บทที่ 17 การล้อเลียน
บทที่ 17 การล้อเลียน
เนื่องจากยังมีเวลาอีกสักพักก่อนถึงเวลาอาหารเย็น แม็กซ์จึงไปที่ห้องสมุดเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมานาและข้อกำหนดในการเป็นนักเวทย์มือใหม่ นักเวทย์ระดับ 1 ดาว นักเวทย์ระดับ 2 ดาว เป็นต้น
เขาเดินไปได้ไม่กี่นาทีก็ถึงห้องสมุดแล้ว มันเป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่ที่ใช้เป็นห้องสมุด มีชั้นหนังสือมากมายเต็มไปหมด เขาเดินไปที่แผนกนักเวทย์ซึ่งมีรายละเอียดส่วนใหญ่ที่คนทั่วไปรู้จัก
เขาหยิบหนังสือสองสามเล่มขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็วและพบสิ่งที่เขากำลังมองหา แต่เขากลับประหลาดใจกับสิ่งหนึ่ง
ไม่ใช่เพราะเขาอ่านอะไรในหนังสือ แต่เพราะเขาสามารถอ่านได้ เขาจำบรรพบุรุษของเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงอ่านภาษาของพวกเขาได้ล่ะ
“พอคิดดูอีกที ฉันก็สามารถเข้าใจว่าคนอื่นพูดอะไร มันน่าจะเป็นความทรงจำพื้นฐานที่ไม่ถูกลบออกไป” แม็กซ์คิดได้อย่างนี้เขาก็ไม่สนใจอะไร
การจำแนกระดับของนักเวทย์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายประการ การมีมานาในปริมาณที่เพียงพอก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยากจะคำนวณได้ แต่มันน่าจะเช่นเดียวกับน้ำที่วัดเป็นหน่วยได้เช่นกัน
มานาเป็นตัวขับเคลื่อนของเวทมนตร์ หากมานาไม่เพียงพอ คุณก็ไม่มีทางที่จะกลายเป็นนักเวทย์ได้ และทำได้เพียงเป็นยามให้กับครอบครัวขุนนาง หรือเลือกเป็นนักรบที่ไม่ใช่นักเวทย์ หรือเลือกอาชีพอื่นที่คล้ายกับช่างตีเหล็กเพื่อหาเลี้ยงชีพ
โดยรวมแล้วการมีมานาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดหากคุณต้องการเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง
บุคคลจะถือว่าเป็นนักเวทย์มือใหม่ก็ต่อเมื่อเขาหรือเธอมีมานาอย่างน้อยหนึ่งร้อยหน่วย มานาห้าร้อยหน่วยจะทำให้คุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งดาว มานาหนึ่งพันหน่วยก็มีคุณสมบัติเป็นนักเวทย์ระดับสองดาว มานาหนึ่งหมื่นหน่วยจะทำให้คุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเวทย์ระดับสามดาว เป็นต้น
'หน่วยมานาเหล่านี้น่าจะเทียบเท่ากับแต้มมานาของฉัน' แม็กซ์คิดและมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้น
'ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าตอนนี้ฉันมีพลังมากกว่านักเวทย์มือใหม่แล้วไม่ใช่หรือ?' เขารู้สึกประหลาดใจกับความคิดนี้ เขามีมานา 308 แต้ม ซึ่งหมายความว่าเขาอยู่ห่างจากการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งดาวอีกเพียงแค่ 192 แต้มเท่านั้น
“ไปกินข้าวเย็นกับทุกคนกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะทดสอบความแข็งแกร่งของฉันกับลิลลี่ ฉันอย่างรู้ว่าเธอแข็งแกร่งกว่านักเวทย์ระดับหนึ่งดาวตามที่เธอบอกฉันหรือไม่?”
จากนั้นเขาก็ออกจากห้องสมุดและเดินไปที่ห้องอาหาร
….
เมื่อไปถึงห้องอาหารเขาก็พบว่าแอนนา เอมิลี่ โนอาห์และวิลเลียม พี่ชายอีกสองคนของเขา พร้อมด้วยโคลอีและอีวา ภรรยาของพวกเขา ได้นั่งประจำที่อยู่แล้ว
เมื่อเห็นแม็กซ์เดินเข้ามา แอนนาก็โบกมือทักทายอย่างร่าเริง ในขณะที่เอมิลี่ สาวผมบลอนด์สุดสวยพยักหน้าเล็กน้อย แม็กซ์มองทั้งสองคนด้วยความมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนความรู้สึกอย่างรวดเร็วและโบกมือและยิ้มตอบเพื่อทักทาย
“โอ้ นั่นน้องชายไร้ค่าของฉันเหรอ ดีใจจังที่ได้เห็นนายอารมณ์ดีหลังจากฟื้นจากอาการบาดเจ็บร้ายแรง แต่ฉันก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะฉันคิดว่าอย่างน้อยครึ่งปีฉันถึงได้เห็นหน้ากวนๆ แบบนี้ของนาย” จู่ๆ วิลเลียม พี่ชายของเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
โนอาห์หัวเราะและพูดว่า “มันเป็นเรื่องจริงสินะ ที่คนไร้ประโยชน์มีชีวิตอยู่ได้เป็นพันปี ในขณะที่ฮีโร่ต้องตายก่อนวัยอันควร” โคลอีภรรยาของเขาเอามือปิดปากข้างหนึ่งแล้วหัวเราะคิกคัก ขณะที่วิลเลียมและอีวาก็หัวเราะเช่นกัน
แม็กซ์มองดูพวกเขาทั้งสองอย่างใจเย็นโดยไม่พูดอะไร แต่ดวงตาของเขามีแววตาเย็นชา
แอนนาแตกต่างจากแม็กซ์ เธอโกรธจัดเมื่อได้ยินพวกเขาล้อเลียนแม็กซ์และชี้ไปที่โนอาห์ "พี่ชาย ทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้นกับเขา เขาเป็นน้องชายของเรา พี่ณไม่ควรล้อเลียนเขาเพียงเพราะเขาอ่อนแอ ถ้าพี่ยังทำต่อไป ฉันจะบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้" โนอาห์และแอนนาเป็นแม่คนเดียวกัน โนอาห์อายุ 22 ปี ส่วนแอนนาอายุ 20 ปี
โนอาห์เดาะลิ้นด้วยความรำคาญ “พ่อจะว่าอะไรได้ เพราะเราพูดแค่ความจริงเท่านั้น ..และทำไมพ่อถึงยังยึดติดกับเขาอยู่เสมอ อำนาจและศักดิ์ศรีของพ่อก็จะสูญเปล่าถ้าพ่อคบหาสมาคมกับเขา”
“ใช่แล้ว แอนนา เธอไม่ควรอยู่ใกล้ขยะอย่างเขานะ ฮ่าฮ่าฮ่า” วิลเลียมพูดพร้อมหัวเราะเยาะออกมา
“พี่…” แอนนาโกรธจัดจนพูดไม่ออก
“พอได้แล้ว! ถ้าเธอพูดอะไรไร้สาระอีก ฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะแสดงให้เธอเห็นว่าพวกเธอสองคนเป็นขยะขนาดไหน” เอมิลี่ขัดขึ้นมาอย่างเย็นชา
แม็กซ์มองดูพี่สาวอีกคนของเขาที่ห่วงใยเขาอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกอบอุ่นในใจ
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์ต่อพวกพี่น้องหรือไม่ หากเขามีใครสักคนที่ห่วงใยเขาก็พอแล้ว
โนอาห์และวิลเลียมหัวเราะออกมาอย่างอึดอัดและหยุดพูดอย่างไม่เต็มใจ
ต่อหน้าเอมิลี่ พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้มากนักเพราะเธอเป็นนักเวทย์ระดับสองดาวแล้วและพวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับเธอ อย่างไรก็ตาม มีเสียงแห่งความเย่อหยิ่งดังขึ้นในขณะนี้…
“โอ้ ทำไมน้องสาวสุดที่รักของฉันถึงโกรธเคืองเรื่องขยะไร้สาระนั่นด้วย เรื่องที่โนอาห์กับวิลเลียมพูด ฉันก็เห็นด้วยอย่างยิ่งนะ” แม็กซ์หันไปดูว่าใครกำลังพูดกับเอมิลี่ในลักษณะนี้ มาร์ค ลูกชายคนโตของแอชตัน การ์ฟิลด์ ซึ่งเป็นนักเวทย์ระดับสองดาวเช่นเดียวกับเอมิลี่
มาร์คและเอมิลี่มีแม่เป็นคนเดียวกัน ทำให้มาร์คเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา ผมสีบลอนด์และหุ่นล่ำ เขามีผู้หญิงสองคนอยู่ในอ้อมแขนซ้ายและขวาของเขา พวกเธอคือเลซี่ย์และไลลา ภรรยาของเขาทั้งคู่มีหุ่นที่สวยและก้นใหญ่ซึ่งดูเซ็กซี่มาก
'ดูเหมือนว่าเขาจะชอบผู้หญิงแบบนี้สินะ' แม็กซ์เลียริมฝีปากในใจเมื่อเห็นรูปร่างที่เย้ายวนของพวกเธอ แม้ว่าพวกเธอจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับลิลลี่ แอนนา หรือเอมิลี่ในด้านความงามได้ แต่หุ่นของพวกเธอก็ยังน่าดึงดูดอยู่ดี
“นายอยากจะสู้กับฉันใช่ไหม?” เอมิลี่จ้องมองเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ ทำไมฉันต้องสู้กับน้องสาวสุดที่รักด้วยล่ะ แต่สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นความจริงไม่ใช่เหรอ?” มาร์คพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่ในใจเขาโกรธมาก
‘นังนี่ รอก่อนเถอะ อีกไม่นานเมื่อฉันกลายเป็นเจ้าเมืองการ์ฟิลด์ แล้วฉันจะแสดงให้เธอเห็นว่าการมีความสามารถเหนือกว่าไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรทุกอย่างได้อย่างใจนึก”
ตอนนี้มาร์คอายุ 26 ปีแล้ว และเขาเพิ่งกลายเป็นนักเวทย์ระดับสองดาวเมื่อปีที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขายังแย่กว่าเอมิลี่ที่กลายเป็นนักเวทย์ระดับสองดาวได้ตอนอายุ 22 ปีเสียอีก นี่คือเหตุผลที่เขาเกลียดน้องสาวของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของเขาพร้อมด้วยผู้หญิงวัยกลางคนที่สวยงามอีกสามคนก็มาถึงและนั่งลงที่ที่นั่งของตน ทุกคนในที่นั้นรวมทั้งแม็กซ์ก็ทักทายพวกเขา
วันนี้แม็กซ์สังเกตเห็นพวกเขาแต่ละคน ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมสีบลอนด์คือแม่ของมาร์คและเอมิลี่ ชื่อว่าเอสเธอร์ เธอมีอุปนิสัยคล้ายกับเอมิลี่ แต่มีเสน่ห์ของผู้หญิงที่โตวัยแตกต่างจากเอมิลี่
ผู้หญิงอีกคนที่มีสีหน้าอ่อนโยนคือแม่ของแอนนาและโนอาห์ ชื่อว่าเอมีเลีย เธอมีผมสีดำเป็นมันเงาของเขาไหลลงมาเหมือนน้ำตก ใบหน้าของเธอไร้รอยตำหนิใดๆ เธอแตกต่างกับเอสเธอร์โดยสิ้นเชิง
ผู้หญิงคนที่สามมีรูปร่างเล็กและหน้าอกใหญ่และเธอก็สวยเช่นกัน แต่เธอไม่มีจุดเด่นอื่นใดที่ถือว่าปกติเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในบ้าน ชื่อของเธอคือมิน่า….
…………………………….