ตอนที่ 831 เขามองทะลุได้หรือ?
แขกสองคนที่ คุณปู่โจว พามาด้วยคือ พ่อลูกคู่หนึ่ง พ่อลูกคู่นี้ ผู้เป็นพ่อดูสุภาพ และสง่างามเป็นอย่างมาก สมัยหนุ่มๆ เขาน่าจะเป็นหนุ่มหล่อที่ครองใจสาวๆ ได้อย่างง่ายดาย
ส่วนลูกสาวเขานั้นอายุราว 18-19 ปี เธอได้รับยีนเด่นจากพ่อเธอมาเต็มๆ ทำให้หน้าตาของเธอดูโดดเด่นมากเช่นกัน
พ่อคนนี้คือหุ้นส่วนทางธุรกิจของ คุณปู่โจว ทั้งสองไม่ได้มาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่เป็นคนเมืองซูเฉิง
“เสี่ยวเฉิน นี่คือหุ้นส่วนทางธุรกิจของฉันเอง หลิว หยวนคุน และลูกสาวของเขา หลิว อวิ๋นลั่ว”
คุณปู่โจว แนะนำอย่างกระตือรือร้น
“คุณเย่”
หลิว หยวนคุน เป็นคนที่เก่งในการเข้าสังคม เขายื่นมือออกมาจับมือกับ เย่เฉิน และทักทายเขาอย่างสุภาพ
“บอสหลิว”
เย่เฉิน พยักหน้าเล็กน้อย
ส่วน หลิว อวิ๋นลั่ว ลูกสาวของ หลิว หยวนคุน เมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญที่ ผู้อาวุโสโจว บอกไว้กลับเป็นชายหนุ่มที่ดูอายุใกล้เคียงกับตัวเอง เธอก็รู้สึกไม่เชื่อถือเอาเสียเลย
จะให้เชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?!
หลิว อวิ๋นลั่ว รู้สึกสงสัยในความสามารถของ เย่เฉิน มาก พวกเขาอายุเท่ากัน เธอเองก็มีความสามารถในบางเรื่อง เช่น การเต้น แต่ฝีมือของเธอยังห่างไกลจากคำว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ มาก
แล้วชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดา แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งมากอีกด้วย มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่เก่ง และโดดเด่นขนาดนี้จะมีอยู่จริง
“คุณปู่โจว มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เย่เฉิน ถาม ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว การมาเยี่ยมแบบกระทันหันย่อมต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ
“จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เสี่ยวเฉิน เธอไม่ใช่ว่าเก่งเรื่องการประเมินของเก่าหรอกเหรอ?”
คุณปู่โจว อธิบาย
“เหล่าหลิว เพิ่งได้ของเก่าโบราณชิ้นหนึ่งมา เลยอยากให้เธอช่วยประเมินมันให้หน่อยนะ”
ของเก่าชิ้นนี้ หลิว หยวนคุน เพิ่งได้มาวันนี้เอง และยังไม่มีโอกาสหาใครมาช่วยประเมินเลย ตอนที่เขามาเยี่ยมบ้าน คุณปู่โจว และพูดถึงเรื่องนี้โดยบังเอิญ คุณปู่โจว จึงพลันนึกไปถึง เย่เฉิน ขึ้นมาทันที
ฝีมือการประเมินของ เสี่ยวเฉิน เก่งกว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาก แถมยังอยู่ข้างบ้านอีกด้วย ซึ่งสะดวกมาก คุณปู่โจว จึงพา หลิว หยวนคุน กับลูกสาวของเขามาหา เย่เฉิน ทันที
“ฉันเองสงสัยมากเกี่ยวกับมันว่าใช่ของจริงหรือเปล่า เลยต้องมารบกวน หวังว่า คุณเย่ จะไม่ว่าอะไรนะครับ”
หลิว หยวนคุน กล่าวอย่างสุภาพ
เย่เฉิน พยักหน้า ในเมื่อเป็นแขกของ คุณปู่โจว และใช้เวลาแค่หนึ่งถึงสองนาทีในการช่วยประเมินก็ไม่ได้ว่าลำบากอะไร
“ขอบคุณ คุณเย่ มากครับ”
ขณะที่พูด หลิว หยวนคุน ก็เปิดกล่องผ้าไหมยาวๆ ที่นำมาด้วยออก และหยิบภาพชิ้นหนึ่งออกมา
หลิว หยวนคุน แนะนำว่า :
“คุณเย่ ภาพนี้คือ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง(秋山萧寺图)’ ของ หวังเหมิง(王蒙)ครับ”
หวังเหมิง จิตรกรชื่อดังในยุคราชวงศ์หยวน หนึ่งใน ‘สี่จิตรกรใหญ่ยุคราชวงศ์หยวน’ มีความสามารถด้านการวาดภาพอย่างลึกซึ้ง ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง(秋山萧寺图) เป็นหนึ่งในผลงานตัวแทนของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ภาพเขียนจากยุคราชวงศ์หยวนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนั้นมีน้อยมาก ทำให้ภาพนี้มีมูลค่าสูงมาก
“ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง งั้นเหรอ? คุณบอกว่านี่คือ ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง”
เมื่อได้ยิน หลิว หยวนคุน แนะนำ เย่เฉิน ก็ทำเสียงประหลาดใจ
“ใช่ครับ คุณเย่ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
หลิว หยวนคุน ถามกลับ
“ไม่ต้องเปิดดูก็ได้ ภาพวาดของคุณเป็นของปลอมครับ!”
เย่เฉิน ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
คำพูดของ เย่เฉิน ทำให้ คุณปู่โจว และพ่อลูกตระกูลหลิวตกตะลึงอย่างมาก
ตอนนี้ภาพ ‘วัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ยังไม่ได้เปิดเลย แต่ คุณเย่ กลับบอกว่าภาพนี้เป็นของปลอม เขามองทะลุได้หรืออย่างไรกันนะ?!
“เสี่ยวเฉิน เธอรู้ได้ยังไงว่า ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของ เหล่าหลิว เป็นของปลอม?”
คุณปู่โจว ถามด้วยความประหลาดใจ
“คุณยังไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ แล้วบอกว่าภาพของพ่อฉันเป็นของปลอม คุณมีเหตุผลอะไร?!”
หลิว อวิ๋นลั่ว ก็ไม่พอใจอย่างมาก เลยเอ่ยปากถาม เย่เฉิน
“เหตุผลที่ผมบอกว่า ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ นี้เป็นของปลอมมันง่ายมาก เพราะ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของแท้นั้น ..อยู่กับผมครับ”
เย่เฉิน พูดช้าๆ อย่างใจเย็น
ก่อนหน้านี้ โจว จั๋วเฟิง เคยมาขอโทษ เย่เฉิน พร้อมกับมอบวัตถุโบราณชั้นยอดหลายชิ้นให้เป็นการขอโทษ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’
หลังจากที่ได้รับของโบราณเหล่านี้มา เย่เฉิน ก็ได้ทำการตรวจสอบ และยืนยันว่ามันเป็นของแท้จริงๆ
ในเมื่อ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของแท้อยู่ในมือของเขา แน่นอนว่าภาพของ หลิว หยวนคุน ย่อมเป็นของปลอมโดยไม่ต้องสงสัยเลย
คำตอบของ เย่เฉิน ทำให้ หลิว หยวนคุน และอีกสองคนต้องตกตะลึงอย่างไม่คาดคิด
จริงเหรอ?
“ของจริงอยู่ที่เขางั้นเหรอ?”
“คุณมั่นใจได้ยังไงว่าภาพของคุณคือของแท้ และภาพของพ่อฉันคือของปลอม?”
หลิว อวิ๋นลั่ว ยังไม่ยอมแพ้ เธอโต้เถียงกลับทันที
“ถ้าเกิดว่าของคุณเป็นของปลอม แต่ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของพ่อฉันต่างหากที่เป็นของแท้ล่ะ?”
แม้ หลิว หยวนคุน จะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเขาก็ยังมีความสงสัยอยู่เหมือนกัน สิ่งที่ลูกสาวของเขาพูดก็มีเหตุผล คุณเย่ ยังไม่ได้ดูภาพเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนั้นว่าเป็นของปลอม?
“ฝีมือการประเมินของ เสี่ยวเฉิน ฉันรู้จักดี เขาไม่มีทางพลาดแน่นอน”
ในบรรดาสามคนนี้ มีเพียง คุณปู่โจว เท่านั้นที่เชื่อมั่นในตัว เย่เฉิน ทันที และรีบช่วยพูดสนับสนุน
“เช่นนั้น.. ตามผมมาครับ”
เย่เฉิน ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากความอีก เขาพาทั้งสามคนเดินไปที่ห้องหนังสือซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“เปิดภาพของคุณ แล้วเปรียบเทียบกันดู”
เย่เฉิน บอกให้ หลิว หยวนคุน เปิด ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของเขา และนำไปเปรียบเทียบกับภาพที่แขวนไว้ในห้องหนังสือของ เย่เฉิน ซึ่งใช้เป็นของตกแต่ง
“ก็ได้ เปิดก็เปิด”
หลิว อวิ๋นลั่ว ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น แต่เธอก็ระมัดระวังในการเปิด ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ของตัวเอง
เย่เฉิน นำภาพทั้งสองภาพมาแขวนคู่กัน เพื่อเปรียบเทียบ
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างกันตรงไหนเลย”
หลิว อวิ๋นลั่ว สังเกตไปรอบๆ แต่ในฐานะคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ เธอก็ดูไม่ออกว่ามีความแตกต่างตรงไหน
หลิว หยวนคุน และคุณปู่โจว เองก็ไม่ได้พูดอะไร แม้พวกเขาจะมีความรู้เกี่ยวกับของเก่าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง พวกเขาดูไม่ออกว่าภาพทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันตรงไหน
“ผมจะอธิบายให้ฟังเอง”
ในที่สุด เย่เฉิน ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงก็พูดขึ้น
“ถ้าดูจากกระดาษ และวัสดุของภาพ มันไม่มีปัญหาอะไร เพราะภาพของคุณเป็นภาพโบราณยุคปลายราชวงศ์หยวนถึงต้นราชวงศ์หมิงจริงๆ”
“แต่ถ้าดูจากเทคนิค และฝีมือการวาด จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน”
เย่เฉิน อธิบายว่า คนที่ทำ ‘ภาพเขียนวัดเงียบบนภูเขาในฤดูใบไม้ร่วง’ ปลอมนี้ขึ้นมาก็ถือว่ามีฝีมือระดับสูง เขาใช้ภาพโบราณยุคปลายราชวงศ์หยวนที่ไม่มีชื่อเสียง และมูลค่ามากนัก มาเป็นฐานในการสร้างภาพปลอมขึ้นใหม่ ด้วยเทคนิคการวาด และการประดิษฐ์ที่ซับซ้อน
แม้คนปลอมภาพจะมีฝีมือสูงมาก แต่ยังคงไม่เทียบเท่ากับระดับปรมาจารย์อย่าง หวังเหมิง
“หวังเหมิง มีสไตล์การวาดที่ผสมผสานระหว่างเทคนิคดั้งเดิม และสไตล์ใหม่ เขาเชี่ยวชาญในการใช้พู่กันขนสั้น และหมึกเข้มเพื่อแสดงลักษณะของพื้นผิวภูเขา เช่น ความแห้ง ชุ่มชื้น หนา บาง สว่าง และนุ่มนวล แต่ละเส้นมีความลึกซึ้งในตัวเอง”
เย่เฉิน อธิบายอย่างมืออาชีพมาก
“แต่ภาพปลอมของคุณ มีเทคนิค และฝีมือที่ด้อยกว่า หวังเหมิง อยู่มาก”
ขณะพูด เย่เฉิน ยังชี้ให้ดูถึงจุดที่แตกต่างระหว่างภาพของแท้ และภาพของปลอม
หลังจากฟังคำอธิบายของ เย่เฉิน และสังเกตภาพอย่างละเอียด ทั้งสามคนก็ถึงกับเข้าใจ และตระหนักได้ทันที
“คุณเย่ เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ”
หลิว หยวนคุน กล่าวชื่นชม
หลิว อวิ๋นลั่ว เองก็สังเกตเห็นความแตกต่างในฝีมือการวาดของทั้งสองภาพ และในที่สุดเธอก็ยอมรับ
“ขอโทษคะ”
หลิว อวิ๋นลั่ว รีบกล่าวขอโทษ เย่เฉิน ที่ก่อนหน้านี้ดูถูกเขา
‘คุณเย่ ช่วยฉันไว้มากขนาดนี้ ฉันจะตอบแทนเขากลับยังไงดี?’
หลิว หยวนคุน ครุ่นคิด นี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ เย่เฉิน เขาไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ไม่นานนัก เขาก็เกิดคิดไอเดียที่ยอดเยี่ยมออกมา!