ตอนที่ 36 ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ
ตอนที่ 36 ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ
“ท่านพี่ ท่านรู้จักกับสตรีผู้นี้หรือ?”
เจียงเหลียนซินที่ยืนอยู่เคียงข้าง กล่าวถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นางไม่เคยใส่ใจเรื่องที่กู้ฉางชิงอาจรับหญิงอื่นเป็นภรรยารองหรือนางบำเรอ ซ้ำยังสนับสนุนด้วยสองมือ
นางไม่มีทางเลือก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กู้ฉางชิงมิได้เพียงแต่ฝีมือในการฝึกปราณจะแกร่งกล้าขึ้น แต่ความสามารถทางนั้น…ก็ช่างร้ายกาจจนน่าตกตะลึง นางแทบจะรับไม่ไหวเสียแล้ว
หากเขาจะรับภรรยารองหรือนางบำเรอเพื่อแบ่งเบาภาระของนางบ้าง นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก และนางเองก็เคยเอ่ยเรื่องนี้กับกู้ฉางชิงมาหลายครั้งแล้ว
กู้ฉางชิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองลงไปยังด้านล่าง “แม่นางมู่ เชิญร่วมทางด้วยกันเถิด”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมู่จื่ออี้ถึงมาอยู่ที่นี่ นางไม่ใช่ควรอยู่ที่เกาะไห่เยว่ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการประมูลและเป็นผู้จัดการให้เขาหรอกหรือ?
หรือว่าตระกูลมู่ไม่มีใครหลงเหลือแล้ว?
การไปแดนลับจักรพรรดิคุน ไยจึงกลายเป็นหน้าที่ของนางได้?
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนมู่จื่ออี้ในตอนนี้จะอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก
นางไม่ได้มีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งแม้แต่ผู้เดียว แม้แต่ผู้มีพลังในขอบเขตวิบากกรรมยังไม่มี ใบหน้าดูอ่อนล้าอย่างยิ่ง เทียบกับสองปีก่อนแล้ว นางเปรียบเสมือนคนละคน
คำเชิญของกู้ฉางชิงทำให้สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังมู่จื่ออี้ ความอิจฉาแสดงออกมาอย่างเด่นชัด
รวมถึงชายที่เคยคิดไม่ซื่อกับมู่จื่ออี้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาถึงกับอึ้งไป
หญิงสาวในชุดสีม่วงคนนี้รู้จักกับท่านผู้มีพลังระดับราชาคนนี้หรือ?
เหงื่อเย็นไหลพรั่งพรูอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านอาวุโสกู้ ข้า…ข้าไปด้วยได้หรือ?”
มู่จื่ออี้เองก็คาดไม่ถึงว่าจะพบกู้ฉางชิงที่นี่ อีกทั้ง…ดูเหมือนเขายังจำได้นางได้ด้วย
เขายังจำหญิงน้อยๆ คนนี้ได้
“แน่นอน” กู้ฉางชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด จะพาคนเพิ่มอีกคนหรือลดไปหนึ่งคน สำหรับกู้ฉางชิงแล้วไม่มีความแตกต่างอันใด ในเมื่อรู้จักกันจะพาไปด้วยก็ไม่มีปัญหา
ภายใต้สายตาอิจฉานับไม่ถ้วน กู้ฉางชิงพามู่จื่ออี้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
“นี่คือบิดาข้า…”
“ส่วนท่านผู้นี้คือภรรยาข้า เจียงเหลียนซิน”
กู้ฉางชิงแนะนำให้มู่จื่ออี้รู้จักทีละคน เมื่อนำเสนอมาถึงเจียงเหลียนซิน แววตาของมู่จื่ออี้หม่นหมองลงเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาสงบนิ่งในทันที
“ภรรยาของท่านอาวุโสกู้ งดงามเหลือเกิน”
มู่จื่ออี้มิใช่ไม่เคยเห็นสตรีงดงามมาก่อน นางเองก็มั่นใจว่าตนเองมีรูปลักษณ์ไม่เลว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเจียงเหลียนซินตรงหน้าแล้ว ความงามของนางช่างห่างไกลราวฟ้ากับดิน…
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่จื่ออี้ได้เห็นสตรีที่สามารถบดบังความงามของตนจนสิ้น!
มีความขมขื่นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับนางแล้ว ตนเอง...
