บทที่ 518-519
บทที่ 518 : จิตวิญญาณแห่งมรดก
ความเย่อหยิ่ง ความเหงา การดิ้นรนเอาตัวรอด การหักหลัง ความอ่อนโยน ความเจ็บปวดของอิทาจิ...
ทางเลือกของอิทาจินั้นไม่สามารถพูดได้ว่ามันถูกต้อง เพราะเขายอมแยกตระกูลอุจิวะเพื่อหมู่บ้านโคโนฮะ
เพราะหมู่บ้านมีปัญหามากมายกับครอบครัวเขา
เขาต่างหากที่ตกเป็นเหยื่อในปัญหาระหว่างตระกูลและหมู่บ้าน
คิซาเมะยืนเงียบ ๆ มองทิวทัศน์ที่ห่างไกลพูดและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“หากลือกหมู่บ้าน ก็ต้องเสียสละครอบครัวเพื่อป้องกันการเกิดสงคราม ยุติข้อพิพาทภายในและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ขยายออกไปด้วยทางเลือกนั้น”
แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาด
สายลับคือการใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ เช่นเดียวกับหนูในท่อน้ำสกปรก มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงในความมืดเท่านั้น
ตอนนี้ทั้งสองแทบจะเรียกได้ว่ากำลังสนทนาแบบเปิดใจ และคิซาเมะเองก็เริ่มรู้สึกชื่นชมและเคารพอิทาจิ
ที่ผ่านมาชีวิตของอิทาจิ เขาคืดแต่เรื่องสงครามและสันติภาพ
เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก เขาได้เห็นความโหดร้ายของสงคราม ดังนั้นอิทาจิจึงอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้และมุ่งเป้าไปที่การเป็นโฮคาเงะ
ทุกอย่างเป็นจริงมากราวกับว่าคิซาเมะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง
เขารู้ว่าอิทาจิแบกภาระและความกดดันหนักมากเกินไป
แต่ความเย่อหยิ่งและบุคลิกของเขาทำให้เขาถูกดันโซล่อลวง ในขณะที่นักเรียนคนอื่น ๆ ยังคงสนุกสนานไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขในโรงเรียน แต่อิทาจิได้ก้าวเข้าสู่สนามรบของเหล่านินจาแล้ว และมีส่วนร่วมในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างผู้บริหารอาวุโสของโคโนฮะและตระกูลอุจิวะอีกด้วย
ทุกครั้งที่มันมันเกิดขึ้น ทุกทางเลือกมาพร้อมกับการนองเลือดและสงครามมากมาย
เนตรวงแหวนอันทรงพลังของตระกูลอุจิวะทำให้ผู้คนมากมายหวาดกลัวและคลั่งไคล้มัน
จิตใจของมนุษย์นั้นบิดเบี้ยวมาก ทุกคนคิดถึงแต่ผลประโยชน์จากมุมมองของตนเองเท่านั้น
“ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว ถึงเวลาของฉันแล้วล่ะ”
“อิทาจิ...” คิซาเมะมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า
ฝนตกหนักกระทบพื้นดินจนเสียงดัง
แต่ในหมู่บ้านโคโนฮะ ตระกูลเซ็นจูจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอ
และอีกด้านหนึ่ง
ตระกูลเซ็นจูได้ถ่ายทอดเกี่ยวกับความคับข้องใจกับตระกูลอุจิวะจากรุ่นสู่รุ่น
“โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ….ดันโซ ...” อิทาจิพึมพำ
หากตระกูลเขารอดไปได้ ก็จำเป็นต้องทำการยึดตำแหน่งของโฮคาเงะ และสงครามโลกครั้งที่ 4 ของเหล่านินจาจะต้องเกิดขึ้น ปัญหาต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก แม้ว่าการยึดอำนาจจะประสบความสำเร็จ ตระกูลอุจิวะและหมู่บ้านโคโนฮะจะถูกแยกออกจากกันถาวร และตระกูลอุจิวะเองก็จะถูกทำลายเช่นกัน.
.
.
.
“อากาศแย่จังเลยนะอิทาจิ นายยังจำวันนั้นได้ไหม? ….วันนั้นก็เป็นอากาศแบบนี้เหมือนกัน”
ที่นี่เป็นที่ที่เขาเคยหลบฝนร่วมกับอิทาจิ
“ฉันจำได้ว่าตอนที่เราพบกันครั้งแรก นายบอกว่าคนอย่างเราจะไม่มีวันจบสวย และเราอาจตายเมื่อใดก็ได้ ดูเหมือนว่านายได้ทำนายชะตากรรมของตัวเองไว้ได้แม่นจริง ๆ”
หลังจากที่คิซาเมะออกมาจากสนามรบ เขาก็พาตัวเองมาถึงหน้าผา
สายตาของเขามองข้ามป่าอันเขียวชอุ่ม และมองดูดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกล ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้
“ท้ายที่สุดแล้ว ฉันเองก็เคยฆ่าคนที่ันเรียกว่าเพื่อนเหมือนกัน…”
ทางเลือกทั้งหมดของเขาซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางเลือก แต่่มันกลับเป็นการบังคับให้ตัดสินใจในที่สุด
ไม่ว่าจะเลือกอันไหน มันก็จะมาพร้อมกับความเจ็บปวด
เขาคิดว่าเขารู้จักอิทาจิมากพอแล้ว แต่หลังจากคิดดูแล้วก็พบว่าสิ่งที่อิทาจินั้นซับซ้อนกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
บทที่ 519 : ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
“คนอย่างเราที่สามารถฆ่าใครก็ได้ มันถูกกำหนดให้จบแบบเลวร้ายเช่นนี้แหละ ฮ่าฮ่าฮ่า” คิซาเมะหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาพูดจบ
แต่รอยยิ้มนั้นกลับมีแต่ความขมขื่น
“นายยังเคยบอกด้วยนะว่าคน ๆ หนึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเขา แต่เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะตายก็จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นคนแบบไหน”
“อิทาจิตอนที่นายตาย นายเห็นมันไหม แล้วนายเป็นคนแบบไหน?”
คิซาเมะแห้งพึมพำกับตัวเอง
"นายมายืนทำอะไรที่นี่?" ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังคิซาเมะ ทันทีที่คิซาเมะได้ยินเสียง ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขาก็ฟันไปข้างหลังทันที
ดาบขนาดใหญ่ของคิซาเมะเฉียดผ่านร่างนั้นไปเล็กน้อย
“เป็นนายนี่เอง” คิซาเมะพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยขณะมองดูใครบางคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และน้ำเสียงของคิซาเมะก็ไม่ได้แปลกใจเลย
เพราะโฮชิงากิ คิซาเมะไม่ชอบคน ๆ นี้มากนัก แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในองค์กรแสงอุษา แต่คิซาเมะคิดว่าคน ๆ นี้เจ้าเล่ห์เกินไป
คิซาเมะไม่ชอบติดต่อกับผู้คนที่เต็มไปด้วยหัวใจและความคิดที่ซับซ้อน
“คิซาเมะ….อุจิวะ อิทาจิ ตายแล้วใช่ไหม?” คน ๆ นั้นกล่าวหลังจากเงียบไปสักพัก
“ใช่….อิทาจิเพิ่งทิ้งเราไป” เมื่อพูดถึงอิทาจิ คิซาเมะก็มีสีหน้าเศร้าขึ้นมา
“ในเมื่ออิทาจิตายไปแล้ว นายจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ? มีแผนอะไรไหม?” คน ๆ นั้นเงยหน้าขึ้นแล้วถามคิซาเมะ
“ฉันอยากจะสงบสติอารมณ์คนเดียวสักพัก หลังจากที่อิทาจิจากไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันหมดความสนใจกับอย่าง” คิซาเมะถอนหายใจเและจากนั้นก็หันหลังเดินลงภูเขาไป
หลังจากที่คิซาเมะเดินไปได้สักพัก เขาก็พบว่าคน ๆ นั้นยังคงตามเขามา คิซาเมะจึงหยุดและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยชอบใจ
“นี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? หัวหน้าจะให้เราจับคู่กันครั้งหน้าหรือไง แต่ฉันขอโทษ ฉันไม่ชอบหน้านายเท่าไหร่และคู่ของฉันคืออิทาจิเท่านั้น ฉันยินดีที่จะทำภารกิจคนเดียว”
“ว้าว ไม่คิดเลยว่านายกับอิทาจิจะรักกันดีขนาดนี้ นั้นมันทำให้ฉันประหลาดใจจริง ๆ คิซาเมะ” จู่ ๆ น้ำเสียงของน้ำเสียงของคนตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป และเมื่อก่อนมันไม่ใช่เสียงที่คิซาเมะคุ้นเคย
“นายเป็นใครกันแน่?” คิซาเมะได้ยินเสียงเปลี่ยนไป ใบหน้าของคิซาเมะก็เริ่ทจริงจังขึ้นมาเช่นกัน และเขาก็กำดาบที่อยู่ข้างหลังของเขาแน่นโดยไม่รู้ตัวและจ้องมองไปยังคนที่อยู่ด้านหน้าเขม่ง
“มันนานมากแล้วคิซาเมะ….ฉันจำฉันไม่ได้แล้ว” พูดและถอดหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก
“เป็นคุณจริง ๆ ด้วย…มาดาระ” คิซาเมะมองใบหน้าภายใต้หน้ากากของมาดาระด้วยความตกใจ และกำอาวุธในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานคิซาเมะก็ปล่อยมืออีกครั้ง
“จริง ๆ แล้วคุณคือผู้นำที่แท้จริงมาดาระ มันน่าทึ่งจริง ๆ คุณสามารถปราบเพนที่มีพลังมหาศาลได้ คุณคือมาดาระตัวจริง ๆ ด้วย” คิซาเมะกล่าวด้วยความเคารพ
“ฮิฮิฮิ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เราทุกคนล้วนเป็นนินจาที่มาจากหลายหมู่บ้าน เรารวมตัวกันเพื่ออุดมการณ์เดียวกัน ไม่ว่าจะจะชนชั้นสูงหรือชนชั้นต่ำก็ตาม”
มาดาระพูดเบา ๆ
“ถึงอย่างนั้น…คนอย่างมาดาระอุตส่าห์มาหาถึงที่ มีจะให้คิซาเมะคนนี้รับใช้หรือไม่ล่ะครับ?” คิซาเมะถามด้วยความเคารพ