ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 175 บุตรแห่งโชคชะตาคนสุดท้าย
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 175 บุตรแห่งโชคชะตาคนสุดท้าย
"สำเร็จแล้ว เช่นนั้นก็เหลือเพียงคนสุดท้าย"
เยี่ยหมิงกล่าวกับตนเอง
ขอบเขตสู่สามารถมีบุตรแห่งโชคชะตาได้หนึ่งคน ก็นับว่ามีวาสนาอันยิ่งใหญ่แล้ว โดยปกติแล้วจะไม่มีคนที่สองปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน
"ดูเหมือนว่าต้องไปยังดินแดนอื่น ๆ"
เยี่ยหมิงครุ่นคิด
ตอนนี้เหลือเพียงบุตรแห่งโชคชะตาคนสุดท้าย ก็จะสามารถทำภารกิจย่อยที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จ
มือสังหารระดับกึ่งอริยะ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
โครม!
เสียงดังกึกก้องปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน
ทุกคนรวมไปถึงเยี่ยหมิง ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว
สายตาจับจ้องไปยังเบื้องบน
แสงสีขาวราวกับหิมะหนึ่งสาย กำลังพุ่งไปยังทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว
เยี่ยหมิงมองเห็นเงาร่างของสตรีคนหนึ่งจากแสงนั้น
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยหมิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก็คือ
"นี่...เผ่าอสูรหรือ?"
เมื่อเยี่ยหมิงเห็นหูจิ้งจอกบนศีรษะของสตรีบนท้องฟ้า เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ
เขามาที่โลกใบนี้จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยเห็นเผ่าอสูรที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้
เพราะการที่จะแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้ ระดับตบะต้องบรรลุอย่างน้อยระดับวิญญาณโอสถ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือสตรีที่กำลังเหาะเหินอยู่บนท้องฟ้า ระดับตบะอย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับวิญญาณโอสถ
"ดูเหมือนว่าจะมีคนกำลังไล่ล่านาง"
นอกจากจะเห็นเงาร่างของสตรีแล้ว เยี่ยหมิงยังคงเห็นรอยโลหิตจาง ๆ
ไม่นานนัก หลังจากที่เยี่ยหมิงกล่าวจบ
ด้านหลังของสตรีเผ่าอสูรก็มีเสียงคำรามที่ดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น
"อสูรร้าย เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้หรือ!"
เสียงนั้นดังกึกก้อง ทำลายเมฆหมอกในรัศมีหลายร้อยลี้
พลังอำนาจที่แผ่ออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้ที่กล่าวไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ
เมื่อเห็นผู้มาใหม่ เยี่ยหมิงหรี่ตาลง
เพราะเคยสังหารผู้บำเพ็ญจากสำนักแก่นแท้สามคน เยี่ยหมิงจึงมั่นใจว่าตนเองไม่ได้มองผิด
ผู้ที่ไล่ล่าสตรีเผ่าอสูรผู้นั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญจากสำนักแก่นแท้
"ทวีปเซียนเซวียนกว้างใหญ่นัก เหตุใดจึงสามารถพบเจอผู้บำเพ็ญจากสำนักแก่นแท้ได้ทุกที่ ช่างเป็น 'เรื่องบังเอิญ' ยิ่งนัก" เยี่ยหมิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
แต่เขาไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาไม่ใช่คนดี ตอนนี้ภารกิจย่อยของเขายังไม่สำเร็จ
หากเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แต่อาจจะถูกกัดกลับ
ในขณะที่เยี่ยหมิงกำลังจะหันหลังกลับ
"ประเดี๋ยวก่อน"
"เมื่อครู่ข้าเหมือนจะเห็นแสงสีทอง"
เยี่ยหมิงนึกถึงแสงสีทองที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของสตรีเผ่าอสูรผู้นั้น
ในขณะที่เขากำลังสงสัยเขามองไปยังสตรีเผ่าอสูรอีกครั้ง
"วิชาเนตรสวรรค์สังเกตการณ์"
ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกาย
เมื่อมองดูอย่างตั้งใจ เยี่ยหมิงก็ตกตะลึง
"สี… สีทองหรือ!?"
โชคชะตาเหนือศีรษะของสตรีเผ่าอสูรผู้นั้นเป็นสีทอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ใช่สีทองอ่อนเช่นเดียวกับเฉินหนูเจียว แต่เป็นสีทองเข้ม
"ช่างเป็นการพบเจอที่ไม่คาดคิด นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าแต่เป็นเพราะโชคชะตาของพวกเจ้าไม่ดีเอง"
เยี่ยหมิงเหลือบมองผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้ที่อยู่ด้านหลังสตรีเผ่าอสูร ยิ้มออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไป...
ดูเหมือนว่าสตรีเผ่าอสูรผู้นั้นจะมุ่งหน้าไปยังมณฑลฝูอวิ๋น
เท่าที่เขาทราบ ระหว่างมณฑลฝูอวิ๋นและมณฑลหวู่ซิง มีทะเลหวังหยางกั้นกลาง
สถานที่แห่งนั้นก็ไม่เลว เหมาะสำหรับการฝังศพ
"อย่าหนีอีกเลย หากเจ้าหยุดและยอมแพ้ตอนนี้ สำนักแก่นแท้ของข้าอาจจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตรอด"
ผู้อาวุโสศิษย์ในของสำนักแก่นแท้ผู้นี้มีนามว่า เหลยฝูเจิ้น
มองไปยังสตรีเผ่าอสูรที่กำลังเหาะเหินอย่างรวดเร็ว กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา
ชิงชิวฉางหวู่ได้ยินเช่นนั้น
ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ เพียงแต่เร่งปราณวิญญาณภายในร่างกาย
นางรู้ดี หากนางตกอยู่ในมือสำนักแก่นแท้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
คำพูดของเหลยฝูเจิ้น ไม่สิ คำพูดของทุกคนในสำนักแก่นแท้ ล้วนเป็นคำโกหก
เพราะนางเคยเชื่อคำโกหกของคนหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านี้ จึงทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบสนอง
ใบหน้าของเหลยฝูเจิ้นก็มืดครึ้มลงเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่าสัตว์ร้ายเบื้องหน้าผู้นี้ เมื่อหลายปีก่อนจะสามารถปลดปล่อยอาคมที่ผนึกเอาไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่นางปลดปล่อยอาคมได้แล้ว ยังคงปลดปล่อยเผ่าอสูรและผู้บำเพ็ญชั่วร้ายคนอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังเอาไว้อีก
จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในคุกพันชั้น
ส่วนศิษย์สำนักแก่นแท้ที่คอยดูแลคุก ก็ถูกควบคุมจิตใจ
ในขณะที่พวกเขาเปิดผนึกคุกพันชั้น
คนเหล่านั้นก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โจมตีทุกคนอย่างกะทันหัน
แม้ว่าตอนนี้สำนักแก่นแท้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
แต่ก็ยังคงมีเผ่าอสูรและผู้บำเพ็ญชั่วร้ายบางคนหลบหนีไปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีเผ่าอสูรเบื้องหน้าผู้นี้ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
"วันนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่ เจ้ามีเพียงระดับกึ่งอริยะหนึ่งชั้นฟ้า ส่วนข้ามีถึงระดับกึ่งอริยะห้าชั้นฟ้า แม้ว่าเจ้าจะมีวิชาลับที่สามารถเพิ่มความเร็วได้"
"ข้าก็ไม่เชื่อว่าปราณวิญญาณของเจ้าจะไม่มีวันหมด"
ทั้งสองเหาะเหินอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ออกจากขอบเขตสู่ของมณฑลหวู่ซิง จนกระทั่งมาถึงทะเล
เหลยฝูเจิ้นแสยะยิ้มออกมา "เจ้าคงจะไม่รู้กระมัง แท้จริงแล้ววิชาสายน้ำของข้าแข็งแกร่งกว่าวิชาสายฟ้า"
"เก้ามังกรดูดกลืน จองจำ!"
เหลยฝูเจิ้นหยุดฝีเท้า มองไปยังชิงชิวฉางหวู่ที่อยู่เบื้องหน้า มือทั้งสองข้างประสานอิน
ทันใดนั้น รอบกายชิงชิวฉางหวู่
ซู่!
ทะเลที่เคยสงบนิ่ง ก็เริ่มปั่นป่วน
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่เก้าแห่ง ปรากฏขึ้นบนทะเล
จากนั้น มังกรน้ำเก้าตัวก็พุ่งออกมาจากกระแสน้ำวน
มังกรน้ำทั้งเก้าตัวล้อมรอบชิงชิวฉางหวู่เอาไว้
ทำให้นางไม่สามารถหลบหนีไปได้
"ไม่ดีแล้ว ปราณวิญญาณใกล้จะหมดแล้ว"
ใบหน้าของชิงชิวฉางหวู่ซีดเผือด
"ยอมแพ้เสียเถิด เจ้าหนีไม่รอด!"
เหลยฝูเจิ้นยืนอยู่บนท้องฟ้า มือทั้งสองข้างไขว้หลัง
"หอกแห่งสายฟ้าพิฆาต"
เหลยฝูเจิ้นกล่าว
ยกมือขวาขึ้น
แสงสายฟ้ามากมายรวมตัวกันที่กลางฝ่ามือ
ไม่นานนัก ก็กลายเป็นหอกสายฟ้า
เหลยฝูเจิ้นหรี่ตาลง
เล็งไปยังชิงชิวฉางหวู่ จากนั้นก็โยนหอกออกไป
หอกสายฟ้าพุ่งออกไป ราวกับแสงดาวตก
ชิงชิวฉางหวู่เห็นเช่นนั้น
กัดฟันแน่น ต่อสู้
"พลังแห่งจิ้งจอกเก้าหาง!"
ชิงชิวฉางหวู่กล่าวเบา ๆ
ด้านหลังของนางปรากฏหางจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะเก้าหางขึ้นมาอย่างกะทันหัน