หลังจากได้พูดคุยกัน กู้ฉางชิงก็เริ่มเข้าใจเหตุผลที่มู่จื่ออี้ปรากฏตัวบนเกาะม่านสวรรค์แห่งนี้ และเหตุใดนางจึงต้องไปยังแดนลับจักรพรรดิคุน
ไม่นึกเลยว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา เกาะไห่เยว่และตระกูลมู่จะประสบเหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้
"หอประมูลไห่เยว่...ข้ายังชอบร่วมงานกับคนรู้จักมากกว่า"
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากมู่จื่ออี้ กู้ฉางชิงเอ่ยคำนี้ขึ้นมา ซึ่งทำให้มู่จื่ออี้รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย
"แดนลับจักรพรรดิคุน เจ้าคงไม่ต้องไปแล้ว พลังของเจ้าอ่อนแอเกินไป เช่นนี้เถอะ เจ้าจงเดินทางไปยังสำนักใจพิสุทธิ์ไปพบกับผู้อาวุโสใหญ่ที่นั่น เขาจะช่วยเจ้าจัดการวิกฤตของตระกูลมู่เอง" กู้ฉางชิงกล่าวต่อ
แม้ผู้นำสำนักใจพิสุทธิ์จะเดินทางไปยังแดนลับจักรพรรดิคุนแล้ว แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงอยู่คุ้มกันที่สำนัก
"อะไรนะ?"
มู่จื่ออี้ถึงกับตะลึงงัน
ไปหาสำนักใจพิสุทธิ์? แล้วจะแก้วิกฤตของตระกูลมู่ได้อย่างไร?
นางไม่ใช่ไม่รู้จักสำนักใจพิสุทธิ์ สำนักนี้คือขุมกำลังระดับราชาที่เพิ่งตั้งตัวขึ้นในแถบทะเลใต้ และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีหลังเลื่อนขั้น ก็มีผู้บรรลุถึงขอบเขตราชาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน!
สำนักใจพิสุทธิ์ในตอนนี้ เรียกได้ว่ากำลังรุ่งเรืองสุดขีดในแถบหมื่นอสูรทะเลใต้
"แต่…ข้าไม่รู้จักผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักใจพิสุทธิ์เลย..."
คำพูดของกู้ฉางชิงต่อจากนั้น ทำให้นางถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
กู้ฉางชิงยิ้ม "สำนักใจพิสุทธิ์เป็นขุมกำลังใต้การปกครองของข้า"
"อะไรนะ!?"
มู่จื่ออี้อ้าปากค้าง
สำนักใจพิสุทธิ์ ขุมกำลังระดับราชาที่เพิ่งตั้งตัวขึ้น กลับเป็นขุมกำลังในสังกัดของท่านอาวุโสกู้?
นี่มัน...
ข่าวนี้ช่างน่าตกตะลึงยิ่งสำหรับมู่จื่ออี้
แต่เมื่อคิดอีกที ความสามารถและพลังที่กู้ฉางชิงได้แสดงออกมา ก็ทำให้นางรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
"บุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านอาวุโสกู้ ข้าจะจดจำไปจนวันตาย...จากนี้ไป ข้ายินดีติดตามท่านจะเป็นบ่าวเป็นไพร่ก็ย่อมได้..." มู่จื่ออี้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถึงกับคุกเข่าลงต่อหน้ากู้ฉางชิง
คำพูดของกู้ฉางชิงเพียงประโยคเดียว กลับสามารถแก้วิกฤตที่ตระกูลมู่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างง่ายดาย
ต่อให้ตระกูลต้วนจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็เป็นได้เพียงตระกูลระดับรองแห่งตระกูลหวังเท่านั้น!
แม้จะมีขอบเขตระดับราชาครึ่งขั้น แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสำนักใจพิสุทธิ์ซึ่งเป็นขุมกำลังระดับราชา ก็เปรียบเสมือนมดปลวกที่ไร้ความหมาย
สำหรับสำนักใจพิสุทธิ์แทบไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ เพียงคำพูดคำเดียว ตระกูลต้วนก็คงไม่กล้ากระทำการใดๆ กับตระกูลมู่
นี่คือพลังอำนาจและการข่มขวัญของขุมกำลังระดับราชา!
“ข้าไม่ต้องการทาสรับใช้ แต่หากตระกูลมู่ของเจ้าประสงค์ ก็อาจเข้าร่วมเป็นขุมกำลังใต้การปกครองของข้า เช่นเดียวกับสำนักใจพิสุทธิ์” กู้ฉางชิงส่ายหน้าเล็กน้อย เขาไม่ต้องการทาสรับใช้ แต่การดึงตระกูลมู่มาเป็นพวก นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี สามารถช่วยเขาสร้างรายได้จากหินวิญญาณ
จะได้ไม่ต้องลำบากกลั่นโอสถแล้วนำไปขายด้วยตนเองอีก
ก่อนที่มู่จื่ออี้จะทันตอบตกลง กู้ฉางชิงกล่าวต่อว่า “เจ้ายังไม่ต้องรีบตัดสินใจ กลับไปหารือกับบรรพบุรุษของเจ้าก่อน ข้าไม่บังคับ แม้เจ้าจะปฏิเสธแต่สิ่งที่ข้ารับปากไว้ยังคงมีผล สำนักใจพิสุทธิ์จะช่วยแก้ปัญหาของพวกเจ้า”
จากนั้นกู้ฉางชิงหยิบสัตว์อสูรบินตัวหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ แล้วมอบให้มู่จื่ออี้
“สัตว์ตัวนี้ชื่อเหยี่ยวเมฆา เป็นอสูรขอบเขตวิบากกรรม มันจะพาเจ้าไปยังสำนักใจพิสุทธิ์”
กู้ฉางชิงเลี้ยงสัตว์อสูรบินเหล่านี้ไว้ไม่ได้ใช้เอง แต่เพื่อให้ลูกทั้งสองคนของเขาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง แม้จะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่เพราะกู้ฉางชิงป้อนโอสถบำรุงให้เป็นประจำ พลังของมันจึงอยู่ในระดับขอบเขตวิบากกรรม
ก่อนจากไปพร้อมเหยี่ยวเมฆา มู่จื่ออี้หันกลับมามองกู้ฉางชิงอีกครั้งด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณท่านมากแล้ว ท่านอาวุโสกู้”
มู่จื่ออี้รู้ดีว่าสิ่งที่กู้ฉางชิงช่วยเหลือนางในครั้งนี้ เกินกว่าคำว่าขอบคุณจะตอบแทนได้
แต่นางจะพยายามให้ถึงที่สุด!
นางเข้าใจดีว่าทำไมกู้ฉางชิงถึงให้ความสนใจกับนาง
การทำการค้าและสร้างรายได้!
มู่จื่ออี้ให้คำมั่นว่าจะไม่มีวันทำให้ท่านอาวุโสกู้ผิดหวัง!
เหยี่ยวเมฆามีความเร็วมาก
เพียงไม่กี่วัน นางก็มาถึงสำนักใจพิสุทธิ์
หลังจากนำยันต์บันทึกเสียงที่กู้ฉางชิงมอบให้นำส่งถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักใจพิสุทธิ์ คำพูดของกู้ฉางชิงในยันต์นั้นทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับตกตะลึง
ในสำนักใจพิสุทธิ์ คำพูดของกู้ฉางชิงทรงอิทธิพลยิ่งกว่าผู้นำสำนักเสียอีก ผู้อาวุโสใหญ่รีบให้การต้อนรับมู่จื่ออี้อย่างยิ่งใหญ่
“เรื่องของเกาะไห่เยว่ แม่นางมู่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้า”
เกาะไห่เยว่ไม่ได้อยู่ไกลจากหมู่เกาะหลันซีมากนัก สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตราชา ใช้เวลาเพียงสองถึงสามวันก็สามารถเดินทางถึง
ผู้อาวุโสใหญ่ตัดสินใจเดินทางไปเกาะไห่เยว่ด้วยตนเอง
เพราะคำสั่งของกู้ฉางชิง ผู้อาวุโสใหญ่จึงไม่กล้าละเลย
สามวันให้หลัง มู่จื่ออี้และผู้อาวุโสใหญ่เดินทางกลับมาถึงเกาะไห่เยว่
เกาะไห่เยว่ในปัจจุบัน แตกต่างจากเมื่อสองปีก่อนอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยคึกคักครึกครื้น บัดนี้กลับเงียบเหงาจนน่าหวาดกลัว
ความขัดแย้งระหว่างห้าตระกูลรองในเกาะ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนหลีกเลี่ยงที่จะมาเหยียบเกาะไห่เยว่ แม้กระทั่งชาวพื้นเมืองจำนวนมากก็เริ่มย้ายออกจากเกาะเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
สามารถคาดเดาได้ว่า ตราบใดที่ห้าตระกูลรองยังคงแก่งแย่งชิงดีกันโดยไร้ข้อสรุป เมืองไห่เยว่ก็คงยากที่จะกลับมาคึกคักดังเดิม
"แม่นางมู่ ตระกูลต้วนนี้ เจ้าจะให้ล่มสลายหรือปล่อยไว้"
บนฟากฟ้า ผู้อาวุโสใหญ่ได้จับจ้องไปยังตระกูลต้วนเป็นเป้าหมายแล้ว บัดนี้ บรรพชนแห่งตระกูลต้วน ผู้มีพลังระดับราชาครึ่งขั้น กำลังปิดด่านบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บ
"รบกวนท่านผู้อาวุโส ช่วยล้างตระกูลต้วนให้สิ้นซากเถิด!"
แววตาของมู่จื่ออี้เย็นเยียบ นางค้อมหมัดให้กับผู้อาวุโสใหญ่
ตระกูลต้วนสังหารคนในตระกูลมู่ของนางมากมายเพียงนี้ นางจะปล่อยไว้ได้อย่างไร!
"ย่อมได้!"
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เพียงสะบัดฝ่ามือออกไปยังที่ตั้งของตระกูลต้วน
พลังของผู้มีขอบเขตราชา หนึ่งฝ่ามือ สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่ว!
พลังวิญญาณที่ควบแน่นจากพลังแห่งฟ้าดิน ก่อร่างเป็นฝ่ามือมหึมา ปรากฏขึ้นเหนือฟ้าของตระกูลต้วนในพริบตา
จากนั้น ฝ่ามือยักษ์พลันพุ่งลงมาฟาดใส่ที่ตั้งของตระกูลต้วนอย่างรุนแรง!
ภายในตระกูลต้วน บรรพชนผู้เป็นหัวหน้าตระกูลพลันลืมตาขึ้น รีบรุดออกจากที่พัก
คนทั้งหมดในตระกูลต้วนต่างก็มองเห็นฝ่ามือพลังวิญญาณขนาดมหึมาที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตาของพวกเขา
"ผู้มีพลังขอบเขตราชา!"
การที่พลังแห่งฟ้าดินถูกชักนำมาใช้นั้น ย่อมเป็นฝีมือของผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตราชา!
ชั่วขณะนั้น ไม่เพียงแต่คนในตระกูลต้วน แม้แต่ชาวเมืองไห่เยว่ทั้งหมดก็ล้วนได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้
บรรพชนแห่งตระกูลต้วนก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
"ขอถามว่าท่านผู้แข็งแกร่งขอบเขตราชาท่านใด ที่ต้องการลงมือกับตระกูลต้วนของข้า!"
"ตระกูลต้วนของข้าอาจไม่ใช่ตระกูลใหญ่อันใด แต่หากท่านทำลายตระกูลข้าโดยไร้เหตุผล เหล่าราชาแห่งทะเลใต้คงไม่ปล่อยผ่านแน่!"
ในยามคับขัน บรรพชนแห่งตระกูลต้วนถึงกับอ้างชื่อเหล่าราชาในเขตทะเลใต้ขึ้นมา
คำพูดเหล่านี้กลับทำให้ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักใจพิสุทธิ์รู้สึกขบขัน
ในเมื่อกำลังจะตาย ยังเอาแต่พล่ามคำไร้สาระ
ราชาแห่งทะเลใต้เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า?
คิดว่าการเอ่ยอ้างถึงเหล่าราชาจะสามารถข่มขวัญข้าได้หรือ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
ฝ่ามือมหึมาพุ่งลงมาอย่างรุนแรง!
เพียงฝ่ามือเดียว ตระกูลต้วนทั้งตระกูลถูกทำลายจนกลายเป็นเศษซาก!
บรรพชนแห่งตระกูลต้วน รวมถึงสมาชิกตระกูลอีกหลายร้อยชีวิต ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!