ตอนที่ 11 สาขาตระกูลกู้
ตอนที่ 11 สาขาตระกูลกู้
“คุณชาย ข้านั่งที่นี่ได้หรือไม่?”
เบื้องล่าง กู่เยว่เสวียนเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะของกู้ฉางชิง นางเปลี่ยนจากท่าทางเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ กลายเป็นเสียงหวานอ่อนโยนเอ่ยถาม
แม้จะเป็นการถาม แต่ตัวนางกลับนั่งลงไปเรียบร้อยแล้ว
กู้ฉางชิงเงยหน้ามองนางแวบหนึ่ง
“ไม่ได้”
สิ้นเสียง กู้ฉางชิงหันไปมองทางอื่น ไม่ใส่ใจราวกับกู่เยว่เสวียนไม่มีตัวตน
“หา?”
กู่เยว่เสวียนนิ่งอึ้งไป
นางคาดเดามาหลายแบบ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
นางถูกปฏิเสธ แถมยังถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ใบหน้าของนางเปลี่ยนสีสลับไปมา ทั้งเขียวทั้งขาว
คำว่า "ไม่ได้" ของกู้ฉางชิง กลับทำให้ทุกคำพูดที่นางเตรียมไว้ถูกปิดทางจนหมดสิ้น
เหตุการณ์บนชั้นสองเมื่อครู่วุ่นวายเกินไป ต่อให้กู้ฉางชิงไม่อยากสนใจก็ทำไม่ได้
เขาไม่คิดว่าตนเองมีอะไรต้องพูดคุยกับหญิงสาวเย่อหยิ่งคนนี้
เพียงเสียเวลาเปล่า
กู่เยว่เสวียนกลั้นความโกรธในใจไว้สุดกำลัง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
เมื่อกลับขึ้นมาชั้นสอง ใบหน้าของกู่เยว่เสวียนที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธมองตรงไปยังกู้ชิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ลำพัง
“ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าซึ่งเป็นศิษย์นอกต่ำต้อยจะนั่งได้หรือ? ลงไปชั้นล่างเดี๋ยวนี้!”
กู้ชิงเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะหาที่นั่งอย่างไม่ใส่ใจ
“ศิษย์พี่กู่ อย่าโกรธเลย ๆ เจ้าเด็กคนนั้นช่างไม่รู้คุณค่าเสียจริง”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่กู่ที่เมตตามองเขานับว่าเป็นโชคดีของเขา หากเขารู้ว่าศิษย์พี่กู่เป็นถึงบุตรสาวของรองหัวหน้าสำนักใจพิสุทธิ์ เกรงว่าคงเสียใจจนตาย”
“หากไม่ติดว่าบนเรือนนี้ห้ามต่อสู้ ข้าคงต้องลงไปสั่งสอนเขาแทนศิษย์พี่เสียหน่อย”
กลุ่มศิษย์ที่รายล้อมต่างพากันปลอบโยนกู่เยว่เสวียน
หลังจากได้รับคำปลอบใจ สีหน้าของกู่เยว่เสวียนก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
แต่ฉากต่อไปที่นางเห็น กลับทำให้นางโกรธจนแทบระเบิด
สายตาของกู่เยว่เสวียนจับจ้องไปยังชั้นล่าง ตรงที่กู้ชิงเอ๋อร์นั่งอยู่
ที่นั่นเอง ไม่รู้ว่ากู้ฉางชิงไปปรากฏตัวตรงหน้ากู้ชิงเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อไร ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอะไรกันบางอย่าง…
หน้าอกของกู่เยว่เสวียนสะท้อนขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธ
ศิษย์จากสำนักใจพิสุทธิ์ต่างก็เห็นฉากนี้ พากันเงียบกริบ
คราวนี้แม้แต่จะปลอบโยน พวกเขาก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
มันเหมือนเป็นการตบหน้านางอย่างแรง…
เมื่อครู่ กู่เยว่เสวียนเพิ่งจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักกู้ฉางชิงด้วยตัวเอง แต่กู้ฉางชิงกลับไม่แม้แต่จะพูดตอบคำเดียว และทำราวกับนางเป็นอากาศ
แต่ตอนนี้กู้ฉางชิงที่ไม่เคยแยแสนาง กลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหากู้ชิงเอ๋อร์ด้วยตัวเอง…
ในใจของกู่เยว่เสวียนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ!
ทำไม!
ทำไมผู้ชายทุกคนถึงได้เอาแต่สนใจนังเด็กคนนั้น?
ศิษย์พี่หานก็เป็นเช่นนี้ และตอนนี้กู้ฉางชิงก็เป็นเช่นนี้อีก
เพราะอะไร? เพราะนางสวยกว่างั้นหรือ?
