ตอนที่ 6 เจียงเหลียนซินตกตะลึง
ตอนที่ 6 เจียงเหลียนซินตกตะลึง
“กระดูกศักดิ์สิทธิ์? กระดูกศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็งลึกลับ? ไม่จริงหรอก สามีท่านต้องเข้าใจผิดแน่ๆ กระดูกในร่างของข้าจะเป็นกระดูกศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกัน...”
กระดูกวิญญาณและกระดูกศักดิ์สิทธิ์ แม้ต่างกันเพียงคำเดียว แต่กลับมีความแตกต่างราวฟ้ากับเหว
เจียงเหลียนซินย่อมรู้ดีว่ากระดูกศักดิ์สิทธิ์คืออะไร ผู้ที่มีกระดูกศักดิ์สิทธิ์ในร่าง ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะของโลก พวกเขาคือบุคคลที่แม้แต่สำนักใหญ่หรือราชวงศ์ยังต้องแย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
นางไม่อยากเชื่อเลยว่ากระดูกในร่างของนางจะเป็นกระดูกศักดิ์สิทธิ์
แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง...
ระหว่างที่พูด เจียงเหลียนซินเริ่มลังเลและเริ่มเชื่อเล็กน้อย
เมื่อคิดถึงโอสถฟื้นฟูวิญญาณเจ็ดประการที่สามีของนางนำมาให้เมื่อวาน นางก็เริ่มรู้สึกว่ามันอาจเป็นความจริง
กระดูกในร่างของนาง...จะเป็นกระดูกศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ?
หากคำพูดนี้มาจากผู้อื่น นางคงไม่เชื่อ แต่เพราะมันมาจากปากของสามี นางกลับเริ่มเชื่อ
ในสายตาของเจียงเหลียนซินตอนนี้ กู้ฉางชิงไม่ใช่เพียงคุณชายจากตระกูลเล็กธรรมดาอีกต่อไป
คุณชายธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถรักษากระดูกวิญญาณที่แตกละเอียดของนางได้หรือ? อย่าลืมว่ากระทั่งราชันโอสถยังไม่มีวิธีรักษาเลย
แม้นางจะสงสัยที่มาของโอสถฟื้นฟูวิญญาณเจ็ดประการ หรือเหตุผลที่กู้ฉางชิงมั่นใจนักว่ากระดูกในร่างของนางคือกระดูกศักดิ์สิทธิ์ แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
หากกู้ฉางชิงอยากบอก เขาย่อมจะพูดเอง
หากเขาไม่พูด ย่อมมีเหตุผลของเขา
“ภรรยาที่รัก ตอนนี้กระดูกศักดิ์สิทธิ์ในร่างเจ้าฟื้นฟูแล้ว ต่อไปเจ้าคงจะกลายเป็นราชินีแห่งอนาคต เจ้าจะยังเห็นค่าชายธรรมดาจากตระกูลเล็กเช่นข้าอยู่ไหม?”
เจียงเหลียนซินพลิกตัวกดกู้ฉางชิงไว้ใต้ร่าง ดวงตางดงามจับจ้องเขาแน่น
“สามี ข้ารู้ว่าท่านแค่ล้อเล่น แต่ข้าขอบอกไว้ว่าทุกสิ่งที่ข้ามี ล้วนมาจากท่าน ต่อให้ในอนาคตข้าจะเป็นเจ้าแห่งฟ้าดินหรือจักรพรรดินี ข้าก็จะเป็นผู้หญิงของท่าน เป็นภรรยาของท่านเสมอ”
เจียงเหลียนซินที่เคยเยือกเย็น กลับเผยความอ่อนโยนร้อนแรงออกมาในยามอยู่ต่อหน้ากู้ฉางชิง
“หากกระดูกในร่างของข้าเป็นกระดูกศักดิ์สิทธิ์จริง ในอนาคตข้าจะปกป้องท่านเอง ข้าจะเป็นดาบของท่าน ท่านต้องการให้ข้าสังหารใคร ข้าจะทำตาม”
เพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความรักลึกซึ้งที่เจียงเหลียนซินมีต่อกู้ฉางชิง
“ภรรยาที่รัก ตอนนี้ยังเช้า เรามา...”
เจียงเหลียนซินเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร นางจึงเอนตัวลงไปบนร่างของกู้ฉางชิง
การประลองรักเริ่มต้นอีกครั้ง
จนถึงช่วงบ่าย กู้ฉางชิงและเจียงเหลียนซินจึงลุกจากเตียง
“ภรรยาที่รัก มาสู้กันอีกสามร้อยรอบเถอะ!”
“อา...สามี ข้าว่าไว้พรุ่งนี้เถิด เจ้าตัวข้าคงไม่เป็นไร แต่ท่านน่ะ...”
คำพูดของเจียงเหลียนซินทำให้กู้ฉางชิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เส้นดำสามเส้นเหมือนจะลอยขึ้นมาบนหัวของเขา
พูดอะไรกันนี่!
มันหมายความว่ายังไงกัน!
เดี๋ยวเถอะ ถ้าข้าดึงกระดูกศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดหรือร่างศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างออกมาได้ เจ้าจะต้องลำบากแน่!
“ข้าหมายถึงการต่อสู้จริงจังสามร้อยกระบวนท่า เจ้าคิดไปถึงไหนกัน”
ทั้งสองมายืนประจันหน้ากันในลานบ้าน
กู้ฉางชิงต้องการทดสอบว่าความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาอยู่ในระดับไหน
เจียงเหลียนซินผู้มีร่างศักดิ์สิทธิ์พอดีเป็นคู่ทดสอบที่สมบูรณ์แบบ
ระดับวิญญาณแท้จริง ปะทะ ขอบเขตวิบากกรรม!
นี่ไม่ใช่ความบ้าบิ่น แต่เป็นความมั่นใจ
เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ และค่ายกลดาบพิชิตเซียน มอบความมั่นใจอันสมบูรณ์แบบให้กับเขา!
แม้ในตอนนี้เขาจะอยู่เพียงระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่ แต่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตวิบากกรรมทั่วไปก็อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือเขาได้
“การต่อสู้จริงจังหรือ?”
“ก็ได้ สามี ท่านต้องการให้ข้าจำกัดพลังลงมาที่ระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่หรือไม่?”
หลังจากกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของนางได้รับการฟื้นฟู ความมั่นใจในฐานะอัจฉริยะของเจียงเหลียนซินก็กลับมาอีกครั้ง
ไม่ได้หมายความว่านางดูแคลนสามี
แต่ในระดับพลังเดียวกัน นางไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร แม้แต่ศิษย์นักพรตหญิงจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชางหลันที่ครั้งหนึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อนางในห้ากระบวนท่า
เมื่ออยู่ในระดับพลังเดียวกันยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้ฉางชิงที่มีพลังน้อยกว่านางอยู่สองขั้น เพียงระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่
ในมุมมองของเจียงเหลียนซิน การลดระดับพลังของนางลงมาถึงระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่อาจจะยังเป็นการเอาเปรียบสามีอยู่
กู้ฉางชิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกภรรยามองว่าอ่อนด้อย
ดูเหมือนวันนี้จะต้องแสดงให้เจียงเหลียนซินเห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว
“ไม่ต้องหรอก การต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องออมแรง”
“อย่าดูถูกข้าเพียงเพราะระดับพลังของข้าอยู่แค่ระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่ เพราะเจ้าอาจไม่ใช่คู่มือของข้าก็เป็นได้”
ระดับพลังของเจียงเหลียนซินในตอนนี้คือขอบเขตวิบากกรรมขั้นแรก
แต่ด้วยพลังและร่างศักดิ์สิทธิ์ของนาง นางสามารถต่อกรกับผู้ที่อยู่เหนือกว่าหลายขั้นได้ง่ายดาย พลังของนางแทบจะทัดเทียมกับกู้หยวน บิดาของกู้ฉางชิง ฃซึ่งอยู่ในระดับขอบเขตวิบากกรรมขั้นสูงสุด
การต่อสู้เหนือชั้นสองสามขั้นนั้น สำหรับเจียงเหลียนซินที่มีกระดูกศักดิ์สิทธิ์ ฃนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
กู้ฉางชิงสูดหายใจลึก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ค่ายกลดาบพิชิตเซียน ฃปรากฏ!
ในการเผชิญหน้ากับเจียงเหลียนซิน ผู้มีร่างศักดิ์สิทธิ์และเป็นอัจฉริยะล้ำเลิศ กู้ฉางชิงรู้ดีว่าเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิที่เขามี ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะได้
สิ่งที่เขาต้องการคือค่ายกลดาบพิชิตเซียน!
ดาบวิญญาณทั้งสี่เล่มพุ่งออกมาจากถุงเก็บของของกู้ฉางชิง ก่อนจะตกลงในตำแหน่งทั้งสี่ของลานบ้าน ในพริบตาทัศนียภาพโดยรอบก็หายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือโลกสีขาวจางรอบด้าน
ค่ายกลดาบพิชิตเซียนถูกสร้างขึ้น!
“ภรรยาที่รัก ระวังตัวด้วย”
เมื่อยื่นมือออกไป ดาบวิญญาณเล่มหนึ่งก็ปรากฏในมือของกู้ฉางชิงทันที เขาฟันดาบออกไปทางเจียงเหลียนซินอย่างรวดเร็ว!
กระบวนดาบพิฆาตเมฆา สามกระบวนท่า!
กระบวนดาบพิฆาตเมฆา เป็นกระบวนท่าดาบหลักของตระกูลกู้ แม้จะเป็นเพียงวิชาดาบระดับสวรรค์ขั้นต่ำ แต่เมื่อได้รับพลังเสริมจากค่ายกลดาบพิชิตเซียน พลังการสังหารก็ทะลุเกินขอบเขตของวิชาดาบระดับสวรรค์ขั้นต่ำไปแล้ว!
เจียงเหลียนซินที่อยู่เบื้องหน้า สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นจริงจังเช่นกัน
นางเริ่มตระหนักว่านางอาจประเมินสามีของนางต่ำเกินไป และต่ำเกินไปอย่างมาก
แสงที่ปกคลุมลานบ้านอย่างฉับพลันนี้มันคืออะไรกัน?
ระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่ พูดตามตรง ครั้งหนึ่งในอดีตนางสามารถจัดการคนในระดับนี้ได้ในกระบวนท่าเดียว แม้ยืนนิ่งให้ฝ่ายตรงข้ามฟัน พวกเขายังอาจไม่สามารถทำให้นางได้รับบาดเจ็บเลย
แต่ในตอนนี้ การเผชิญหน้ากับกู้ฉางชิงและดาบที่พุ่งเข้ามา นางกลับสัมผัสได้ถึงความคุกคาม?
ดาบจากระดับวิญญาณแท้จริงขั้นสี่ ทำให้นางรู้สึกถึงอันตรายได้?
แม้แต่นางเองยังแทบไม่อยากเชื่อ
เจียงเหลียนซินไม่กล้าประมาท ยกดาบขึ้นเพื่อปะทะกับดาบที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว