ตอนที่ 832 ทนไม่ได้เด็ดขาด
ใช่เลย แบบนี้แหละ คุณเย่ ต้องชอบแน่นอน!
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หลิว หยวนคุน มั่นใจมากว่าแผนการของเขานั้นดีมาก
พอกลับไปถึงบ้าน เขาจะรีบให้คนไปจัดการทันที
ขณะนี้ เมื่อมองไปยังภาพเขียนสองภาพที่แขวนอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกทึ่งอย่างยิ่ง
คุณเย่ ดูเหมือนจะมีอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้น แต่กลับมีความสามารถในการวิเคราะห์ และประเมินของโบราณในระดับสูงถึงเพียงนี้
ในอนาคต คุณเย่ จะต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินอันดับหนึ่งของประเทศ เป็นบุคคลระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน
หลิว หยวนคุน อดไม่ได้ที่จะนึกชื่นชมอนาคตอันสดใสของ คุณเย่
ในขณะเดียวกัน หลิว อวิ๋นลั่ว ลูกสาวของเขาเองก็มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถของ เย่เฉิน
สมแล้วที่กล่าวว่า ‘คนเราอย่าตัดสินกันแค่ภายนอก’ หรือ ‘ทะเลไม่อาจวัดความลึกได้ด้วยตาเปล่า’
ในตอนแรก เธอยังคิดว่าผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกับเธอ ไม่น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินของโบราณอะไรได้
แต่ความจริงนั้น..กลับตบหน้าเธออย่างแรง
“ให้ตายเถอะ! นี่มัน.. โถลายครามสมัยหยวน ‘กุ๋ยกู่จึลงเขา’ ไม่ใช่เหรอ?!”
หลิว หยวนคุน ร้องอุทานขึ้นมาทันที
เมื่อครู่ เขาจ้องดูภาพ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ สองภาพที่อยู่ตรงหน้าจนไม่ได้สังเกตของสะสมอื่นๆ ในห้องหนังสือของ เย่เฉิน
แต่ตอนนี้เมื่อมีเวลามองไปรอบๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้เปิดโลกใบใหม่ขึ้น..ให้กับเขา
โถลายครามสมัยหยวน ‘กุ๋ยกู่จึลงเขา’ เคยเป็นโบราณวัตถุที่สร้างความฮือฮาในวงการประมูล
ครั้งหนึ่งยังทำลายสถิติราคาประมูล และได้รับการรายงานจากสื่อใหญ่ๆ และหนังสือพิมพ์ต่างๆ มากมายด้วย
ไม่คิดเลยว่ามันจะตั้งโชว์อยู่ในห้องหนังสือของ คุณเย่
“แล้วยังมีนี่อีก นี่มัน ตราประทับหยกขาว แกะสลักลายมังกรไขว้ของจักรพรรดิเฉียนหลง ไม่ใช่เหรอ?”
ไม่เพียงแต่โถลายครามสมัยหยวน ‘กุ๋ยกู่จึลงเขา’ ในห้องหนังสือของ เย่เฉิน ยังมีโบราณวัตถุอื่นๆ ที่ถูกจัดวางเป็นของตกแต่งอย่างลวกๆ
สิ่งนี้กลับทำให้ หลิว หยวนคุน อึ้งจนพูดไม่ออก
โบราณวัตถุเหล่านี้ แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ ก็ถือว่าเป็นสมบัติชิ้นเอก
แต่ตอนนี้กลับถูก คุณเย่ จัดวางไว้ในห้องหนังสืออย่างเรียบง่ายๆ เช่นนี้เนี่ยนะ?!
นี่มัน..ช่างน่าตกใจเสียจริง
เมื่อมองดู หลิว หยวนคุน ที่ร้องอุทานไม่หยุด คุณปู่โจว ก็ได้แต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ทุกครั้งที่มีคนมาที่ห้องหนังสือของ เสี่ยวเฉิน พวกเขาก็มักจะต้องตกตะลึงกับของสะสมของ เสี่ยวเฉิน
หลิว หยวนคุน ไม่ใช่คนแรก และเกรงว่าเขา.. คงจะไม่ใช่คนสุดท้ายเช่นกัน
ก็ช่วยไม่ได้.. ใครใช้ให้ของสะสมของ เสี่ยวเฉิน มันน่าทึ่งขนาดนี้ล่ะ
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ในวงการนักสะสม บ้านของพวกเขาอาจมีโบราณวัตถุเยอะกว่า
แต่ถ้าเทียบจำนวนโบราณวัตถุชั้นยอดแล้ว คงเทียบกับในห้องหนังสือของ เสี่ยวเฉิน ไม่ได้
นี่เทียบได้กับจำนวนโบราณวัตถุชั้นยอดในพิพิธภัณฑ์ทั้งแห่งเลยทีเดียว
รอบนี้ที่เขามาที่ห้องหนังสือของ เสี่ยวเฉิน ดูเหมือนสมบัติจะเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนเยอะมาก
หลังจากสำรวจเสร็จ หลิว หยวนคุน กับหลิว อวิ๋นลั่ว ก็จำใจจากไปพร้อมกับ คุณปู่โจว
ระหว่างทางกลับไปที่บ้านของ คุณปู่โจว หลิว หยวนคุน ถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“เหล่าโจว คุณเย่ มีแฟนหรือยัง?”
ก่อนที่จะออกจากบ้านของ เย่เฉิน หลิว หยวนคุน เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า ..ลูกสาวของเขาก็อายุไล่เลี่ยกับ คุณเย่
ถ้าทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน มันคงจะดีไม่น้อย..
อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้มีโอกาสพึ่งพาบารมีของ คุณเย่
“น่าจะมีแล้วนะ ฉันเคยเจอเธอ เธอสวยมาก”
คุณปู่โจว ตอบด้วยความเสียดายไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้ง หลิว หยวนคุน และหลิว อวิ๋นลั่ว ก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก
หลิว หยวนคุน ถอนหายใจอย่างเสียดาย ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ คุณเย่ ได้ ก็ต้องพึ่งแผนเดิมที่คิดไว้แต่แรกเสียแล้ว
วันรุ่งขึ้น เย่เฉิน เดินทางมาที่คฤหาสน์ที่เขาเพิ่งซื้อมาใหม่
ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน ได้แจ้งให้นักศึกษาสาวผู้เงียบขรึมกับ หวง อี้ม่อ และคนอื่นๆ ให้มาที่นี่
เขาคิดชื่อองค์กรนี้ของตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อ เย่เฉิน มาถึง ทุกคนก็มาอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของทุกคน เย่เฉิน ก็ประกาศชื่อกลุ่มองค์กรของเขาออกมา
“ไท่จื่อ(太子)!”
เย่เฉิน กวาดตามองทุกคนพร้อมประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง
องค์กรใหม่ของเขาจะมีชื่อว่า – ‘ไท่จื่อเซ่อ(太子社)’
สองคำว่า ‘ไท่จื่อ’ ทั้งเรียบง่าย และลุ่มลึก
ไท่จื่อ หมายถึงองค์ชายรัชทายาท ผู้ที่จะเป็น ฮ่องเต้ หรือ จักรพรรดิ องค์ต่อไปในอนาคต สื่อถึงอนาคตอันไร้ขอบเขต
“ไท่จื่อเหรอ?”
“ไท่จื่อเซ่อ! ไท่จื่อเซ่อ! ชื่อนี้ดีจริงๆ!”
“ชื่อฟังดูทรงพลังนะ ถ้าบอกใครว่าตัวเองเป็นสมาชิกไท่จื่อเซ่อ คงเท่สุดๆ ไปเลย…”
ทุกคนต่างพยักหน้ารับ และเห็นพ้องว่าชื่อนี้ยอดเยี่ยมมาก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไท่จื่อเซ่อ ถือว่าก่อตั้งอย่างเป็นทางการ!”
ภายในห้องประชุมแห่งหนึ่ง เย่เฉิน ประกาศอย่างเป็นทางการด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในห้องประชุม มีคนทั้งหมดแปดคน รวมถึง เย่เฉิน ด้วย พวกเขาคือแกนนำของ ไท่จื่อเซ่อ
หลังจากนี้พวกเขาจะเริ่มรับสมัครบุคคลที่มีพรสวรรค์ระดับสูงจากในมหาวิทยาลัย
ไท่จื่อเซ่อ จะเป็นแหล่งบุคลากรสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนอาณาจักรธุรกิจของ เย่เฉิน ในอนาคต
การก่อตั้งกลุ่มนี้จะส่งผลดีอย่างยิ่งต่อการพัฒนาในระยะยาว
ปัจจุบัน อาณาจักรธุรกิจของ เย่เฉิน เพิ่งเริ่มต้น แม้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แต่ยังคงมีปัญหาหลายด้าน ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือยังขาดรากฐาน เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
เย่เฉิน เพียงคนเดียวไม่สามารถจัดการงานในบริษัทจำนวนมากได้
ในเวลานี้ ความสำคัญของบุคลากรที่มีความสามารถจึงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ไท่จื่อเซ่อ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ จึงถือเป็นรากฐานสำคัญของอาณาจักรธุรกิจของ เย่เฉิน
ส่วนสโมสรซูเปอร์คาร์ ‘YSWD’ นั้น สมาชิกส่วนใหญ่เป็นเพียงกลุ่มคนลูกหลานตระกูลที่ร่ำรวย ไม่มีความสามารถที่นำมาใช้งานได้จริง
หากดึงพวกเขามาใช้อาจสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา
ยิ่งไปกว่านั้น ไท่จื่อเซ่อ ไม่มีขีดจำกัดในเรื่องจำนวนสมาชิก
ในอนาคต เมื่อคนเหล่านี้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา ก็จะช่วยสร้างความมั่งคั่งที่ไม่มีวันสิ้นสุดให้กับ เย่เฉิน
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เงิน..ไม่สามารถซื้อได้
เมื่อกลับมาที่มหาวิทยาลัย กลุ่มของนักศึกษาสาวผู้เงียบขรึม และหวง อี้ม่อ ก็เริ่มโปรโมต และคัดกรองผู้สมัคร
เรื่องนี้สร้างความฮือฮาในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก
เพราะจากการบรรยายของ เย่เฉิน ชื่อเสียงของเขาในมหาวิทยาลัยถือว่าสูงจนน่ากลัว
หลายร้อยคนพร้อมตอบรับคำเรียกร้องของเขา
เมื่อทราบว่า เย่เฉิน เป็นประธานไท่จื่อเซ่อ มีผู้คนจำนวนมากต้องการเข้าร่วม
แต่เมื่อได้เห็นเงื่อนไขการสมัคร หลายคนก็ต้องถอนหายใจ เพราะเงื่อนไขนั้นเข้มงวดมาก ถึงอย่างนั้น ในวันแรกก็ยังมีผู้สมัครที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากพออยู่หลายสิบคน
แน่นอนว่าผู้สมัครเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกคัดออก และคนที่จะผ่านการคัดเลือกได้ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการคัดกรองอย่างเข้มงวด
ในช่วงสองถึงสามวันแรก มีใบสมัครส่งมาให้พิจารณาทุกวัน วันละหลายสิบใบ
แต่หลังจากเข้าสู่วันที่สี่ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ตั้งแต่วันที่สี่เป็นต้นมา จำนวนผู้สมัครลดลงอย่างมาก จากที่เคยมีหลายสิบคนต่อวัน เหลือเพียงแค่ไม่กี่คน หรือแค่สองถึงสามคนเท่านั้น
ตอนแรก นักศึกษาสาวผู้เงียบขรึม และหวง อี้ม่อ ยังคิดว่าคงเป็นเพราะเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยรู้สึกว่าการเข้าร่วมเป็นเรื่องยาก จึงล้มเลิกความคิด
แต่ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มรู้ตัวว่ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น
เหมือนมีใครบางคนจงใจใส่ร้าย!
แม้ ไท่จื่อเซ่อ จะเพิ่งก่อตั้ง แต่ด้วยชื่อเสียงของ เย่เฉิน ไม่มีทางที่จำนวนผู้สมัครจะลดลงเหลือแค่สองถึงสามคนต่อวันได้
หลังจากตรวจสอบก็พบว่า มีข่าวลือแพร่กระจายอยู่ข้างนอก ข่าวลือเหล่านี้กล่าวหาว่า ไท่จื่อเซ่อ เป็นหลุมพราง
บางคนบอกว่า ไท่จื่อเซ่อ เป็นกลลวงของ หวง อี้ม่อ และคนอื่นๆ ที่ใช้ชื่อเสียงของ เย่เฉิน เพื่อหาผลประโยชน์ บางคนบอกว่า ไท่จื่อเซ่อ เป็นชมรม หรือพวกกลุ่มองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อล้างสมองผู้คน เอาอัจฉริยะมาเป็นแรงงานฟรี
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีคนเริ่มพูดจาว่าร้าย เย่เฉิน โดยตรง!
นักศึกษาสาวผู้เงียบขรึมโกรธมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอจึงเริ่มสืบหาต้นตอของข่าวลือเหล่านี้
ไม่เพียงเธอ หวง อี้ม่อ และเพื่อนคนอื่นๆ ก็ช่วยกันสืบ
แต่กลับไม่มีเบาะแสใดๆ ราวกับคนที่ทำเรื่องนี้เตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างดี
เมื่อข่าวลือยิ่งนานยิ่งร้ายแรงขึ้น นักศึกษาสาวผู้เงียบขรึมเองก็หมดหนทาง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจาก เย่เฉิน
“ข่าวลืออย่างนั้นเหรอ?!”
เย่เฉิน ขมวดคิ้วแน่น แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
มีคนกล้าใส่ร้ายเขา และไท่จื่อเซ่อ ซึ่งเป็นรากฐานในอนาคตของเขาแบบนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้เด็ดขาด!