ด้านล่าง กู้ฉางชิงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหากู้ชิงเอ๋อร์
แต่ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของนาง แม้ว่ากู้ชิงเอ๋อร์จะดูงดงาม แต่หากเทียบกับเจียงเหลียนซินภรรยาของเขาแล้ว ยังห่างไกลอยู่มาก
สิ่งที่ทำให้กู้ฉางชิงสนใจกู้ชิงเอ๋อร์คือความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้
กู้ชิงเอ๋อร์ที่จู่ ๆ ถูกกู้ฉางชิงเดินเข้ามาหาก็เหมือนกระต่ายน้อยที่ถูกข่มขู่ ตัวหดเล็กลงพลางเหลือบมองไปยังชั้นสอง เห็นกู่เยว่เสวียนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจัด นางได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว
“ข้านั่งตรงนี้ได้หรือไม่?”
กู้ฉางชิงถามพลางยิ้ม เมื่อเห็นกู้ชิงเอ๋อร์ที่ดูประหม่า
“ดะ… ได้เจ้าค่ะ” กู้ชิงเอ๋อร์ตอบเบา ๆ ด้วยเสียงอ่อนแอ
เมื่อกู้ฉางชิงนั่งลง เขากล่าวว่า “ข้าพูดแล้วเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยอะไรบางอย่างในตัวเจ้า ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน”
สิ้นคำพูด กู้ฉางชิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เกรงว่าสิ่งที่เขาพูดไปอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นข้ออ้างเพื่อจีบหรือเปล่า
อืม…
มันอาจจะดูเหมือนข้ออ้าง แต่เขาพูดความจริง กู้ฉางชิงรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่างในตัวนาง ซึ่งมันประหลาดมาก เพราะนี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันจริง ๆ
กู้ชิงเอ๋อร์จ้องมองกู้ฉางชิงทันที
“คุณชายเองก็รู้สึกแบบนี้หรือ? ที่จริง... ข้าก็รู้สึกเช่นกัน แต่ว่าเราชัดเจนว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยนี่นา”
“แม่นางแซ่กู้หรือไม่?” กู้ฉางชิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถาม
กู้ชิงเอ๋อร์พยักหน้าถี่ ๆ “ข้านามว่ากู้ชิงเอ๋อร์”
“กู้ฉางชิง”
กู้ชิงเอ๋อร์ตาโตด้วยความตกใจ “คุณชายก็แซ่กู้เหมือนกันหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความรู้สึกคุ้นเคยที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงความบังเอิญ
กู้ฉางชิงเริ่มเข้าใจเรื่องราวแล้ว
กู้ชิงเอ๋อร์ตรงหน้าเขา อาจไม่ใช่ญาติสนิทของเขา
แต่พวกเขาเป็นคนในตระกูลเดียวกัน!
ตระกูลกู้ ในช่วงรุ่งเรืองเมื่อหลายหมื่นปีก่อน มีสมาชิกสายตรงนับหมื่นคน และสายรองก็มีมากกว่านั้นอีก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลกู้เสื่อมถอยลง ถูกแยกย้ายกระจัดกระจายไปทั่วแดนวิญญาณ บางส่วนยังออกไปไกลถึงนอกแดนวิญญาณ
จนถึงปัจจุบันที่ผ่านมาหลายหมื่นปี สาขาที่เหลืออยู่ของตระกูลกู้อาจมีไม่มากแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่
ตระกูลกู้ที่กู้ชิงเอ๋อร์สังกัดอยู่ก็คือหนึ่งในสาขาที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลกู้ในอดีต
ส่วนตระกูลกู้ในเมืองเจียงหลินที่กู้ฉางชิงอาศัยอยู่ ก็เป็นอีกหนึ่งในสาขาเหล่านั้นเช่นกัน
“หมายความว่า พี่ฉางชิงกับข้าเป็นคนในตระกูลเดียวกันหรือ? ไม่น่าแปลกเลยที่เพียงมองพี่ฉางชิงครั้งแรก ข้าก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเชื่อมโยง นี่คงเป็นเพราะ... สายเลือดเดียวกันที่ไหลเวียนในร่างกายของเรา”
กู้ชิงเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นมาก เรื่องราวของตระกูลกู้เคยถูกบิดาของนางเล่าให้ฟัง ทำให้นางทราบว่าครั้งหนึ่งตระกูลกู้เคยแข็งแกร่งถึงเพียงไหน
แต่บิดาก็เคยกล่าวไว้ว่าปัจจุบันตระกูลกู้ยังคงเหลืออยู่เพียงไม่กี่สาขา และไม่มีใครรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง
บางทีอาจเหลือเพียงสาขาของพวกเขาเท่านั้นก็ได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บิดาของนางพยายามสืบหาข่าวคราวของคนในตระกูลกู้ที่เหลืออยู่ แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ใด ๆ
แต่กลับเป็นนางที่ได้พบกับผู้คนจากสาขาอื่นของตระกูลกู้ก่อนเสียเอง
“จักรวรรดิฮั่นฉิน?”
“ช่างไกลเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่บิดาจะไม่ได้ข่าวใด ๆ เลย จักรวรรดิฮั่นฉินนั้นอยู่ห่างไกลมาก”
ระหว่างการสนทนา กู้ฉางชิงได้ทราบว่าตระกูลกู้ของกู้ชิงเอ๋อร์ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ชื่อว่า “เกาะหวังฉิน”
พลังของตระกูลบนเกาะนั้นอ่อนแอกว่าตระกูลกู้ในเมืองเจียงหลินอย่างมาก ในตระกูลไม่มีแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับขอบเขตวิบากกรรม
คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล คือบิดาของกู้ชิงเอ๋อร์ผู้มีพลังระดับวิญญาณแท้จริงขั้นเก้าเต็มขั้น ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมากทีเดียว
จากนั้น ทั้งสองคุยกันต่ออีกนานจนกู้ชิงเอ๋อร์ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ข้าทนรอไม่ไหวแล้วที่จะบอกข่าวนี้กับบิดา หากบิดารู้เรื่องนี้ เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ”
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ด้านบนชั้นสองของโรงน้ำชา กู่เยว่เสวียนที่มองลงมาพลันเดือดดาลจนหมดความอดทน นางสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าห้องพักทันที เพื่อไม่ให้เห็นก็จะได้ไม่ต้องขัดใจ
ในใจนางเริ่มวางแผนว่าจะจัดการลงโทษกู้ชิงเอ๋อร์อย่างไรดี
คืนนั้นกู้ฉางชิงและกู้ชิงเอ๋อร์พูดคุยกันยาวจนดึก กว่ากู้ชิงเอ๋อร์จะตัดใจลุกขึ้นกลับไป
“พี่ฉางชิง ข้าต้องกลับแล้ว หากไม่กลับ ศิษย์พี่กู่คงโกรธแน่ ๆ”
กู้ฉางชิงยกมือขึ้นห้าม พร้อมส่งสัญญาณให้นางนั่งลง
“กลับเร็วหรือกลับช้า จะต่างกันอย่างไร?”
“ถึงเจ้าจะกลับเร็ว นางก็ไม่ได้จะเลิกหาเรื่องเจ้าอยู่ดีใช่หรือไม่?”
กู้ชิงเอ๋อร์นิ่งไป กู้ฉางชิงพูดความจริง
“นั่งลงเถิด ตั้งแต่วันนี้ไป ตราบใดที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก ส่วนเรื่องสำนักใจพิสุทธิ์นั้น หากเต็มไปด้วยคนเช่นนางก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอยู่ที่นั่น”
กู้ฉางชิงแน่วแน่ว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้กู้ชิงเอ๋อร์กลับไปแน่ ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่านางเป็นคนในตระกูลเดียวกัน แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้ว เขาจะไม่ยอมให้นางถูกกดขี่ข่มเหงต่อไป และเรื่องที่กู่เยว่เสวียนรังแกกู้ชิงเอ๋อร์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่าน
คนในตระกูลกู้ของเขา ไม่ใช่ใครจะรังแกได้ตามอำเภอใจ
“แต่ว่า...”
กู้ชิงเอ๋อร์ยังคงลังเล
นางได้รับรู้สถานการณ์ของตระกูลกู้ในเมืองเจียงหลินจากคำบอกเล่าของกู้ฉางชิง แม้จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลกู้บนเกาะหวังฉินอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากพอ หากต้องเผชิญหน้ากับสำนักใจพิสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่นั้น…
ต้องไม่ลืมว่าสำนักใจพิสุทธิ์ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งขั้นราชาอยู่ด้วย…
ตัวนางถูกกดขี่ข่มเหงยังพอทน แต่นางไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบไปถึงกู้ฉางชิงและตระกูลกู้ในเมืองเจียงหลิน
“ไม่มีอะไรที่ต้องแต่หรือไม่แต่ ข้าจะจัดการให้เจ้าได้พักห้องหนึ่ง อยู่ข้างห้องข้าเลยก็แล้วกัน”
น้ำเสียงของกู้ฉางชิงเต็มไปด้วยความหนักแน่น ไม่เปิดโอกาสให้กู้ชิงเอ๋อร์ปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น