ตอนที่ 115 เจ้าโง่ สนามแม่เหล็กก็เป็นพลังของฉันเช่นกัน!
ตอนที่ 115 เจ้าโง่ สนามแม่เหล็กก็เป็นพลังของฉันเช่นกัน!
“เจ้าเป็นใคร?”
ทันทีที่เอริคก้าวเข้าสู่สถานที่ลับของแมนดาริน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังจิตอันมหาศาลที่กวาดผ่านทั่วตัวของเขา
ทันใดนั้นด้านหน้าของเอริคก็ปรากฏภาพพระพุทธรูปขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าสงบนิ่งและเสียงทุ้มลึก ทุกคำพูดดังก้องเหมือนเสียงระฆังทองคำ
“เทคนิคช่างไร้ความประณีต! ห่างไกลจากชาร์ลส์อีกเยอะ!” เอริคยิ้มเยาะ สร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าผันผวนออกมา กระตุ้นให้ภาพลวงตาพุทธรูปแตกสลายเผยให้เห็นสถานที่ที่แท้จริง
สถานที่แห่งนี้เป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ เพดานถ้ำติดตั้งแหล่งกำเนิดแสงประดิษฐ์ ผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดแนวตะวันออก ด้านในมีพืชพันธุ์แปลกตาและลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านพืชเหล่านั้นส่งเสียงน้ำไหลเอื่อย ๆ
“เลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว!” เอริคชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ ก่อนจะหันไปมองกำแพงหินด้านขวา ซึ่งมีศาลาเล็ก ๆ ฝังอยู่ในกำแพง และแมนดารินกำลังนั่งอยู่ภายในศาลานั้น
“เจ้าเป็นใคร? กล้ามาบุกรุกสถานที่ลับของข้า!” น้ำเสียงแมนดารินลึกลับและดังก้อง ถึงแม้จะไร้ภาพลวงตา แต่คำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์หยิ่งหยองจนทำให้เอริคอดหงุดหงิดไม่ได้
เอริคไม่ได้ตอบอะไร และมองสังเกตแมนดารินในศาลาขึ้นลงอย่างช้า ๆ แมนดารินในตอนนี้สวมเสื้อคลุมสีดำ ผมสีเทายุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องลึก ดวงตาปิดสนิท มือวางบนเข่า และแต่ละนิ้วล้วนประดับไปด้วยแหวนหลากสี
ซึ่งตอนนี้แหวนที่นิ้วชี้ข้างขวาที่มีไพลินกำลังส่องแสงวิบวับ ทำให้เอริคที่มองเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจทันทีว่าภาพลวงตาก่อนหน้านี้เกิดจากแหวนวงนี้ ซึ่งไม่เพียงสร้างภาพลวงตาได้ แต่ยังเพิ่มพลังจิตให้ผู้สวมใส่อีกด้วย
ส่วนอีกวงหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเอริคไม่แพ้กันก็คือแหวนสีทองฝังอัญมณีสีขาวสองเม็ดที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนวงนี้สร้างสนามแม่เหล็กประหลาดที่ทำให้เอริครู้สึกถึงแรงดึงดูดอย่างรุนแรง
“ทำไมเจ้าไม่ตอบ?” แมนดารินเปิดตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาดำสนิทเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต แต่เมื่อมองเห็นหน้าเอริคชัดเจน ความอาฆาตนั้นก็ลดลงเล็กน้อย
“ข้าเคยคิดว่ามีแต่พวกอนารยชน แต่วันนี้ไม่คิดเลยว่าจะมีลูกหลานแห่งดินแดนแห่งพระเจ้าอยู่ด้วย มาเถิด คำนับข้าสามครั้ง กราบเก้าครั้ง แล้วข้าจะถ่ายทอดเวทย์มนตร์สูงสุดให้เจ้า!”
เวทย์มนตร์บ้าบออะไร! คิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าจริง ๆ หรือไง! เอริคยิ้มและส่ายหน้า ก่อนปล่อยให้ชุดเกราะไวเบรเนียมครอบตัวเขา
เมื่อแมนดารินเห็นดังนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย และยกมือไขว้กันลูบแหวนที่นิ้ว ทำให้แหวนแต่ละวงเริ่มส่องแสงออกมาทีละวง
“เจ้าคิดจะจัดการข้ายังไง?”
“พูดมากจริง!” เอริคคำราม และกระโจนเข้าใส่แมนดารินพร้อมกับหมัดที่พุ่งตรงใส่ใบหน้า
“หึ!” แมนดารินแค่นเสียงอย่างเย็นชา ก่อนที่แหวนที่นิ้วโป้งซ้ายส่องแสงขาวสร้างสร้างผลึกน้ำแข็งในอากาศอย่างกะทันหันพุ่งตรงใส่เอริค ทำให้อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
เอริคหลบอย่างรวดเร็ว แต่แมนดารินเพียงขยับนิ้วเล็กน้อย แสงขาวก็พลันเปลี่ยนทิศและโดนเอริคเข้าเต็ม ๆ
ในชั่วพริบตา เกราะของเอริคก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนา จนเขายืนตัวแข็งเหมือนรูปสลักน้ำแข็ง
“ช่างโง่เขลานัก!” แมนดารินมองผลงานของตนอย่างพอใจ ก่อนจะยกมือเพื่อปล่อยแสงโจมตีเอริคอีกครั้ง
“ซี่ซี่ซี่!” ทันใดนั้นภายในน้ำแข็ง ชุดเกราะของเอริคก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง พร้อมกับน้ำแข็งรอบ ๆ ที่ละลายอย่างรวดเร็วเหมือนถูกโยนลงกระทะร้อน ทำให้ไอน้ำขาวหนาทึบปกคลุมแมนดารินทันที
“หืม?” แมนดารินประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ แหวนที่นิ้วกลางขวาเริ่มส่องแสงอีกครั้ง พร้อมกับพลังลมที่มองไม่เห็นพัดก่อตัวเป็นพายุหมุนความเร็วสูงล้อมรอบตัวเอริคเอาไว้
ทันใดนั้นไอน้ำขาวก็ถูกพัดหายไปในพริบตา แต่เอริคกลับยืนนิ่งเหมือนตะปูที่ถูกตอกลงบนดิน
“ไม่กลัวน้ำแข็ง แล้วไฟล่ะ?” แมนดารินพูดพลางยกมือซ้ายขึ้น แหวนที่นิ้วนางเริ่มปลดปล่อยเปล่งแสงอันร้อนแรงออกมา ก่อนที่แสงนั้นสร้างเปลวไฟขึ้นมาทันที
เปลวเพลิงพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าเอริคอย่างจัง ถึงแม้จะมีหน้ากากไวเบรเนียมกั้นอยู่ แต่เอริคก็ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผดเผาอย่างรุนแรงได้อย่างชัดเจน!
หลังจากประเมินสถานการณ์ครู่หนึ่ง เอริคก็ควบคุมไวเบรเนียมเพื่อปิดช่องว่างสุดท้ายบนหน้ากากจนสนิท และใช้การตรวจจับสนามแม่เหล็กเป็นตัวนำทางพุ่งตรงเข้าใส่แมนดารินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีเปลวเพลิงล้อมรอบตัวก็ตาม
“เกราะชั้นดี!” ดวงตาแมนดารินแวววับทันที เขามองเกราะไวเบรเนียมของเอริคด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ “ถ้าเจ้ามอบเกราะนี้ให้ข้า ข้าจะให้อภัยในสิ่งที่ผ่านมาและปล่อยเจ้าไป!”
เอริคกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย และตัดสินใจไม่เสียเวลาพูดกับคนที่เหมือนจะเป็นโรคหลงตัวเองขั้นรุนแรง และตัดสินใจต่อสู้ระยะประชิดเพียงอย่างเดียว
เมื่อเห็นว่าเอริคไม่สนใจข้อเสนอ ดวงตาแมนดารินก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขากำหมัดขวาและกดนิ้วโป้งลงเหมือนกำลังกดแมลงตัวจิ๋ว
ทันใดนั้นควันดำก็ถูกปล่อยออกมาจากแหวน และลอยลงมาปกคลุมหัวของเอริคอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นดำสนิท ทำให้เอริคที่อยู่ในนั้นไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย
‘หมอนี่ป่วยจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่เห็นหรือไงว่าหน้ากากของฉันปิดตาอยู่แล้ว? การโจมตีแบบทำให้มองไม่เห็นนี่ไม่มีผลอะไรเลย!’ เอริคพูดเยาะเย้ยในใจ เพราะความมืดมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ๆ กับเขาเลย
หลังจากใช้พลังจากแหวนหลายวงติดต่อกัน แต่ไม่สามารถทำให้เอริคบาดเจ็บได้เลย แมนดารินก็เริ่มสับสน และยกนิ้วชี้ซ้ายแตะที่แหวนเหมือนจะปลดปล่อยพลัง แต่เขาก็ลังเลและดึงมือกลับในที่สุด
ซึ่งด้วยความลังเลชั่วขณะนี้เอง เอริคก็พุ่งเข้าประชิดตัวแมนดารินเรียบร้อยแล้ว พร้อมเหวี่ยงหมัดเหล็กตรงไปที่ศีรษะของแมนดาริน
ถึงแม้ว่าแมนดารินจะพึ่งพาพลังจากแหวนทั้งสิบวง แต่เขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยให้เอริคโจมตีได้ง่าย ๆ แมนดารินถอยหลังเล็กน้อยหลบหมัดของเอริคไปได้อย่างฉิวเฉียด และใช้มือขวาแตะชุดเกราะไวเบรเนียมเบา ๆ
ในขณะเดียวกันเมื่อพลาดการโจมตีแรก เอริคก็ไม่เสียเวลาปรับเปลี่ยนวิธี เขาพุ่งเข้าหาแมนดารินเต็มแรง ราวกับคนบ้าที่ไม่เกรงกลัวความตาย
เมื่อเห็นหมัดของเอริคที่กำลังจะปะทะกับตัวเอง แมนดารินก็แสยะยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับแหวนที่นิ้วนางขวาส่องแสงออกมา คลื่นสั่นสะเทือนอันรุนแรงถูกปล่อยจากแหวน แทรกผ่านเกราะไวเบรเนียมและกระแทกโดนเอริคโดยตรง
‘พลังสั่นสะเทือน! ความสามารถเดียวกับของสกาย!’ เอริคกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด ก่อนเหวี่ยงหมัดเข้าใส่แมนดารินอีกครั้ง
แมนดารินยังคงแสดงท่าทีของปรมาจารย์อย่างไม่เกรงกลัว เขาจ้องมองหมัดที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และเบี่ยงศีรษะหลบในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะโดนหน้าของเขา
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันแตกต่างออกไป ขณะที่แมนดารินเบี่ยงศีรษะเพื่อหลบหมัด ทันใดนั้นหนามแหลมหลายสิบอันก็ปรากฏขึ้นจากหมัดของเอริคพุ่งตรงไปที่ศีรษะของแมนดาริน
“หึ! เล่ห์เหลี่ยมกระจอก! คิดว่าข้าจะโง่หรือ?” แมนดารินเยาะเย้ย ราวกับเขาเตรียมตัวไว้แล้ว ทันใดนั้นแหวนที่นิ้วก้อยซ้ายที่เอริคจับตามองเป็นพิเศษก็เปล่งแสงสว่างออกมา พร้อมกับสนามแม่เหล็กพลุ่งพล่านที่ทำให้หนามไวเบรเนียมไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่นิดเดียว!
“เจ้าเด็กโง่ สนามแม่เหล็กก็เป็นอาวุธของข้าเช่นกัน!”
เมื่อเอริคเห็นเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย ทำไมความสามารถของแหวนแมนดารินมันถึงดูยุ่งเหยิงแบบนี้ . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …