ตอนที่แล้วบทที่ 7 ผู้ช่วยน้อยฉิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 การยืนยันของผู้ช่วยน้อยฉิน

บทที่ 8 แม่พิมพ์


บทที่ 8 แม่พิมพ์ (ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจากเด็กหรือผู้ใหญ่!)

บ่ายห้าโมง พนักงานส่งของนำแม่พิมพ์ที่ฉินซิ่วลี่ส่งมาส่งถึงประตูบ้าน

แม่พิมพ์ไม้เนื้อแข็งจำนวน 6 ชุด รวมหนักกว่า 60 กิโลกรัม โอวหยางที่ไม่เชื่อว่าชิ้นเดียวจะหนักเป็นสิบกิโลกรัมเลยอุ้มแม่พิมพ์ชิ้นหนึ่งไปยืนชั่งน้ำหนักบนตาชั่ง แล้วพบว่าน้ำหนักตัวของเขาขึ้นมาอีก 8 กิโลกรัม จึงเริ่มจมอยู่กับความคิดเชิงลบ

ฉินหวยเลือกที่จะไม่สนใจเขา และเริ่มลองใช้แม่พิมพ์รูปสัตว์ทำขนมชุดแรก

ผลลัพธ์ออกมาดีมาก

ทำได้เร็ว รูปร่างและขนาดสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือไม่ต้องปรับแต่งมาก แม่พิมพ์มีความละเอียดสูงจนได้กระต่ายตัวน้อย หนูตัวน้อย และลูกหมูตัวน้อยที่ดูเหมือนมีชีวิตชีวา เป็นแบบที่เด็ก ๆ ต้องชอบแน่นอน

“น่าทึ่งจริง ๆ ฉันนึกว่าแม่พิมพ์แบบนี้ใช้ทำได้แค่ขนมไหว้พระจันทร์กับขนมอบดอกไม้เท่านั้น” โอวหยางที่เพิ่งหลุดจากอารมณ์ขุ่นมัวแสดงความแปลกใจพลางชี้ไปที่แม่พิมพ์อีกชุดที่ยังไม่ได้ใช้ “นี่ซุนหงอคงกับจูป้าจี้ในชุดนั้นก็ทำออกมาได้ด้วยเหรอ?”

“ทำได้แค่รูปร่างคร่าว ๆ” ฉินหวยตอบ “แต่ต้องแต่งเติมและลงสีเพิ่มเติม ถ้าฝีมือดี ผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเหมือนงานศิลปะที่ทำจากแป้ง”

“งั้นก็ดีเลย” โอวหยางแสดงความสนใจทันที “เมื่อสองปีก่อน ฉันพาหลานไปเดินตลาดเจอคนปั้นแป้ง ขอบอกตามตรงว่าปั้นไม่สวยเลย ดูออกว่าเป็นซุนหงอคงแต่ดูใกล้ ๆ ไม่ได้เลย 25 หยวนต่อชิ้น กินไม่ได้ เล่นไม่ทน เดินตลาดไม่ทันเสร็จหลานก็ทำพังแล้ว แต่ถ้านายผลิตได้ทีละสามชิ้นในสามนาที ชั่วโมงละ 1,500 หยวนเชียวนะ!”

“ฉินหวย นายไม่ต้องเปิดโรงอาหารแล้ว ไปตั้งร้านหน้าประถมสาธิตเถอะ นายรวยแน่!”

ฉินหวยอยากจะหยิบหน้าจอระบบของตัวเองมาให้โอวหยางดูว่าทักษะระดับต้นของเขาทำให้รวยไม่ได้ ต้องพึ่งเงินของเด็กและความเมตตาของเทศกิจอย่างนั้นเหรอ?

“นายปั้นให้ฉันดูหน่อยสิ เดี๋ยวฉันเอาไปให้หลานฉัน เขาจะช่วยเปิดตลาดให้ นายรู้ไหมว่าเขาเรียนอยู่ประถมสาธิต” โอวหยางมองเห็นอนาคตที่สดใสแล้ว

ตอนนั้นฉินหวยผลิต โอวหยางขาย การสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่แค่เอื้อม

ฉินหวยยักไหล่ “ทำไม่เป็น”

โอวหยาง: ?

“ทำไม่เป็นแล้วทำไมนายถึงมีแม่พิมพ์พวกนี้? หรือว่าลุงนายทำเป็น?!” โอวหยางคิดว่าน่าจะถึงเวลาสร้างความสัมพันธ์กับฉินฉงเหวินแล้ว

“พ่อฉันก็ทำไม่เป็น”

โอวหยาง: ??

“เรื่องมันเป็นแบบนี้ แม่พิมพ์ชุดนี้พ่อฉันสั่งทำเมื่อ 27 ปีก่อน ตอนที่เขายังไม่ได้เปิดร้านอาหารเช้า เขาให้ช่างไม้ที่เก่งที่สุดในอำเภอทำให้ ใช้เงินไปเยอะมาก ถ้าฟังแม่ฉันพูด พ่อฉันถ้าไม่สั่งทำแม่พิมพ์ 6 ชุดนี้แล้วเอาเงินไปซื้อบ้านเล็ก ๆ ในตัวเมือง ครอบครัวเราคงรวยไปแล้ว”

โอวหยาง: 0.0

“แม่พิมพ์พวกนี้แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ไม่ใช่หรอก ตอนนั้นบ้านในตัวเมืองยังถูกกว่าบ้านในอำเภอของเราเสียอีก”

“งั้นทำไมลุงถึงยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อสั่งแม่พิมพ์ที่เขาใช้ไม่เป็นล่ะ?” โอวหยางถามอย่างสงสัย

ฉินหวยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวที่ยาวมาก”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องพูดถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ของฉินฉงเหวิน แม้ว่าเขาจะเปิดร้านอาหารเช้ามากว่ายี่สิบปีและฝีมือไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคนมีความฝัน

เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน อำเภอฉิวเคยรุ่งเรืองเพราะทำเลที่ตั้ง มีพ่อค้าผ่านไปมาอย่างคับคั่ง รวมถึงผู้มีฐานะร่ำรวย ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมเฟื่องฟู ในตอนนั้น ความฝันของฉินฉงเหวินคือการเปิดร้านขนมที่มั่นคงและก้าวขึ้นเป็นร้านอันดับหนึ่งในอำเภอ แล้วขยายไปทั่วทั้งมณฑล และในที่สุดก็ก้าวสู่ระดับประเทศ

โชคดีที่ในเวลานั้น ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในอำเภอได้เพิ่มรายได้ด้วยการขายขนมตลอดทั้งวัน มีรูปแบบหลากหลาย รวมถึงขนมที่เป็นรูปสัตว์น่ารัก ๆ และยังมีชุดของขวัญตามธีมต่าง ๆ เช่น 12 นักษัตร 108 ยอดคนแห่งเขาเหลียงซาน และชุดตามเรื่องไซอิ๋ว ทุกอย่างสามารถสั่งทำพิเศษได้ตามต้องการ และเป็นที่นิยมอย่างมากภายในเวลาไม่กี่เดือน กลายเป็นของฝากขึ้นชื่อของอำเภอฉิว นักเดินทางที่ผ่านไปมามักจะซื้อติดไม้ติดมือกลับไป

เมื่อขนมได้รับความนิยม ร้านขนมอื่น ๆ ในอำเภอก็เริ่มเลียนแบบ ทุกคนต่างพากันไปหาช่างไม้เพื่อสั่งทำแม่พิมพ์แบบเดียวกัน หากทำแบบหรูไม่ได้ก็แข่งขันด้วยราคา ในที่สุด ช่างไม้ในอำเภอก็กลายเป็นที่ต้องการสูง ฉินฉงเหวินที่มีความฝันอยากเปิดร้านขนมจึงเข้าร่วมกระแสนี้ด้วยการสั่งทำแม่พิมพ์ด้วยเงินก้อนโต

แต่ไม่กี่ปีต่อมา ร้านอาหารชื่อดังต้องปิดตัวเพราะเชฟลาออก และร้านขนมที่ไม่มีฝีมือพอในการใช้แม่พิมพ์ก็สูญเสียความนิยมไป ขนมราคาถูกไม่ดึงดูดลูกค้าอีกต่อไป

ทุกวันนี้ อำเภอฉิวไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมอีกต่อไป กลายเป็นอำเภอเล็ก ๆ ธรรมดา ร้านเก่าแก่หลายร้านปิดตัวลง ฉินฉงเหวินที่ไม่สามารถเปิดร้านขนมได้ตามฝันกลับเปิดร้านอาหารเช้าจนกลายเป็นร้านเก่าแก่โดยบังเอิญ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เหลือจากอดีตคือแม่พิมพ์ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ 99% ซึ่งเขาเอาออกมาดูเพียงเพื่อรำลึกถึงเงินที่เสียไปกับกระแสนิยมในอดีต

“ตอนที่พ่อฉันไปสั่งแม่พิมพ์ ช่างไม้ยังเตือนพ่อเลยว่า ชุดแม่พิมพ์ไซอิ๋วไม่ได้ทำง่าย ๆ ร้านอาหารกล้าขายเพราะฝีมือเชฟดีมาก แม่พิมพ์ทำได้แค่รูปร่างคร่าว ๆ ต้องแต่งเติมและลงสีต่อ”

“แต่พ่อฉันไม่ฟังเลย ตอนนั้นเขา...”

“คนที่ไม่รู้ย่อมไม่กลัว พ่อฉันไม่รู้ว่าการตกแต่งภายหลังมันยากขนาดไหน คิดว่าตัวเองทำซุนหงอคง แต่คนอื่นเห็นแล้วคิดว่าเป็นปีศาจน้ำวิญญาณ”

“ผลสุดท้ายคือแม่พิมพ์ทำเสร็จแล้วแต่ใช้ไม่เป็น ขนมแบบพื้นฐานง่าย ๆ ร้านขนมทุกแห่งในอำเภอก็ทำได้ และทำอร่อยกว่าของพ่อฉันด้วย สุดท้ายพ่อเลยเลิกคิดเปิดร้านขนม แล้วไปเรียนทำซาลาเปาจากป้าข้างบ้านอยู่ไม่กี่เดือนก่อนจะเปิดร้านอาหารเช้า”

“แม่พิมพ์ทั้งหกชุดนี้เลยเก็บไว้ที่บ้านมาตลอด ทิ้งก็เสียดาย ขายก็ไม่มีคนซื้อ ดีที่เนื้อไม้คุณภาพดี ผ่านมาหลายปีไม่ผุพังหรือถูกปลวกกิน ทุกวันนี้ก็ยังได้เอามาใช้”

โอวหยางได้แต่แสดงความเสียดาย “ทำไมตอนนั้นลุงไม่เลือกสั่งแม่พิมพ์ 12 นักษัตรนะ? ถ้าเลือก 12 นักษัตร เราก็เริ่มธุรกิจปั้นแป้งได้แล้วสิ”

“12 นักษัตรดีจะตาย เด็ก ๆ ต้องชอบแน่ ๆ”

ฉินหวยคิดว่าถ้าฉินฉงเหวินได้ยินสิ่งที่โอวหยางพูดคงตอบว่า “นายไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหม? ไซอิ๋วมีตัวละครหลักแค่ 4 คน แต่ 12 นักษัตรมีตั้ง 12 ตัว ต้องจ่ายเงินเพิ่มตั้งสามเท่า นายเข้าใจคำว่าคุ้มค่ากับราคาหรือเปล่า?”

โอวหยางที่ไม่เข้าใจเรื่องคุ้มค่าก็อยู่ขลุกบ้านฉินหวยอีกจนถึงมื้อเย็น และในที่สุดก็กลับบ้านพร้อมกับซาลาเปาเม่นถั่วแดงสองถุงใหญ่ โดยมีสายตาเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งของฉินลั่วส่งท้ายไปด้วย ก่อนที่โอวหยางจะขึ้นลิฟต์ ฉินลั่วยังไม่กล้าร้องดีใจ แต่ทันทีที่ลิฟต์ปิดเธอก็ร้องออกมาอย่างสุดเสียง

“เย้! ต่อไปนี้ไม่ต้องกินซาลาเปาเม่นถั่วแดงแล้ว!”

“พี่ชาย พรุ่งนี้เช้ากินอะไรดี?”

ฉินหวยชี้ไปที่ครัวที่มีซาลาเปากระต่ายที่ทำไว้ตอนบ่ายทดลองแม่พิมพ์ “กินซาลาเปากระต่ายไส้ถั่วแดง ส่วนไส้อื่นยังไม่ได้ทำ”

ฉินลั่ว: Σ(°△°|||)︴

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด