50 - กายึดรังนกหรือไง!!
เรื่องนี้ของท่านลุงใหญ่ทำให้เสียเงินไปมาก ท่านย่าจึงเร่งให้ท่านพ่อไปบนเขาอีกครั้งเพื่อหารายได้ให้ครอบครัว ส่วนจูผิงอันก็เอาแต่โวยวายอยากจะตามไปด้วย เพราะครั้งที่แล้วเขาเคยไปแล้ว ครั้งนี้ตอนที่ขออนุญาตจากท่านแม่ จึงไม่ได้เจออุปสรรคมากนัก หลังจากตื๊ออยู่นาน ท่านแม่ก็พยักหน้าตกลง
ที่ท่านแม่ยอมตกลงง่ายดาย ก็เพราะครั้งก่อนตอนที่พวกเขาไปบนเขากลับมา ได้นำของกลับมาให้ไม่น้อย
จูผิงอันเตรียมตัวเอาตะกร้าเล็กๆ ของเขาไปด้วย เปลี่ยนรองเท้าพื้นหนา และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ้าลินินที่มีรอยปะ เพราะถ้าโดนเกี่ยวเสียหายก็ไม่ต้องเสียดาย ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่ก้าวเท้าออกจากบ้าน
"จูผิงอัน..."
เสียงเด็กผู้หญิงใสๆ อ่อนหวานดังมาจากนอกประตูใหญ่ของบ้านจู ราวกับเสียงนกไนติงเกลบินเข้ามาในลานบ้าน เสียงหวานจนคนฟังแทบจะสำลักความหวาน
แต่จูผิงอันพอได้ยินเสียงนี้กลับทำหน้าบูดบึ้ง คุณหนูคนนี้มาทำอะไรที่นี่?
ในบ้านนอกจากท่านลุงใหญ่ที่กำลังคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ในศาลบรรพบุรุษ คนอื่นๆ ในบ้านพอได้ยินเสียงใสๆ นี้ก็พากันออกมาดูด้วยความอยากรู้ และก็ไม่ผิดหวัง เพราะประตูใหญ่ถูกผลักเปิดโดยคุณหนูตัวน้อยคนหนึ่งที่มีทรงผมซาลาเปา นางขี่ม้าแดงตัวเล็กๆ เข้ามา มือเล็กๆ ที่จับบังเหียนนั้นขาวเนียนราวหยก สะท้อนกับแสงเขียวจนดูโปร่งใส
ดูยังไงก็เป็นเด็กจากครอบครัวร่ำรวย
จูผิงอันรู้สึกปวดหัวทันที คุณหนูคนนี้มาทำอะไรอีก แล้วดูเหมือนนางจะเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ใช่เรื่องดีแน่
คุณหนูเจ้าอารมณ์วันนี้ใส่ชุดใหม่อีกแล้ว ทรงผมเกล้ามวยน่ารักประดับด้วยพู่ห้อยที่แกว่งไปมาตอนนางพูด ใบหน้าอวบอิ่มรูปไข่ ตาใสเป็นประกายดำขลับแฝงแววเจ้าเล่ห์ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่ยกยิ้มนิดๆ พร้อมรอยยิ้มหวานที่เผยลักยิ้มสีชมพูระเรื่อ ทั้งหมดนี้ลบภาพความเอาแต่ใจของเขาไปจนหมด ทำให้ดูเหมือนเด็กน้อยน่ารักแสนดีที่มาจากบ้านข้างๆ
“ท่านปู่ท่านย่า ท่านลุงท่านป้าเจ้าคะ ข้าชื่อหลี่ชูจากบ้านหลี่หมู่บ้านซ่างเหอเจ้าค่ะ เรียกข้าว่าชูเอ๋อร์ก็ได้นะเจ้าคะ ข้ามาหาจูผิงอันเจ้าค่ะ” คุณหนูหลี่ชูทักทายด้วยรอยยิ้ม หวานเสียจนเหมือนป้ายด้วยน้ำผึ้ง ทำตัวน่ารักแสนรู้จนทุกคนพึงพอใจ
สาวใช้ตัวน้อยที่ตามเขามาด้วยก็ฉลาดไม่แพ้กัน รีบยื่นขนมและของฝากในมือให้ท่านย่าของจูผิงอันทันที
“ท่านย่าเจ้าคะ นี่คือของที่ท่านคุณพ่อข้าฝากให้ข้าเอามาให้ชิมเจ้าค่ะ ท่านย่ารับไว้เถอะนะเจ้าคะ ไม่งั้นท่านพ่อข้าจะดุข้าว่าไม่รู้จักมารยาทเจ้าค่ะ” หลี่ชูพูดด้วยเสียงหวาน หาเหตุผลให้ครอบครัวจูผิงอันรับของฝากไปแบบไม่มีข้ออิดออด
“โอ้ เด็กคนนี้นี่นะ มาหาเล่นเฉยๆ ก็พอแล้ว จะเอาอะไรติดมือมาทำไม” ท่านย่าพูดอย่างปลื้มใจขณะรับของฝาก พลางบ่นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่จริงจัง
“โอย เด็กคนนี้ช่างน่ารักเสียจริง โตขึ้นต้องเป็นสาวงามเหมือนนางฟ้าแน่ๆ” อาสะไภ้สี่ของจูผิงอันมองหลี่ชูด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าชมเด็กสาวหรือตื่นเต้นกับของฝาก
“ใช่ๆ สวยจริงๆ” ป้าสะไภ้ใหญ่มองเด็กสาวด้วยสายตาเหมือนมองลูกสะใภ้ในอนาคต ก่อนจะถามยิ้มๆ ว่า “เด็กน้อยมาหาเจ้าจวิ้นหรือเปล่า”
“ข้ามาหาจูผิงอันเจ้าค่ะ” หลี่ซูรู้สึกเบื่อในใจ แต่ยังคงยิ้มหวานตอบ
เฉินซื่อก็พอใจคุณหนูคนนี้เสียจนไม่อาจพอใจได้มากกว่านี้ ทั้งหน้าตาดี ทั้งเรียบร้อยน่ารัก
“เจ้า วางตะกร้าลงซะ ห้ามขึ้นเขา ไปเล่นกับชูเอ๋อร์เลย”
เฉินซื่อพอใจ ก็ยอมให้ลูกชายคนเล็กเสียสละทันที หันไปใช้เสียงสั่งห้ามไม่ให้จูผิงอันขึ้นเขา
จูผิงอันทำหน้าเศร้า
คุณหนูหลี่ซูพอเห็นแบบนั้นก็แสร้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ยกนิ้วชี้ไปที่จูผิงอันแล้วพูดด้วยเสียงอ่อน “ท่านป้าดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ แต่...แต่จูผิงอันเขาเหมือนไม่อยากเล่นกับข้าเลย”
ดูคำพูดกับท่าทางนั้นสิ ทั้งน่าสงสารทั้งกลั้นน้ำตาไว้อย่างยากลำบาก ดูแล้วทำเอาใครๆ ก็ต้องใจอ่อน
จูผิงอันเบ้ปาก คุณหนูเจ้าอารมณ์คนนี้ ถ้าไปเกิดในยุคปัจจุบันคงได้เป็นนักแสดงระดับแนวหน้าแน่ เสียดายพรสวรรค์การแสดงนี้จริงๆ
เฉินซื่อไม่รู้หรอก หันกลับมาเห็นจูผิงอันที่ทำหน้าบูดบึ้งก็เอ่ยขึ้นว่า “โอ้ ไอ้เจ้าลูกคนนี้! ไม่พอใจแถมยังกล้าทำหน้าใส่คนอื่นอีก!”
ทำหน้าล้อเลียน
ทันใดนั้น แม่ของเขาก็ตรงเข้ามาจับแก้มอวบๆ ของจูผิงอัน ดึงจนหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที พร้อมพูดปลอบคุณหนูหลี่ซูว่า “ไม่มีหรอก ดูสิ เจ้าหมูน้อยเขาก็เต็มใจนี่ไง”
เพื่อให้รอยยิ้มนั้นปรากฏ แม่ของเขาไม่ออมแรงเลย จูผิงอันรู้สึกว่าแก้มอวบๆ ของเขาแทบจะไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว
คุณหนูเจ้าอารมณ์คนนี้บรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย พาสาวใช้ตัวน้อยเข้าไปในห้องเล็กๆ ของจูผิงอัน ใบหน้าเล็กๆ ของนางฉายแววพอใจเต็มที่ ส่วนจูผิงอัน ท่านแม้ไม่อยากเข้าไป แต่ก็โดนแม่ของเขาตีเบาๆ ที่ก้นจนต้องเดินเข้าไปในห้องอยู่ดี
ส่วนท่านพ่อและพี่ชายจูผิงชวนก็พากันขึ้นเขาไปแล้ว ด้านป้าสะไภ้ใหญ่ และแม่ของจูผิงอัน รวมถึงอาสะใภ้สามและอาสะไภ้สี่คนต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในลานบ้าน
“บ้านหลี่น่ะเหรอ ก็เศรษฐีใหญ่บ้านซ่างเหอนั่นแหละ ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่าเศรษฐีหลี่รักลูกสาวคนเล็กมาก พอมาดูวันนี้ก็รู้เลย จริงอย่างที่เขาว่า ดูเสื้อผ้าที่เด็กคนนั้นใส่สิ อย่างน้อยต้องราคาไม่ต่ำกว่าสองสามตำลึงเงินแน่ๆ”
“ถ้าถามข้านะ รักลูกสาวก็ไม่สู้รักลูกชายหรอก”
“ดูพี่สะใภ้ใหญ่พูดเข้าสิ ถ้าข้ามีลูกสาวน่ารักแบบนี้นะ จะรักจนวางไว้บนฟ้าเลยเชียว”
บรรยากาศในลานบ้านครึกครื้น แต่บรรยากาศในห้องกลับตรงกันข้าม จูผิงอันนั่งทำหน้าบูดมองคุณหนูเจ้าอารมณ์ที่ยืนเชิดหน้าทำเหมือนผู้ชนะ เขาไม่พอใจสุดๆ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูเจ้าอารมณ์คนนี้ วันนี้เขาคงได้ขึ้นเขาไปแล้ว
“ห้องของเจ้านี่ห่วยจัง” คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดพร้อมกับบีบจมูกเล็กๆ ของตัวเอง แสดงความรังเกียจห้องของจูผิงอัน “คอกหมาที่บ้านข้ายังดีกว่าห้องนี้เลย”
“จริงเหรอ?” จูผิงอันถามอย่างไม่เชื่อ
คุณหนูเจ้าอารมณ์รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองถูกท้าทาย จึงพยักหน้ารัวๆ “จริงแน่นอน ถ้าไม่เชื่อถามฮวาเอ๋อร์สิ”
สาวใช้ตัวน้อยที่ชื่อฮวาเอ๋อร์พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
จูผิงอันมองคุณหนูเจ้าอารมณ์ก่อนพูดขึ้นอย่างเรียบๆ ว่า “ถ้างั้นเจ้าก็กลับไปอยู่ที่คอกหมาของเจ้าสิ”
คุณหนูเจ้าอารมณ์อึ้งไปทันที
“ยังยืนอึ้งอยู่ทำไม เอาออกมาเร็วสิ” คุณหนูเจ้าอารมณ์ที่โดนจูผิงอันทำให้อารมณ์เสีย ก็หันไปลงกับสาวใช้ฮวาเอ๋อร์ทันที
“เจ้าค่ะๆ ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู” ฮวาเอ๋อร์รีบล้วงขนมบรรจุอย่างดีออกมาจากอกเสื้อ วางลงบนโต๊ะตรงหน้าจูผิงอัน
“นี่ ขนมให้เจ้า รีบเล่าต่อเรื่อง มังกรหยก เลย” คุณหนูเจ้าอารมณ์เร่งเร้า
“ไม่เล่า” จูผิงอันส่ายหน้าปฏิเสธ
“เล่าหรือไม่เล่า?” คุณหนูเจ้าอารมณ์เริ่มข่มขู่
“ไม่เล่า” จูผิงอันยังยืนยันคำเดิม
“ไม่เล่าใช่ไหม?” คุณหนูเจ้าอารมณ์เชิดปากก่อนจะหันไปตะโกนเสียงดังออกไปนอกห้อง “ท่านป้าเจ้าคะ! ท่านป้า...”
เฉินซื่อได้ยินเสียงรีบวิ่งเข้ามาทันที พอเข้ามาก็จ้องจูผิงอันด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่กลับพูดกับคุณหนูเจ้าอารมณ์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จูผิงอันรังแกเจ้าหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าเขารังแกบอกป้าเลยนะ เดี๋ยวป้าจะจัดการให้เอง”
ท่านแม่ขอรับ ข้ายังเป็นลูกแท้ๆ ของท่านแม่อยู่ไหม! จูผิงอันรู้สึกเจ็บปวดใจ
แต่คุณหนูเจ้าอารมณ์ส่ายหน้าเล็กน้อย มือเล็กๆ หยิบขนมชิ้นหนึ่งยื่นไปให้เฉินซื่อพร้อมรอยยิ้มหวาน “ไม่มีเจ้าค่ะท่านป้า ข้าแค่อยากให้ท่านป้าชิมขนมชิ้นนี้ดูเจ้าค่ะ”
“ชูเอ๋อร์ช่างน่ารักจริงๆ”
เฉินซื่อใจละลายทันที เด็กคนนี้ช่างแสนรู้และน่ารักเสียจริง เขาถึงกับคิดในใจว่าอยากจะมีลูกสาวน่ารักแบบนี้สักคน
พอเห็นว่าคุณหนูเจ้าอารมณ์ไม่มีปัญหาอะไร เฉินซื่อก็โล่งใจ แต่ก่อนออกไปจากห้องยังไม่วายดึงหูจูผิงอันพร้อมสั่งว่า “ดูแลชูเอ๋อร์ดีๆ นะ อย่าแกล้งคุณหนูเขา ถ้าข้ารู้ล่ะก็ คราวนี้โดนแน่!”
จูผิงอันยืนอึ้งจนแม่ของเขาเดินออกจากห้องไปแล้ว เขายังตั้งตัวไม่ทัน
นี่มันอะไรกัน! ให้เจ้ากาเข้ายึดรังนกหรือไง!