ตอนที่ 130 ไม่ใช่การกลายพันธุ์ แต่เป็นการเสริมพลัง!
ตอนที่ 130 ไม่ใช่การกลายพันธุ์ แต่เป็นการเสริมพลัง!
“บอสครับ ผมกล้าพูดเลยว่า นี่คือวิธีการปรับเปลี่ยนร่างกายที่ปลอดภัยที่สุดในโลก!”
ในห้องทดลอง อีริค เซลวิกชื่นชมเครื่องมือเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง ส่วนอ็อตโตก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่มายาแสดงความเห็นต่าง “ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ นี่ไม่ควรเรียกว่า ‘การกลายพันธุ์’”
“มันไม่ใช่การกลายพันธุ์แน่นอน! ผมไม่มีทางใช้วิธีที่ไม่เสถียรและควบคุมไม่ได้เพื่อให้ได้พลังพิเศษ!” เอริคตรวจสอบเครื่องมืออย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา เขาก็เข้าไปในเครื่อง
เครื่องมือนี้พัฒนาจาก เตียงฟื้นฟู ที่เขาสร้างขึ้น โดยทีมงานได้ดัดแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเพิ่มขนาดภายในเป็นสองเท่า พร้อมติดตั้งช่องเสียบบริเวณแขนสองข้าง และเพิ่มอุปกรณ์มือกลและเครื่องยิงพลังงานเข้าไป
“ลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่การกลายพันธุ์จริง ๆ ด้วยครับ แล้วมันควรเรียกว่าอะไรดีล่ะ . . . ‘การเสริมพลัง’ น่าจะเหมาะสมกว่า” อ็อตโตกล่าวพร้อมใช้ความคิดสักพัก ก่อนเสนอชื่อที่แม่นยำกว่าเดิมขึ้นมา
“การเสริมพลัง? นี่นายคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรกันแน่?” เอริคหัวเราะทั้งน้ำตา แต่เมื่อคิดดูดี ๆ การทดลองครั้งนี้ก็เหมือนกับการเสริมพลังไม่น้อย
แนวคิดพื้นฐานมาจากไวรัสเอกซ์ตรีมิส ผสานกับผลการวิจัยตลอดหนึ่งปีของทีมงาน พวกเขาสร้างอุปกรณ์พลังงานขึ้นในเตียงฟื้นฟู เพื่อใช้พลังงานเสริมสร้างเส้นทางพลังงานสองเส้นในร่างกายของเอริค โดยใช้ยีนของอ็อตโต สตรัคเกอร์เป็นแบบ และอิงหลักการจากแหวนเวทมนตร์ที่ใช้จัดเรียงและแยกอะตอม
เส้นทางพลังงานทั้งสองเส้นนี้ จะมอบความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงระดับจุลภาคและพลังงานระดับมวลสารให้กับเอริค แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับสิ่งที่เขาต้องการ
“ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร ฉันบอกได้เลยว่านี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่เคยมีมา” เอริคลูบไล้ตัวเครื่องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของการทดลองครั้งนี้ เอริคไม่สนใจวิธีการที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น การกลายพันธุ์จากยีน หรือการสัมผัสกับรังสี เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีแบบฮีโร่ในหนังที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงได้ตลอด
“พอได้แล้ว เลิกพูดพล่าม และตรวจสอบให้แน่ใจทุกอย่างอีกครั้ง และเริ่มได้เลย” เอริคพูดก่อนยืดแขนทั้งสองข้างเข้าไปในช่องเสียบ และหลับตาลงเตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เพื่อความปลอดภัย เส้นทางพลังงานจะถูกสร้างขึ้นในแขนทั้งสองข้างของเอริค ซึ่งถ้ามีอะไรผิดพลาด เขาจะสามารถตัดแขนออกและปลูกแขนใหม่ได้โดยใช้ไวรัสเอกซ์ตรีมิส
เมื่อทุกอย่างพร้อม มายา แฮนเซ่นก็กดปุ่มเปิดเครื่องและปิดประตูเตียงฟื้นฟู ก่อนที่เธอจะมองผ่านกระจกเข้าไปยังเอริคที่นอนรออยู่ภายใน และเคาะเบา ๆ บนกระจก ทำให้เอริคเปิดตาขึ้นและส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจกลับมา
“เริ่มเลย!”
ทันใดนั้นฟิวเจอร์ก็เข้าควบคุมระบบ ทำให้อุปกรณ์ทุกชนิดเริ่มทำงาน พร้อมกับเตียงฟื้นฟูที่เรืองแสงสีฟ้าอย่างอ่อนโยน
แขนของเอริคถูกล้อมรอบด้วยกลไกมือจิ๋วและเครื่องยิงพลังงานเล็ก ๆ นับร้อยที่เคลื่อนที่ไปมา และปล่อยประกายแสงสีฟ้าเป็นระยะ
ในขณะเดียวกันมายาที่กำลังมองผ่านกระจกเมื่อเห็นเอริคขมวดคิ้ว เธอก็ถามด้วยความกังวลทันที “เจ็บมากไหม?”
เอริคส่ายหน้า “ไม่เลย มันแค่คันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็โล่งใจและจับตาดูค่าต่าง ๆ บนจออย่างใกล้ชิด
หลังผ่านไปกว่าสิบนาที เอริคก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เกิดขึ้นในแขนของเขา ทำให้เขาหลับตาแน่นเพื่อสัมผัสการเปลี่ยนแปลงนั้น
การสร้างเส้นทางพลังงานเป็นเหมือนการก่อสร้างอาคาร โดยการวางพลังงานทีละก้อนในตำแหน่งที่ออกแบบไว้ จนกระทั่งโครงสร้างเสร็จสมบูรณ์ และเชื่อมโยงกับพลังงานของร่างกายและระบบประสาทของเอริค เพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
เอริคสัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกใหม่ที่ค่อย ๆ สะสมในแขนทั้งสองข้าง พลังงานเหล่านี้เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายสัญลักษณ์เวทมนตร์ ต่อเนื่องกันจนกลายเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนและสมบูรณ์แบบ
เมื่อพลังงานเริ่มแพร่กระจายจากจุดหนึ่งไปยังจุดอื่นจนเชื่อมต่อกันครบถ้วน เอริคจึงใช้พลังงานของเขาเองสัมผัสโครงสร้างนั้นทันทีที่เชื่อมต่อสำเร็จ ทำให้รังสีพลังงานผสานเข้ากับแขนของเขา ราวกับวงจรไฟฟ้าที่เพิ่งถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ทันใดนั้นแขนของเอริคก็เริ่มส่องแสงสีฟ้าสว่างวาบทันที โดยแสงสีฟ้านั้นแฝงอยู่ใต้ผิวหนัง ดูเลือนลางและลึกลับ สวยงามดุจศิลปะอันวิจิตร ทำให้เกิดความรู้สึกพิศวงที่ยากจะอธิบาย
“สำเร็จหรือยัง?” มายาเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น แม้ตามแผนงานแสงสีฟ้าที่ปรากฏจะเป็นสัญญาณว่าเส้นทางพลังงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เธอยังอดไม่ได้ที่จะขอคำยืนยัน
“ดร.แฮนเซ่น เส้นทางพลังงานสร้างสำเร็จเรียบร้อย ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ค่ะ” เสียงจากฟิวเจอร์พูดยืนยัน
“เยี่ยม!” มายาชูกำปั้นขึ้นด้วยความยินดี แต่ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้รบกวนเอริค ส่วนทางด้านอีริค และอ็อตโตก็ปรบมือเบา ๆ เพื่อแสดงความยินดี ขณะที่เฉินหลู่ซึ่งปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจเช่นกัน
ตอนนี้งานส่วนของพวกเขาจบลงตรงนี้แล้ว ตามสัญญาพวกเขาได้ทำหน้าที่ของตนเสร็จสิ้น และถึงเวลาต้องแยกย้ายกันแล้ว
เฉินหลู่ปฏิเสธการจัดงานเลี้ยงอำลาจากทีมงาน ก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าและเก็บฮาร์ดดิสก์ที่ได้รับมาไว้แนบตัว และโบกมืออำลาทุกคนอย่างเงียบ ๆ
ดร.อ็อตโตกลับไปหยิบแผนการทดลองเก่ามาทบทวน พร้อมเริ่มงานวิจัยเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นควบคุมใหม่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
มายาย้ายไปห้องทดลองข้าง ๆ เพื่อเดินหน้าทดลองการผสมผสานระหว่างยีนของแวมไพร์กับไวรัสเอกซ์ตรีมิสต่อ
ส่วนอีริคเขาก็กลับไปยังห้องทดลองของเขา แต่แทนที่จะศึกษาวัสดุหนักอย่างเก่า เขากลับเปิดเอกสารเทคโนโลยีของเตียงฟื้นฟูขึ้นมาศึกษา เพราะอีริครู้สึกว่าความสำเร็จครั้งนี้อาจช่วยเปลี่ยนความคิดเพ้อฝันในหัวของเขาให้กลายเป็นจริง เขาเองก็อยากมีพลังพิเศษเช่นกัน!
ในช่วงเวลา 48 ชั่วโมงต่อจากนี้ เอริคจะอยู่ในเตียงฟื้นฟูจนกระทั่งการเสริมพลังสำเร็จสมบูรณ์ นอกจากฟิวเจอร์ที่เฝ้าดูแลการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเอริค ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ทำให้ห้องทดลองกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
โปรดติดตามตอนต่อไป …