อมกับสำรวจพื้นที่ไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาไมเคิลแองเจโลและตรวจสอบกับดักที่อาจถูกวางเอาไว้

“น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ที่ประวัติศาสตร์มนุษย์เคยมีองค์กรในตำนานเช่นนี้ และที่น่าตกใจยิ่งกว่า พ่อของฉันเคยเป็นหนึ่งในนั้น” โทนี่ สตาร์ค สวมเกราะมาร์ก 1.5 เดินตามหลังเอริคมาด้วยน้ำเสียงแฝงความแข็งกระด้าง

“พวกเขาเคยทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องมนุษยชาติ และยังคงพยายามทำต่อไปจนถึงทุกวันนี้” เอริคสำรวจรอบด้านและขมวดคิ้ว เพราะไม่พบร่องรอยของไมเคิลแองเจโลเลย

ทันใดนั้น ไม่ไกลจากกลุ่มของพวกเขา แสงสีทองสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นจากซากปรักหักพัง เหมือนพลังงานที่กำลังถ่ายทอดจากความว่างเปล่า

เมื่อเห็นแสงสีทองที่คุ้นเคย เอริคก็รีบเดินเข้าไปหาทันที “ท่านไมเคิลแองเจโล ท่านไปอยู่ที่ไหนมา?”

แต่แสงเหล่านั้นกับพยายามจะรวมตัวกันอย่างยากลำบาก จนไม่สามารถคืนร่างเป็นมนุษย์ได้ ทำให้เอริคจึงเริ่มรู้สึกไม่ดี

“ท่านไมเคิลแองเจโล เกิดอะไรขึ้น? ท่านเป็นอะไรไป?” ใบหน้าของเอริคเปลี่ยนสี เมื่อรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

พลังงานสีทองพยายามรวมตัวอีกครั้ง แต่ล้มเหลว จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าสู่ระหว่างคิ้วของเอริค

“เอริค ฮาเวิร์ดใช้เครื่องมือบางอย่างจับตัวข้าในเส้นเวลานี้เอาไว้ และรบกวนการเชื่อมต่อของข้ากับเส้นเวลานี้ น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีกต่อไป ทุกอย่างต้องฝากไว้กับพวกเจ้าเอง” เสียงของไมเคิลแองเจโลดังขึ้นในจิตใจของเอริค

“ท่านไมเคิลแองเจโล เขาต้องการทำอะไร?”

“ดวงตาเดอะวอชเชอร์มอบพลังและความรู้แก่เขา ขณะที่ร่างกายของข้าเป็นตัวนำพาเส้นเวลาและพิกัด เขาจะใช้ข้าเพื่อสร้างเครื่องจักรเพื่อรีเซ็ตเส้นเวลานี้”

“รีเซ็ตเส้นเวลา!” เอริคพูดอย่างตกตะลึง “นี่มันบ้าบอสิ้นดี ท่านไมเคิลแองเจโล ฮาเวิร์ดอยู่ที่ไหน?”

“เขาอยู่ที่นี่ กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออก . . .” เสียงสุดท้ายของไมเคิลแองเจโลขาดหายไปเมื่อพลังงานของเขาหมดลง

“เขาที่นี่!” เอริคพูดเสียงดัง พร้อมปล่อยสนามแม่เหล็กสำรวจไปรอบ ๆ ทันที แต่สนามแม่เหล็กนี้กลับไปกระตุ้นกลไกบางอย่างเข้าโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้นคลื่นพิเศษบางอย่างก็แพร่กระจายออกไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว จนกลืนกินกลุ่มของเอริค ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมสนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงไปทันที

“เครื่องสะกดยีน X และอุปกรณ์รบกวนแรงโน้มถ่วงของฟิวรี่ ฮาเวิร์ดเตรียมอุปกรณ์พวกนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้วสินะ!” เอริคพูดอย่างเยือกเย็น พลางกดที่เข็มขัดเพื่อสร้างเกราะพลังงานครอบตัวเองเอาไว้

“ทุกคน เตรียมพร้อมต่อสู้!”

“สู้งั้นเหรอ? สู้กับใคร? ก้อนอิฐหรือไง? เอริค ฉันไม่เห็นศัตรูสักคนเดียว นายสายตาสั้นหรือเปล่า ให้ฉันช่วยตัดแว่นให้ไหม?” โทนี่พูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง แต่แขนของเขาก็ยกขึ้น เตรียมพร้อมยิงพลาสมาจากฝ่ามือ ขณะมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง

ทุกคนในทีมก็ยกอาวุธขึ้นเตรียมพร้อมเช่นกัน เพราะการสู้รบมันอยู่ในสายเลือดและจิตใจของพวกเขามาตั้งนานแล้ว

ในขณะเดียวหลังจากนั้นไม่นานพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เสียงดังกึกก้องคล้ายเสียงกองทัพขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จะดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“ฉันเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้วสิ” บาร์ตันพูดพลางหยิบลูกธนูขึ้นเตรียมพร้อมกับสายธนู ก่อนที่ดวงตาจะจับจ้องไปยังความมืดอันไกลโพ้น

เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และเมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่กำลังมุ่งหน้ามา ความกังวลของพวกเขาก็กลายเป็นจริง มันคือกองทัพแมงมุมจักรกลสูงกว่าสองเมตร ด้านหลังมีปืนสองกระบอกที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ ดวงตาแปดดวงบนหัวของมันเปล่งแสงสีแดงสดที่ดูน่าหวาดหวั่น และมองไปได้ไกลสุดสายตา

“ว่าแล้วเชียว! ลางสังหรณ์ของฉันไม่เคยพลาดเลย ไอ้เครื่องจักรพวกนี้ ฉันสงสัยจังว่า ลูกธนูหัวใหม่ของฉันจะทะลุพวกมันได้ไหม” บาร์ตันพูดพลางดึงสายธนูเต็มแรง แต่ถูกเอริคกดแขนไว้

“ก็แค่กองทัพพลีชีพ เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” เอริคพูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ไปยังฝูงแมงมุมจักรกลที่กำลังล้อมรอบพวกเขาเอาไว้

ทันใดนั้นรังสีปริศนาก็ถูกปล่อยออกจากปลายนิ้วของเอริค มุ่งตรงเข้าสู่จุดศูนย์กลางของกองทัพแมงมุมจักรกล

“อาจจะเสียงดังสักหน่อย แนะนำว่าพวกนายควรอุดหูไว้” เอริคเตือน ก่อนที่เขาจะอุดหูตัวเอง

ซึ่งก่อนที่คนอื่นจะได้ทันตั้งตัว แสงสว่างวาบก็ระเบิดขึ้นกลางกองทัพแมงมุมจักรกล ตามมาด้วยเสียงระเบิดราวกับจรวดมิสไซล์ คลื่นกระแทกก่อให้เกิดพายุฝุ่นมหาศาล จนทำให้บางคนที่มีพลังน้อยกว่าเกือบล้มลงกับพื้น

เมื่อฝุ่นเริ่มจางหายไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก็คือซากและเศษชิ้นส่วนของแมงมุมจักรกลจำนวนมาก รวมถึงหลุมลึกกว่า 10 เมตรหลายแห่งที่ถูกทิ้งไว้เป็นเครื่องหมายของการต่อสู้อันรุนแรง

บาร์ตันกลืนน้ำลายพลางมองเอริคด้วยสายตาไม่เชื่อ “บอสแน่ใจนะว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา? ผมคิดว่าแค่มีบอสคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว”

ทุกคนในทีมต่างตกใจกับพลังของเอริค แต่เอริคกลับไม่แสดงท่าทีพึงพอใจอะไรเลย และมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

ทันใดนั้น เงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น มันสูงกว่า 20 เมตร ทั้งร่างถูกสร้างขึ้นจากโลหะที่ไม่มีใครรู้จัก บริเวณอกของมันมีหน้าต่างวงกลมคล้ายเตาปฏิกรณ์อาร์กเผยให้เห็นกลไกที่ซับซ้อนด้านใน

ถึงแม้ตัวจะใหญ่โต แต่การเคลื่อนไหวของมันกลับเบาและพลิ้วไหวอย่างน่าอัศจรรย์ มันเดินบนพื้นโดยแทบไม่มีเสียงด้วยซ้ำ

เอริคสูดหายใจลึก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “นี่แหละเหตุผลที่ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพวกนาย!”

“นี่น่ะเหรอ? แค่หุ่นยนต์ตัวใหญ่ไม่ใช่หรอไง? เอริค เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” โทนี่พูดพร้อมกับเตรียมพุ่งขึ้นไปบนฟ้าด้วยชุดเกราะของเขาเพื่อโจมตี แต่เขาก็ถูกเอริคหยุดเอาไว้ก่อน

“ไม่ใช่ โทนี่ นั่นไม่ใช่หุ่นยนต์ มันคือ ‘สตาร์ชายด์’ มันคือเทพองค์หนึ่ง!”

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด