ตอนที่แล้ว51- ทำโทษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป53 - เข้าเมือง

52 - ท่านลุงเอาเงินมาจากไหน


“แล้วข้าจะรอ! ถ้ามีครั้งหน้าอีก ข้าจะตีแบบนี้อีกแน่นอน” จูผิงอันไม่ได้กังวลกับคำขู่ของคุณหนูเจ้าอารมณ์เลยแม้แต่น้อย

เขากลับลงไปที่ร่องน้ำอีกครั้ง เก็บของพื้นเมืองทั้งหมดใส่ตะกร้ากลับมา จากนั้นนำไปฝังไว้ในที่ลับตาคน เพราะกลัวว่าท่านพ่อหรือท่านแม่ผ่านมาจะเห็นแล้วรู้สึกเสียใจหรือผิดหวัง ความโมโหนี้เขารับไว้คนเดียวก็พอ อีกทั้งตัวเขาก็ได้ลงโทษคุณหนูเจ้าอารมณ์และสาวใช้ของนางไปแล้ว จึงไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบกับคนอื่นในครอบครัว

เมื่อกลับถึงบ้าน พอดีกับที่ท่านพ่อและพี่ชายคนโตของเขา จูผิงชวน กลับมาจากบนเขา ดูเหมือนการขึ้นเขาครั้งนี้จะไม่ราบรื่นนัก เพราะทั้งสองคนมีร่องรอยบาดเจ็บติดตัวกลับมาด้วย ท่านพ่อของเขามีรอยขีดข่วนที่หลังสามรอยจนเสื้อผ้าหยาบ ๆ มีรอยเลือด แม้จะไม่ลึก แต่ก็ดูน่าตกใจ ส่วนพี่ชายโชคดีกว่ามาก มีเพียงแผลถลอกที่มือเท่านั้น

ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนกลับดูอารมณ์ดีอย่างมาก เพราะพวกเขาลากหมูป่าหนักไม่ต่ำกว่าสองร้อยกิโลกรัมกลับมาด้วย ขาหมูถูกมัดด้วยเชือกฟาง นึกไม่ออกเลยว่าทั้งสองคนหอบมันกลับมาได้อย่างไร หมูป่าตัวนี้มีสีเทาดำ ขนาดใหญ่ต่างจากหมูเลี้ยงทั่วไปมาก มีขนหนาแข็งที่หลังและมีเขี้ยวขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา ดูน่ากลัวไม่น้อย

เฉินซื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับน้ำตาซึม รีบคว้าตัวจูผิงชวนมาตรวจร่างกายอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าเขามีเพียงแผลถลอกที่มือ ใบหน้าของนางก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่พอเห็นแผลของสามีนางก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม รีบตรวจดูร่างกายของเขาอย่างละเอียด กลัวว่าจะมีบาดแผลอื่นที่เขาไม่ยอมบอก เมื่อพบว่าเป็นเพียงแผลถลอก นางจึงค่อยวางใจได้บ้าง

“ทำเก่งไปได้ บอกว่าอะไรตอนก่อนออกไป ถ้าลูกข้าเป็นอะไรไป จะเอาเรื่องเจ้าแน่! ตอนนี้มือเขาเป็นแผล ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง!” เฉินซื่อที่คลายกังวลแล้วก็เปลี่ยนเป็นโมโห คว้าตัวสามีของนางมาดุไม่ยั้ง

จูโซ่วอี้ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ทำเอาเฉินซื่อโมโหหนักกว่าเดิม

ตรงข้ามกับเฉินซื่อ คนอื่นในบ้านดูจะสนใจกับหมูป่ามากกว่า ท่านย่าที่ตอนแรกดูจะกังวลเล็กน้อย พอเห็นว่าลูกชายกับหลานปลอดภัยก็หันไปให้ความสนใจกับหมูป่าแทน ส่วนท่านอาสี่ก็มัวแต่ร้องอุทานว่าหมูป่าตัวใหญ่มากตั้งแต่จูโซ่วอี้เดินเข้าบ้านมา

ท่านปู่กลับมาจากข้างนอกพอดี เมื่อเห็นหมูป่าก็ตกใจไม่น้อย หลังถามอาการบาดเจ็บของจูโซ่วอี้และจูผิงชวนอย่างคร่าว ๆ ก็เริ่มซักถามเรื่องการจับหมูป่าอย่างละเอียด

จูโซ่วอี้ถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้นว่า “โชคดีที่ครั้งนี้เจ้าเสี่ยวจื้อไม่ได้ตามไป ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูของบ้านเศรษฐีหลี่มาหาเล่นพอดี เสี่ยวจื้อคงต้องตามไปด้วยแน่ แบบนั้นลำบากแย่เลย”

“พวกเจ้าไม่รู้หรอกนะ ครั้งนี้ข้ากับผิงชวนขึ้นเขาไปดูบ่วงดักสัตว์ที่วางไว้ แต่กลับเจอเจ้าหมูป่าตัวนี้”

จูโซ่วอี้พูดพร้อมมองหมูป่าสีเทาดำตัวใหญ่ด้วยความหวาดเสียวเล็กน้อย

“ทำไมพื้นที่รอบนอกของภูเขาถึงไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ?” เฉินซื่อพูดด้วยความกังวล “ทีหลังอย่าเข้าไปในเขาอีกเลยดีไหม?”

ทันทีที่เฉินซื่อพูดจบ สีหน้าของอาสี่และท่านย่าก็ไม่ค่อยดี ท่านย่าดูเหมือนไม่ได้ห่วงใยจูโซ่วอี้เท่าไรนัก เห็นได้ชัดว่านางห้ความสำคัญกับลูกคนโตมากกว่า นี่อาจจะเป็นชะตากรรมของลูกคนที่สอง

ลูกคนแรกมักเป็นที่รักและความตื่นเต้นแรกของพ่อแม่ ลูกคนที่สองอาจไม่ได้รับความสนใจเท่าเดิม ส่วนลูกคนสุดท้อง เช่น อาสี่ ที่เป็นลูกชายคนสุดท้ายของครอบครัว พ่อแม่ก็มักจะเอ็นดูมากเป็นพิเศษ

จูโซ่วอี้กลับไม่ใส่ใจ ยิ้มอย่างร่าเริงก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก นี่มันก็แค่เรื่องบังเอิญ หมูป่าตัวนี้อาจจะแอบไปกินน้ำผึ้งแล้วโดนฝูงต่อรุมต่อยจนเสียสติ มันถึงวิ่ง...”

“ข้าวางบ่วงดักไว้ เจ้านี่ก็เลยติดบ่วงพอดี ตอนพวกเราเข้าไปดู กลับไม่รู้เลยว่ามันเป็นหมูป่าตัวใหญ่ พอมันพุ่งออกมา เราไม่ทันระวัง เลยโดนมันทำให้บาดเจ็บเล็กน้อย”

ในความเป็นจริง เหตุการณ์ตอนนั้นอันตรายกว่าที่จูโซ่วอี้เล่ามาก บ่วงดักที่วางอยู่ในพุ่มไม้นั้นลับตาคน ขณะจูโซ่วอี้และจูผิงชวนเข้าใกล้ บังเอิญหมูป่าตัวนี้พุ่งออกมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะจูโซ่วอี้ไหวพริบดี ผลักจูผิงชวนให้ล้มลงกับพื้น อาจเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นได้ บ่วงที่วางไว้เดิมไม่ได้มีไว้ดักสัตว์ตัวใหญ่ขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะหมูป่าโดนพิษต่อจากการกินน้ำผึ้งจนเสียสติ บ่วงนี้คงดักมันไม่ได้เลย การที่พวกเขาได้หมูป่าตัวนี้มาเป็นผลจากหลายปัจจัยรวมกัน

เพราะหมูป่ามีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก จูโซ่วอี้และจูผิงชวนจึงต้องออกแรงกันอย่างมากกว่าจะลากมันลงจากเขาและแบกกลับมาบ้านได้

แม้จะมีบาดแผลเล็กน้อย แต่การได้หมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ก็ทำให้ทุกคนดีใจมาก

“เจ้ารอง พรุ่งนี้เอาเจ้าตัวใหญ่นี่ไปขายในเมืองสิ น่าจะได้ราคาไม่น้อยเลย” ท่านย่าของจูผิงอันพูดอย่างพอใจกับเจ้าหมูป่าตัวอ้วน เพราะตอนนี้ครอบครัวกำลังขาดแคลนเงิน

“ขอรับ ท่านแม่” จูโซ่วอี้ตอบรับทันที

เนื้อหมูป่ามีความโดดเด่นกว่าเนื้อหมูเลี้ยงทั่วไป เนื่องจากมีเนื้อลีนมาก ไขมันน้อย มีรสชาติอร่อย และยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและเส้นใยอาหาร โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิกที่มีอยู่มาก ทำให้เนื้อหมูป่าเป็นที่ต้องการในตลาดและมีราคาสูงกว่าเนื้อหมูเลี้ยงหลายเท่า

พรุ่งนี้ พวกเขาตั้งใจจะเอาหมูป่าไปขายในเมือง พร้อมกับดอกจิ่นฮวาที่พี่ชายเก็บเกี่ยวมา แต่ก็น่าเสียดายที่ฤดูเก็บเกี่ยวของจิ่นฮวาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

ตอนเย็น

ระหว่างมื้อค่ำ ท่านย่าของจูผิงอันสั่งให้เขานำข้าวไปส่งให้ลุงใหญ่ในศาลบรรพชน ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าท่านย่าลำเอียงข้างลุงใหญ่ เพราะมื้ออาหารที่ทำไว้ส่งไปให้ลุงใหญ่พิเศษกว่าของคนอื่นในบ้านมาก ทั้งกับข้าวหลายอย่าง มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก น้ำแกงรสเลิศ และข้าวต้มข้น ๆ

แต่ลุงใหญ่ที่ถูกสั่งให้มาคุกเข่าสำนึกผิดในศาลบรรพชน กลับไม่มีท่าทีจะสำนึกเลยสักนิด เพราะขณะที่จูผิงอันเอาอาหารไปส่ง ลุงใหญ่ก็กำลังนั่งกินอาหารชุดใหญ่ที่จัดมาอย่างสวยงาม มีทั้งกับข้าว 4 อย่างและน้ำแกง หน้าตาน่าจะมาจากร้านอาหาร แถมยังถือหนังสือไว้อ่านไปด้วยอย่างสบายอารมณ์

“ท่านลุงเอาเงินจากไหนมา?”

“แล้วท่านปู่ไม่ได้บอกให้ท่านลุงคุกเข่าสำนึกผิดหรือ?”

จูผิงอันถือกล่องอาหารเดินเข้าไป ทำเอาลุงใหญ่ตกใจจนเผลอยกมือขึ้นบังโต๊ะอาหาร แต่โต๊ะใหญ่ขนาดนั้นจะบังได้อย่างไร เมื่อเห็นว่าเป็นจูผิงอัน ลุงใหญ่จึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แล้วเลิกพยายามปิดบัง

“เจ้าเสี่ยวจื้อ อาหารพวกนี้ลุงสั่งมาเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษนะ” ลุงใหญ่เช็ดปากก่อนจะพูดด้วยท่าทีจริงจัง

“อ้อ” จูผิงอันพยักหน้า แต่ในใจรู้สึกดูถูก ไม่คิดเลยว่าท่านลุงจะคิดหลอกเด็กอย่างเขา

“เอ่อ...เรื่องนี้อย่าบอกท่านปู่กับท่านย่าของเจ้านะ” ลุงใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พร้อมทั้งยื่นเหรียญทองแดงให้จูผิงอัน

“นี่ เจ้าเสี่ยวจื้อ เอานี่ไปซื้อขนมกิน” ลุงใหญ่พูด พร้อมยัดเหรียญทองแดงแค่เหรียญเดียวใส่มือของเขา

การที่ให้จูผิงอันนำอาหารไปส่ง ก็เพื่อปกปิดเรื่องที่ลุงใหญ่กินไปก่อนแล้ว ถ้าอาหารยังอยู่ครบ ไม่มีใครรู้ว่าเขากินไปแล้ว

แม้จะดูถูก แต่จูผิงอันก็รับเหรียญทองแดงนั้นมา พร้อมคิดในใจว่า

“ไม่บอกท่านปู่กับท่านย่าก็ได้ แต่บอกอาสี่แทนก็แล้วกัน อาสี่คงอยากฟังเรื่องนี้แน่ ๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด