(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1249 สังหารศัตรูที่บุกมาให้สิ้น
ทว่าในขณะที่เหวินผิงกำลังเตรียมตัวกลับไปยังศาลาทิงอี่เพื่อรับรางวัลภารกิจ เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
【โปรดทราบ มียอดฝีมือระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นสูงสุดปรากฏตัวอยู่ใกล้ศาลาจื่อฉีในเมืองเสินเฟย!】
เหวินผิงเอ่ยด้วยความสงสัย “ผู้ใดกัน?”
สิ้นเสียง ระบบก็แสดงข้อมูลสรุปของอ๋องเทียนอวี่ออกมา
“ข้าเกือบลืมเจ้าเสียแล้ว!” เหวินผิงพลันหมุนตัวกลับไปยังวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ และใช้มันเพื่อลงตรงหน้าศาลาจื่อฉีโดยตรง
ในตอนนั้น หน้าศาลาจื่อฉีไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นเหวินผิงมาถึง ฮูหลานและพรรคพวกต่างรีบวิ่งออกมาต้อนรับ
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“ข้าน้อยคารวะเจ้าสำนัก!”
“ข้าน้อยคารวะเจ้าสำนัก!”
เหวินผิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่พลังจิตวิญญาณจะกวาดไปโดยรอบ เพื่อล็อกเป้าหมายที่อยู่ในจวนของเจ้าผู้ครองเขตแดน อ๋องเทียนอวี่
กระบี่ชิงเหลียนถูกชักออกอีกครั้ง!
กระบี่สะบัด
หมื่นดอกบัวเขียวพลันรวมตัวกันกลายเป็นแสงสีเขียว พุ่งทะลุผ่านทั้งเมืองเสินเฟย มุ่งตรงสู่จวนเจ้าผู้ครองเขตแดน
ฉัวะ!
อ๋องเทียนอวี่ที่เพิ่งออกจากเส้นทางมิติบิดเบือน เตรียมตัวไปหาเหล่าบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโส แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายก็ถูกเจตจำนงกระบี่ชิงเหลียนทะลวงผ่าน
ร่างกายของอ๋องเทียนอวี่สั่นสะท้าน ก่อนจะยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกเพียงโลหิตอุ่น ๆ ที่ไหลออกจากอก ท่วมท้นจนชุ่มโชกไปถึงร่างส่วนล่าง
เมื่อก้มลงมอง
เขาเห็นช่องว่างที่อกของตัวเอง
“ช…ช่วย…” อ๋องเทียนอวี่เดินเซไปมา ก่อนจะหันกลับเข้าสู่มิติบิดเบือนเพื่อหลบหนี แต่ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็พลันปรากฏตรงหน้า
ฉัวะ!
แสงสีเขียววูบผ่าน
ศีรษะของอ๋องเทียนอวี่หลุดจากร่าง
ตึง!
ร่างของอ๋องเทียนอวี่ล้มลงไปในแอ่งโลหิต และเมื่อเหยียนไหลและคนอื่น ๆ มาถึง ก็พบเพียงร่างไร้วิญญาณที่แทบหมดลมหายใจของอ๋องเทียนอวี่
“นี่มัน…”
เมื่อเหยียนไหลเห็นร่างของอ๋องเทียนอวี่ ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที
ราชวงศ์ผู้สถาปนาตนอีกคนหนึ่งถูกสังหารเสียแล้ว!
จบสิ้นแล้ว
สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาในฐานะเจ้าเมืองเสินเฟย คงถึงคราวจบสิ้นเสียแล้ว
“รีบช่วยชีวิตเร็วเข้า!” รองเจ้าเมืองเสินเฟยตะโกนลั่นด้วยความตื่นตระหนก
แต่ก่อนที่ใครจะได้ขยับตัว ร่างของเหวินผิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ใกล้กับศพของอ๋องเทียนอวี่
“หากเจ้าไม่มาเมืองเสินเฟย ข้าคงลืมเจ้าเสียแล้ว” เหวินผิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมกับเก็บแหวนเก็บของของอ๋องเทียนอวี่ ก่อนจะหันมองเหยียนไหลและคนอื่น ๆ
เหยียนไหลรีบโค้งตัวทำความเคารพ “ท่านเจ้าสำนักเหวิน!”
คนอื่น ๆ ในเมืองเสินเฟยก็รีบโค้งตัวทำความเคารพเช่นกัน
สำนักอมตะเป็นศัตรูของราชวงศ์ แต่หาใช่ศัตรูของพวกเขาไม่
แน่นอน
พวกเขาก็ไม่อาจเทียบเคียงหรือท้าทายสำนักอมตะได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหยียนไหลหรือคนในจวนเจ้าเมืองเสินเฟยก็ดี ล้วนมีแต่ความเคารพต่อสำนักอมตะ ไม่มีแม้แต่ความคิดร้ายใด ๆ
เหวินผิงเก็บกระบี่ชิงเหลียน พร้อมกล่าวสั่ง “ช่วยข้าจัดการร่างของอ๋องเทียนอวี่ แล้วส่งไปยังเมืองหลวงอาณาจักรโยว่”
เหยียนไหลนิ่งเงียบ แต่ตอบรับในที่สุด แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความคิดและความหวาดหวั่น
“ว่าแต่ หากเจ้ายินดี ก็สามารถเข้าร่วมสำนักอมตะของข้าได้” ซือไห่เสียนได้เข้าสำนักไปแล้ว ในฐานะที่เหยียนไหลเป็นผู้ติดตามคนสำคัญของซือไห่เสียน เหวินผิงจึงโยนข้อเสนอนี้ให้
เหยียนไหลไม่ได้ตอบรับในทันที แต่กลับถามอย่างร้อนรน “ท่านเจ้าสำนักเหวิน ขอถามว่าแล้วสองบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสเล่า?”
“สังหารแล้ว”
เหวินผิงไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ เพราะข่าวดังกล่าวอีกไม่กี่วันก็จะถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
เมื่อกล่าวจบ เหวินผิงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาเปิดใช้งานวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ เพื่อนำตนเองกลับไปยังสำนักอมตะโดยตรง
แต่หลังจากเหวินผิงจากไป เหยียนไหลและคนในจวนเจ้าเมืองเสินเฟยกลับไม่อาจสงบใจได้เป็นเวลานาน พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกอยู่ครึ่งวัน
“ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่?”
“บรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสถูกฆ่าแล้วหรือ?”
เหล่าคนในจวนเจ้าเมืองเสินเฟยต่างพากันตกตะลึงไม่หยุด
เหยียนไหลมีความคิดที่ยากจะสงบลงได้ และในที่สุดก็ตัดสินใจ “พวกท่านทั้งหลาย หากมีวาสนา เราคงได้พบกันอีก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมกับสำนักอมตะ อ๋องเทียนอวี่ตายในเมืองเสินเฟย แม้จะไม่ใช่ความผิดของข้าโดยตรง แต่ข้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการรอดชีวิต ข้าทำได้เพียงเข้าร่วมกับสำนักอมตะเท่านั้น”
“ข้าก็อยากเข้าร่วมสำนักอมตะ”
“ข้าก็เช่นกัน!”
เหล่าคนในจวนเจ้าเมืองเสินเฟยต่างสนับสนุนความคิดนี้ทันที
อย่างที่เหยียนไหลกล่าว
อ๋องเทียนอวี่และบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสต่างเกิดเหตุที่เมืองเสินเฟย
พวกเขาจะรอดชีวิตได้หรือ?
บางทีราชวงศ์อาจไม่กล้าไปก่อปัญหากับสำนักอมตะ แต่ราชวงศ์จะต้องหาทางลงโทษพวกเขาแน่นอน หรืออาจถึงขั้นฆ่าพวกเขาเพื่อลดความโกรธแค้น
ในขณะเดียวกัน เหวินผิงได้กลับมายังสำนักอมตะ สิ่งแรกที่เขาทำคือไปรับรางวัลภารกิจ
【ภารกิจเส้นเรื่องหลัก】
【1. เป้าหมายภารกิจ: กำจัดศัตรูที่บุกมา】
【ยังไม่สำเร็จ】
【ความสำเร็จ: 90%】
“ยังไม่สำเร็จหรือ?”
เหวินผิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ผู้ที่สมควรถูกฆ่าก็ถูกฆ่าไปหมดแล้วมิใช่หรือ?
อ้อ
ยังมีกองทัพเสิ่นโหยวบางส่วนที่เหลืออยู่
ทันใดนั้น เหวินผิงใช้พลังจิตวิญญาณส่งเสียงถึงเทียนเสียน จอมมารดาบ และมังกรไม้
“พวกเจ้าสามคนไปยังเขตหลักเมืองแดนสีชาด กำจัดกองทัพเสิ่นโหยวกว่าหนึ่งล้านคนที่เหลืออยู่ให้หมด ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ห้ามปล่อยให้หนีรอดแม้แต่คนเดียว”
“ทราบแล้ว!”
“ทราบแล้ว!”
“ทราบแล้ว!”
ทั้งสามคนพยักหน้ารับคำ
หลังจากนั้น ทั้งสามรวมตัวกันที่วงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ ก่อนจะติดต่อเฉินเซี่ยเพื่อสอบถามตำแหน่งของเขตหลักเมืองแดนสีชาด
เมื่อเฉินเซี่ยบอกตำแหน่งให้เทียนเสียน เขาก็อดถามไม่ได้ว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมถึงต้องไปยังเขตหลักเมือง?”
เทียนเสียนตอบเสียงเรียบ “เจ้าสำนักสั่งว่า กองทัพเสิ่นโหยวที่เหลืออยู่กว่าหนึ่งล้านคนต้องถูกกำจัดจนหมด และห้ามปล่อยให้มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”
เฉินเซี่ยไม่ได้พูดอะไรมาก
ในเมื่อเป็นศัตรู
ไม่ว่าจะมีกี่คน
ก็ต้องถูกฆ่า!
โหดร้ายหรือ?
ไม่เลย สักนิดก็ไม่โหดร้าย
ด้านจอมมารดาบกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่จำเป็น ข้าจะใช้เวทมนตร์ปิดผนึกมิติ ใครที่ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสถาปนาตนย่อมไม่มีทางหนีรอดได้”
“หากมียอดฝีมือระดับสถาปนาตน ก็ฆ่าทิ้งเสีย” มังกรไม้กล่าวเสริม
สิ้นคำ วงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติพลันเปิดใช้งาน
ทั้งสองคนและหนึ่งมังกรปรากฏตัวที่เขตหลักเมือง
ตูม!
แสงสีขาวสาดส่องลงตรงหน้าค่ายกองทัพเสิ่นโหยว ทำให้เหล่ากองทัพเสิ่นโหยวพากันลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก และเปิดใช้งานประตูชีพจรวิญญาณ
พวกเขารู้ดีว่าเมื่อแสงสีขาวปรากฏ หมายความว่าคนจากสำนักอมตะมาแล้ว
“ปลดปล่อยเคล็ดวิชาชีพจรลมปราณ!”
“ปลดปล่อยเคล็ดวิชาชีพจรลมปราณ!”
เสียงตะโกนดังระงมไปทั่ว
ปัง!
ปัง!
เสียงเปิดใช้งานประตูชีพจรวิญญาณดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสาย
อ๋องหลงหยางรีบมาที่หน้าแสงสีขาว และเมื่อเห็นว่าผู้มาคือมังกรไม้ จอมมารดาบ และเทียนเสียน เขาก็ไม่ได้สั่งให้กองทัพเสิ่นโหยวลงมือ
“หยุดมือ!”
อ๋องหลงหยางออกคำสั่ง ก่อนจะหันไปมองทั้งสาม โดยเน้นมองไปที่มังกรไม้ เพราะในค่ายตอนนี้มีเพียงมังกรไม้ที่เป็นยอดฝีมือระดับสถาปนาตน หากมังกรไม้เริ่มการสังหาร เขาย่อมไม่มีทางต้านทานได้
“ผู้อาวุโสมังกรไม้ ผู้อาวุโสจอมมารดาบ ผู้อาวุโสเทียนเสียน เจ้าสำนักเหวินส่งพวกเจ้ามาหรือ?” อ๋องหลงหยางเอ่ยถาม
จอมมารดาบกล่าวเสียงเย็น พร้อมหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา
“ตามคำสั่งของเจ้าสำนัก กำจัดกองทัพเสิ่นโหยวทั้งหมดให้สิ้นซาก”
สิ้นเสียง จอมมารดาบเริ่มร่ายเวทมนตร์คาถา เวทมนตร์ขั้นห้า
การปิดกั้นมิติ
มา!
เมื่อจบการร่ายเวท จอมมารดาบชี้ไม้กายสิทธิ์ขึ้นฟากฟ้า ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ปรากฏม่านแสงสีขาวนวลปกคลุมค่ายกองทัพเสิ่นโหยวทั้งหมด
ภาพนี้ รวมถึงคำพูดของจอมมารดาบและการเปิดประตูชีพจรวิญญาณของเทียนเสียน ทำให้เหล่ากองทัพเสิ่นโหยวพากันหน้าถอดสี
ใบหน้าอ๋องหลงหยางเองก็ดูไม่สู้ดี แต่สิ่งที่เขากังวลไม่ใช่กองทัพเสิ่นโหยวเหล่านี้ หากแต่เป็นความคิดถึงบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสที่อาจมาถึงได้ทุกเมื่อ
“ผู้อาวุโสมังกรไม้ ผู้อาวุโสจอมมารดาบ และผู้อาวุโสเทียนเสียน ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับสำนักอมตะ พวกท่านรีบจากไปเถิด อ๋องเทียนอวี่ได้ไปเชิญบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสแล้ว บรรพบุรุษทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวสู่หยวนหยาง และอาจมาถึงได้ทุกเมื่อ!”
ยังไม่ทันที่จอมมารดาบทั้งสามจะตอบ อ๋องหลงหยางก็พูดต่อ “ฝากบอกเจ้าสำนักเหวินด้วย ข้าเองก็สุดจะทานทนได้ หากเขาต้องการสิ่งใด ขอให้บอกมา หากเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะพยายามเต็มกำลัง!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จอมมารดาบตอบกลับเรียบ ๆ “ฟู่เทียนเสีย เจียงเหอซาน รวมถึงอ๋องเทียนอวี่ ล้วนตายหมดแล้ว พวกเขาจะมาไม่ได้อีก”
สิ้นคำ จอมมารดาบพุ่งตัวออกไป กระโจนเข้าสู่กองทัพเสิ่นโหยว
เทียนเสียนตามไปติด ๆ
มังกรไม้ไม่ได้เข้าร่วมสังหารทันที แต่กลับเผยร่างมังกรและพ่นไฟสามสีออกจากปาก ซึ่งเพียงชั่วพริบตา กองทัพเสิ่นโหยวก็ถูกกลืนกินไปนับไม่ถ้วน
อ๋องหลงหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ มิได้สนใจสมรภูมิด้านล่าง หากแต่ตกอยู่ในภวังค์ของคำพูดจอมมารดาบอย่างยากจะถอนตัว
“นี่…”
การตายของอ๋องเทียนอวี่ เขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาห่วงคือบรรพบุรุษราชวงศ์อาวุโสทั้งสอง!
บรรพบุรุษอาวุโสทั้งสองถูกฆ่าหรือ?
เป็นไปไม่ได้กระมัง?
แต่จอมมารดาบคงไม่ใช้คำโกหกอันแสนอ่อนด้อยเช่นนี้มาหลอกเขาหรอกใช่หรือไม่?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วลมหายใจ อ๋องหลงหยางก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมดในที่สุด
เหตุใดเจ้าสำนักสำนักอมตะถึงสามารถติดต่อกับเขาด้วยท่าทีไม่หวั่นเกรงใด ๆ
เหตุใดเจ้าสำนักสำนักอมตะจึงกล้าสั่งจอมมารดาบสังหารราชวงศ์ผู้สถาปนาตน และหักหลังอาณาจักรโยว่โดยสิ้นเชิง
ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนมีเหตุผล
เบื้องหลังของสำนักอมตะเองก็มียอดฝีมือครึ่งก้าวหยวนหยาง!
อีกทั้งยังทรงพลังอย่างยิ่ง!
ส่วนหยวนหยางแท้จริง เขาไม่กล้าคิดถึง เพราะบรรพบุรุษอาวุโสเคยกล่าวไว้ว่าช่องเขาเฉาเทียนไม่อาจรองรับยอดฝีมือหยวนหยางแท้จริงได้
พวกเขาในบางมิติอาจเข้ามาไม่ได้
และปกติพวกเขาก็จะไม่เข้ามา
หากเข้ามาในช่องเขาเฉาเทียน ฐานพลังของพวกเขาย่อมได้รับความเสียหาย
ถึงสาเหตุจะเป็นอย่างไร เขาไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่บรรพบุรุษอาวุโสย่อมไม่พูดจาเลื่อนลอยในเรื่องใหญ่เช่นนี้
เมื่อเก็บความคิดฟุ้งซ่านแล้ว อ๋องหลงหยางก็ทอดมองลงไปยังการสังหารที่เกิดขึ้นด้านล่างโดยไม่เข้าไปขัดขวางจอมมารดาบทั้งสาม
กลับกัน เขายืนมองด้วยสายตาเย็นชา
“ราชวงศ์อาณาจักรโยว่และสำนักอมตะ ดูท่าแล้วคงมาถึงจุดที่ต้องฆ่าฟันกันจนตายไปข้างหนึ่งเสียแล้ว” อ๋องหลงหยางอดถอนหายใจไม่ได้
จากนี้ ช่องเขาเฉาเทียนจะไม่ใช่สมรภูมิของหอปกฟ้ากับอาณาจักรโยว่อีกต่อไป หากแต่จะเป็นสามเสาหลักระหว่าง สำนักอมตะ หอปกฟ้า และอาณาจักรโยว่!
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม กองทัพเสิ่นโหยวที่มีกว่าหนึ่งล้านคนก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น
เหวินผิงเดิมทีคิดว่ายังขาดอยู่อีกเล็กน้อย เพราะยังมีกองทัพเสิ่นโหยวอีกหลายหมื่นคนที่ยังไม่ได้สังหาร แต่เขาไม่คาดคิดว่าระบบจะปรากฏหน้าต่างแจ้งเตือนว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
เหวินผิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าคนที่ถอยหนีไปอาจจะไม่ถูกนับรวมในรายชื่อศัตรูที่บุกรุกมา นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นอีก
เมื่อเก็บความคิดแล้ว เหวินผิงจึงรับรางวัลภารกิจในทันที
【รางวัลภารกิจรับสำเร็จ!】
【ได้รับชื่อเสียงหนึ่งแสนหน่วย!】
【ยอดคงเหลือชื่อเสียงปัจจุบัน: 223,000】
“เพียงพอแล้ว”
เหวินผิงยิ้มอย่างยินดี จากนั้นจึงเปิดร้านค้าภายในห้องนิพพาน
【ซื้อสำเร็จ!】
【ได้รับวิชาฉากงม่อระดับหยวนหยาง】
【ต้องการใช้ทันทีหรือไม่?】
“ใช้”
สิ้นเสียง เหวินผิงก็เห็นแสงสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าสู่สมองของเขาโดยตรง วิชาฉากงม่อถูกยกระดับขึ้นเป็นระดับหยวนหยาง
ระดับหยวนหยาง
สูงกว่าระดับสวรรค์!
เมื่อวิชาฉากงม่อถูกพัฒนาเป็นระดับหยวนหยาง สิ่งแรกที่เหวินผิงรู้สึกได้คือพลังการกลืนกินที่เปลี่ยนแปลงไป
เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามสิบเท่า!
นั่นหมายความว่า ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขาเพิ่มขึ้นสามสิบเท่าจริง ๆ
ต้นเจี้ยนมู่และต้นไม้อมตะในสำนักอมตะที่สร้างพลังไม้ เขาเคยใช้เวลาสามวันถึงจะกลืนกินพลังได้หมด แต่ตอนนี้ใช้เวลาเพียงประมาณหนึ่งชั่วยามเท่านั้น!
“เอาล่ะ ความเร็วในการปลูกต้นไม้คงตามการใช้พลังไม้ไม่ทันเสียแล้ว” เหวินผิงถอนหายใจ ก่อนจะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับวิชาฉากงม่อระดับหยวนหยาง
แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงได้เสียทีเดียว
เขากลับสามารถสัมผัสถึงการดำรงอยู่ที่แตกต่างออกไปได้
ทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศเหนือ กล่าวโดยรวมก็คือทุกทิศทางล้วนมีสิ่งเหล่านี้ แต่ก็อยู่ไกลเกินไป ไกลจนพลังจิตวิญญาณไม่อาจสำรวจถึง แม้แต่ระบบก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้
“ระบบ สิ่งนั้นคืออะไร?” เหวินผิงเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เขาสัมผัสได้คืออะไรกันแน่ สิ่งนั้นแตกต่างจากพลังแห่งฟ้าดินในช่องเขาเฉาเทียนอย่างมาก ยิ่งลึกลับกว่าพลังแห่งฟ้าดิน
ระบบตอบกลับ [สิ่งนั้นคือพลังหยวนหยาง เมื่อบำเพ็ญเพียรวิชาฉากงม่อถึงระดับหยวนหยาง โฮสต์จะสามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของพลังหยวนหยางได้โดยตรง โฮสต์เพียงแค่ต้องค้นพบมันและกลืนกินมัน ก็มีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ครึ่งก้าวหยวนหยาง เมื่อกลืนกินได้ในปริมาณที่ถึงจุดวิกฤต พร้อมกับการพัฒนาวิชาฉากงม่อไปถึงขั้นสมบูรณ์ โฮสต์ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหยวนหยางได้]
“ต้องกลืนกินมากแค่ไหนถึงจะเข้าสู่ระดับหยวนหยางได้?”
[หนึ่งพันสายขึ้นไป และวิชาฉากงม่อจำเป็นต้องพัฒนาไปจนถึงขั้นสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อวิชาฉากงม่อถูกยกระดับเป็นระดับหยวนหยางแล้ว วิชาฉากงม่อที่เคยสมบูรณ์ก่อนหน้านี้จะกลับมาอยู่ในขั้นต้นของระดับใหม่]
“วิชาฉากงม่อที่ยังไม่สมบูรณ์นั่นไม่ใช่ปัญหา หนึ่งพันสาย นั่นมันมากเกินไป ข้าในตอนนี้สัมผัสได้เพียงเจ็ดหรือแปดสายเท่านั้น”
[ดังนั้น หากอยู่ในช่องเขาเฉาเทียนเพียงอย่างเดียว การจะทะลวงไปถึงระดับหยวนหยางแทบเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเลย หากโฮสต์เลือกช่องเขาเฉาเทียนเป็นพื้นที่ของตนเอง โฮสต์สามารถพัฒนาให้มันยกระดับขึ้นได้ เมื่อช่องเขาเฉาเทียนถูกพัฒนาเป็นโลกหยวนหยาง และเกิดพลังหยวนหยางในปริมาณมาก โฮสต์ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหยวนหยางได้ในช่องเขาเฉาเทียน]
“ดูท่าว่าการก้าวสู่ระดับหยวนหยางยังอีกยาวไกลนัก” เหวินผิงกล่าวพร้อมถอนหายใจ ก่อนจะคิดหาหนทางไปจับพลังหยวนหยางที่เขาสัมผัสได้
เมื่อบำเพ็ญเพียรจนถึงขีดสุดของระดับปัจจุบัน เขาก็จะสามารถกลืนกินพลังหยวนหยางและลองก้าวเข้าสู่ครึ่งก้าวหยวนหยาง
เหล่าผู้ที่อยู่ในรายนามสวรรค์ระดับสูงนั้นทรงพลังแค่ไหน เหวินผิงไม่อาจคาดเดาได้ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่อาจประมาทพวกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเร่งบำเพ็ญเพียรอย่างต่อเนื่อง
.
(จบตอน)