บทที่ 127 ถูกปีศาจสาวสวยขโมยจิตใจ
มือที่ถือแก้วกาแฟของมู่หยุนเลี่ยหยุดชะงัก
เผ่ยหยวนเซวียนสังเกตสีหน้าของเขาอย่างเงียบๆ
เขาดื่มกาแฟหนึ่งคำแล้วถามว่า “เธอจะทำอะไรแสดงเหรอ จะทุ่มหลังแบบนี้ไหม”
หรือเธออาจจะร้องเพลงเต้นรำ ตอนนี้เขาค่อยๆสามารถเริ่มนึกถึงบางสิ่งได้
จากความทรงจำ เขาเหมือนจะเคยได้ยินเหยียนเชียนอี้ร้องเพลง
เขาจำไม่ได้ว่าเธอร้องอะไร แต่จำได้แค่เธอร้องเพี้ยน ไม่มีเสียงที่ดีเลย
เผ่ยหยวนเซวียนวางเอกสารที่ถือมาไว้บนโต๊ะมู่หยุนเลี่ย
“ในงานเลี้ยงตอนสุดท้ายจะมีการเต้นรำกลุ่ม เธออยู่ในนั้น ดังนั้น…คงจะเป็นการเต้นรำล่ะครับ”
มู่หยุนเลี่ยจ้องไปที่รายชื่อในโปรแกรมแล้วภาพของเหยียนเชียนอี้ในชุดทหารก็ติดอยู่ในหัว
แล้วลองจินตนาการถึงเธอเต้นรำ... มุมปากของมู่หยุนเลี่ยเผยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
แค่ท่าทางของเธอที่สับสน จะเต้นได้เหรอ
“ท่าน... ท่านยิ้มอะไรครับ” เผ่ยหยวนเซวียนมองมู่หยุนเลี่ยที่ยิ้มมุมปากอย่างประหลาดใจ
เขาติดตามท่านมาหลายปี แต่ไม่เคยเห็นท่านยิ้มเลย
แต่ตอนนี้กลับเห็นรอยยิ้มของท่านบ่อยๆแบบไม่รู้ตัว
เหมือนถูกปีศาจสาวสวยขโมยจิตใจไป
เผ่ยหยวนเซวียนถอนหายใจในใจเมื่อคิดถึงเรื่องที่ท่านอาจจะตกหลุมพรางของเหยียนเชียนอี้
“ฉันไม่ได้ยิ้ม” มู่หยุนเลี่ยทันทีทำหน้านิ่ง
เผ่ยหยวนเซวียนพยักหน้า “ใช่ครับ ท่านไม่ได้ยิ้ม คงเป็นผมที่มองผิดไปเอง”
ท่านบอกว่าไม่ได้ยิ้ม ก็คือไม่ได้ยิ้ม
แม้ท่านบอกข้างนอกมันมีดาบตกลงมา เขาก็ต้องบอกว่าเห็นดาบ
“แล้วท่าน…จะไปไหมครับ” เผ่ยหยวนเซวียนถาม
“ค่อยว่ากัน” มู่หยุนเลี่ยตอบ
“งั้นผมจะบอกกับอาจารย์ใหญ่ครับ จองที่ไว้ให้ท่าน ถ้าท่านอยากไปก็ไปได้ครับ”
มู่หยุนเลี่ยไม่พูดอะไรอีกแล้ว โบกมือให้เผ่ยหยวนเซวียนไปไกลๆ
เมื่อเดินออกจากห้องทำงานของมู่หยุนเลี่ย เผ่ยหยวนเซวียนนส่ายหัวท่ามกลางความรู้สึกเหนื่อยหน่าย
เขาเห็นแล้วว่าท่านอยากไปดูเหยียนเชียนอี้เต้น แต่ยังต้องรักษาอารมณ์เย็นชา ไม่น่าเบื่อเหรอ
เขารู้สึกเหนื่อยใจแทนท่าน
เหยียนเชียนอี้เองก็รู้สึกเหนื่อยใจเช่นกัน เธอไม่อยากขึ้นไปแสดงบนเวทีเลยแต่ดันถูกเลือก
เพื่อแสดงถึงความสามัคคี ทุกชั้นเรียนและทุกสาขาของนักศึกษาปีใหม่ต้องเลือกสาวห้าคน โดยมีรุ่นพี่สาวนำการเต้น
แม้ว่าห้องเรียนของพวกเธอมีสาวมากกว่าห้าคน แต่ต้องเลือกตามความสูงใกล้เคียง ซึ่งเธอหนีไม่ได้
หลังจากเลิกเรียน สาวๆที่ถูกเลือกทั้งหมดก็เดินมาที่ห้องซ้อม
โชคชะตากลับนำคนที่เธอไม่อยากเจอมา ทั้งหานหรูยี่และหวังซานซานต่างอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องการแย่งเตียง ในวันแรกๆหวังซานซานก็เริ่มสงบลง ไม่ได้มารบกวนเธออีก
แต่พวกเธอไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้วก็ไม่พบกันอีก
ชูฮวากล่าวเบาๆ “สูงเหมือนพวกเขา ไม่ใช่เรื่องดีเลย”
เหยียนเชียนอี้ยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจ”
วิธีการของเธอคือ ไม่ทำร้ายฉัน ฉันก็ไม่ทำร้ายเขา แต่ถ้าเขาทำร้ายฉัน ฉันจะจัดการให้สิ้นซาก!
ทันใดนั้นเหยียนเชียนอี้นึกบางอย่างขึ้นมา ถามเบาๆว่า “เดี๋ยว... ชูฮวา ความสามารถพิเศษของเธอ ทำให้คนพูดความจริงได้ใช่ไหม”
“ใช่ ทำไมเหรอ” เหยียนเชียนอี้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย "เดี๋ยวอาจจะต้องให้เธอช่วยสักหน่อย"
เธอไม่พบหลักฐานที่บ้านเหยียนที่หานย่าหรงฉีดยาให้ตัวเอง แต่ถ้ามีชูฮวาช่วย แม้จะไม่มีหลักฐาน เธอก็สามารถทำให้แม่ลูกคู่นั้นพูดความจริงออกมาได้
"ไม่มีปัญหา เมื่อไหร่ก็ได้" ชูฮวาบอก
"ตอนนี้ยังไม่เร่ง เดี๋ยวต้องการเมื่อไหร่จะบอกเธอ"
"โอเค!"
ในขณะนั้น เพื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหานหรูยี่
"ว้าว หรูยี่ กระเป๋าใบนี้เป็นใบใหม่เหรอ เหมือนจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดเลยนะ ดูแพงมาก"
หรูยี่ยิ้มด้วยความภูมิใจ "พ่อซื้อให้ฉัน"
เธอพูดเสียงดังเป็นพิเศษและยังหันไปมองทางเหยียนเชียนอี้
เธอบอกพ่อไปแล้วว่า เธอได้ติดต่อกับหมอหน้ากากที่บ้านพักคนชราแล้ว และหมอหน้ากากจะเริ่มรับปรึกษาที่โรงพยาบาลเยี่ยนในเร็วๆนี้
พ่อจึงซื้อกระเป๋าใบนี้ให้เธอเพื่อเป็นรางวัล
ชูฮวาทนไม่ไหวกับท่าทางหยิ่งยโสของหานหรูยี่จึงบ่นพึมพำ
"น่าเกลียดตายไป แล้วโลโก้ขนาดใหญ่นั่น ทำเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่าเธอซื้อของแบรนด์เนมมา จริงๆแล้วคุณหนูที่แท้จริงเขาไม่เคยซื้อของติดโลโก้ไว้ขนาดนั้นหรอก"
เหยียนเชียนอี้เห็นด้วยอย่างมาก
คนที่รวยจริงๆ มักจะแต่งตัวเรียบง่ายแต่มีคุณภาพ คนที่รู้จักก็สามารถมองออกทันที
แต่หานหรูยี่น่ะเหมือนพวกคนรวยหน้าใหม่ที่ชอบแสดงออกจนเกินไป ไม่อยากให้ใครไม่รู้ว่าใส่ของแบรนด์ดัง
ยิ่งขาดอะไร ยิ่งชอบอวด
หานหรูยี่สังเกตว่าเหยียนเชียนอี้มองมาที่เธอจึงเดินมาหา
หวังซานซานยืนอยู่ห่างๆ และไม่ได้เข้ามาใกล้
"เหยียนเชียนอี้ ถ้าเธอยอมขอโทษพ่อสักหน่อย พ่อก็จะซื้อกระเป๋าให้เธอ" หานหรูยี่หยุดยืนตรงหน้าของเหยียนเชียนอี้อย่างภูมิใจ "เธอยังอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เช่ามันก็ไม่สะดวกนะ"
เธอพูดเสียงดังราวกับอยากให้ทุกคนในห้องซ้อมได้ยินว่าเหยียนเชียนอี้เป็นคนจนแค่ไหน ต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เช่าที่แคบ
ในขณะนั้น เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น "เหยียนเชียนอี้ บ้านวิลล่าของเธอเสร็จแล้วหรือยัง เมื่อไม่นานมานี้ฉันยังได้ยินพ่อบอกว่าจะเสร็จในไม่ช้า"
หานหรูยี่หันไปมองเพื่อนคนนั้น "เธอพูดอะไรนะ เธอพูดว่าเฉียนอี้กำลังก่อสร้างวิลล่าเหรอ คงเข้าใจผิดแล้วล่ะ เธอมีเงินพอจะซื้อวิลล่าเหรอ"
"ไม่เข้าใจผิดนะ" เพื่อนคนนั้นพูด "พ่อของฉันเปิดบริษัทรับตกแต่งบ้าน ก่อนหน้านี้ฉันไปที่ออฟฟิศของเขาแล้วเห็นชื่อของเชียนอี้ในเอกสาร แถมยังเป็นนักออกแบบที่ดีที่สุดในบริษัทของพ่อฉันเองที่รับงาน"
หานหรูยี่หน้าซีดลงทันที
ทันใดนั้น เธอนึกถึงรถหรูที่เคยเห็นข้างนอกบ้านพักคนชรา
มู่หยุนเลี่ยร่ำรวยขึ้นเหรอ
เพื่อนคนนั้นพูดต่อ "เชียนอี้ ขอบคุณที่ช่วยธุรกิจของพ่อฉันนะ คืนนี้จะกลับไปบอกพ่อให้เร่งงานให้เร็วขึ้น เพื่อที่เธอจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่เร็วๆนี้"
เหยียนเชียนอี้พยักหน้าเบาๆ ช่างบังเอิญจริงๆ ที่บริษัทตกแต่งที่เธอสั่งให้แม่นมไปหานั้น ดันเป็นบริษัทของเพื่อนในชั้นเรียน
หานหรูยี่เบ้ปาก รู้สึกไม่ดีในใจ "อะไรจะน่าทึ่งขนาดนั้น ก็แค่พึ่งพาผู้ชาย"
เพื่อนคนนั้นพูดขึ้น "แต่ต้องมีความสามารถถึงจะพึ่งพาผู้ชายได้นะ ฉันได้ยินจากชูฮวา สามีของเชียนอี้หล่อมากๆ"
เหยียนเชียนอี้หันไปมองหยานชูฮวา ตายจริง ปากจะใหญ่ไปไหน!
ชูฮวาแสร้งยิ้มแหยๆ แล้วรีบเดินไปนั่งที่มุมห้อง
มีสาวๆ อีกหลายคนที่เห็นด้วย "ใช่ๆ วันเปิดภาคเรียนวันนั้น ฉันเห็นสามีของเชียนอี้ด้วย หล่อจริงๆนะ"
"ฉันยังแอบถ่ายรูปมาเลย! หน้าตาแบบนี้ เกินคำบรรยาย!"
"เชียนอี้ สามีของเธอมีพี่ชายไหม พี่ชายหรือน้องชายก็ได้ แบบนี้แหละ ดูดีขนาดนี้ คิดว่าญาติๆของเขาน่าจะหล่อเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสก็ช่วยแนะนำให้เราหน่อยสิ"