ตอนที่แล้วบทที่ 503: โบรลี่คลั่ง ปะทะ จิเรนร่างนำใจกายนำจิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 505: แก้ทางร่างนำใจกายนำจิต?

บทที่ 504


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 504

“หยุดนะ! จิเรน! ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป นายจะฆ่าโบรลี่ตาย!”

โกคูตวาดลั่นเมื่อเห็นจิเรนรุกไล่โบรลี่อย่างบ้าคลั่ง ความปรารถนาที่จะเข้าไปช่วยเหลือพลุ่งพล่านอยู่ในอก

ทว่าดิสโปะที่ยืนขวางอยู่กลับไม่เปิดช่องว่างให้เขาแม้แต่น้อย แม้พลังของดิสโปะจะไม่ได้เหนือกว่ามากนัก แต่ความเร็วอันปราดเปรียวประกอบกับสภาพร่างกายของโกคูที่อ่อนล้าลงทุกขณะ ทำให้เขาไม่อาจสลัดหลุดจากการปิดล้อมนี้ได้

ขณะเดียวกัน ความโหดเหี้ยมผิดวิสัยของจิเรนก็สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่านักสู้จากจักรวาลที่ 11 เช่นกัน

“ท็อปโปะ เกิดอะไรขึ้น? จิเรนเป็นอะไรไป?”

“ฉันไม่เคยเห็นจิเรนเป็นแบบนี้มาก่อน? เขาไม่ใช่คนที่ยึดมั่นในหลักการไม่ฆ่าไม่ใช่เหรอ?”

บนอัฒจันทร์ คาเซรัลเอ่ยถามท็อปโปะที่ฟื้นคืนสติแล้วด้วยน้ำเสียงฉงน

อีกฝ่ายทำสีหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยได้ยินมาว่าอาจารย์ของจิเรนถูกสังหารโดยมนุษย์ผมทองมีหาง…”

“ผมทอง… มีหาง?”

คาเซรัลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกกว้างพลางหันไปมองโบรลี่ในสนามประลอง

“หมายความว่าคนที่ฆ่าอาจารย์ของจิเรนคือเขางั้นหรือ?”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” เบลม็อทแทรกขึ้นในขณะนั้น

“อาจารย์ของจิเรนเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตอนนั้นปู่ของโบรลี่คงยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”

“ถ้าอย่างนั้น…”

“น่าจะเป็นคนที่มีลักษณะคล้ายกัน โบรลี่คนนี้คือซูเปอร์ไซย่าในตำนาน รูปร่างหน้าตาก็คล้ายกับคนผู้นั้น…” เบลม็อทพึมพำเบา ๆ

“ใครงั้นเหรอครับ?” คาเซรัลเอ่ยถามอย่างลังเล เสียงแผ่วเบาแทบจะกลืนหายไปกับเสียงรอบข้าง

“เขาก็คือ…” เบลม็อทเอ่ยเสียงแผ่วเบาเช่นกัน ราวกับกำลังเผยความลับสำคัญ

“จิเรน!”

กลางเวที โบรลี่ที่แทบจะหมดแรง กู่ร้องชื่อนั้นออกมาสุดเสียง ทันใดนั้น พลังสีเขียวสดใสก็ปะทุขึ้นจากร่าง ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับการระเบิด

เบจิต้าที่เห็นภาพอันคุ้นเคยถึงกับผุดลุกขึ้น ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนก

“แย่แล้ว! โบรลี่กำลังจะระเบิดตัวเอง!”

“อะไรนะ?” เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน ทุกคนต่างตกอยู่ในความหวาดผวา สีหน้าซีดเผือดราวกับไร้เลือด

หรือว่า… ความคิดเลวร้ายแล่นผ่านเข้ามาในหัวของทุกคน

ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้น ร่างสีแดงเข้มก็พุ่งเข้ามาขวางกั้นระหว่างโบรลี่และจิเรน ราวกับสายฟ้าฟาด

ตูม!

เสียงกระทบดังสนั่น ร่างนั้นปล่อยหมัดหนักหน่วงเข้ากลางอกของโบรลี่อย่างแม่นยำ

ทันใดนั้น พลังออร่าของโบรลี่ที่กำลังปะทุอย่างบ้าคลั่งก็สงบลง ราวกับเปลวไฟที่ถูกดับลงด้วยน้ำ

ตัวโบรลี่เองก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ก่อนจะทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง

ร่างนั้นประคองโบรลี่ไว้พลางเอ่ยว่า “โบรลี่ ขอบใจนะที่ให้เวลาฉันได้พักบ้าง ถึงตานายพักบ้างแล้วล่ะ”

ว่าจบก็เหวี่ยงโบรลี่ออกจากสนามประลอง ร่างของโบรลี่ลอยละลิ่วกลับไปยังที่นั่งผู้ชมราวกับใบไม้ปลิวลม

“จักรวาลที่ 7 โบรลี่ ถูกคัดออก!”

“คุณวิส ช่วยรักษาโบรลี่ที”

“ได้” วิสพยักหน้ารับคำ ก่อนจะโบกคทาเบา ๆ แสงสีขาวนวลเปล่งประกายออกมาห่อหุ้มร่างของโบรลี่ไว้ทั้งหมด

ใบหน้าบูดบึ้ง ดวงตาแดงก่ำดุร้ายของโบรลี่พลันสงบลง เปลือกตาปิดลงช้า ๆ ราวกับเด็กน้อยที่ผล็อยหลับอย่างเป็นสุข

แม้โบรลี่จะปลอดภัยแล้ว แต่ทุกคนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ยังคงนั่งไม่ติดเก้าอี้ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังสนามประลองเบื้องหน้าด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ

บิลส์เบิกตากว้าง ความฉงนฉายชัดในดวงตา หันไปถามวิสเสียงแผ่ว “วิส นั่น...นั่นมันอะไรกัน? คนผู้นั้นคือหลินเฉินงั้นเหรอ?”

“ถูกแล้ว นี่คือท่าไม้ตายของหลินเฉิน ร่างตามใจ กายตามจิตครับ”

“ร่างตามใจ กายตามจิต?!”

เสียงอุทานดังกึกก้องไปทั่วอัฒจันทร์ แสดงความประหลาดใจของผู้ชมอย่างชัดเจน

หลินเฉินที่กลับคืนสู่สภาพเดิม บัดนี้เส้นผมกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ราวกับชโลมด้วยโลหิตสด ๆ

ขณะเดียวกัน ออร่าสีแดงฉานก็โชติช่วงรอบกายเขา แผ่พลังอันน่าเกรงขาม

รูปลักษณ์ของออร่านั้น เหมือนกับร่างนำใจกายนำจิตของจิเรนทุกประการ หากแต่สีสันนั้นต่างกันราวกับหยินกับหยาง

“ร่างตามใจ กายตามจิต? มันคืออะไรกัน?” จิเรนเอ่ยถามด้วยความฉงน

“มันคือภาวะที่สามารถรับมือกับร่างนำใจกายนำจิตของนายได้ยังไงล่ะ” หลินเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก

ริมฝีปากของจิเรนกระตุกเล็กน้อย ความเย็นชาฉาบไล้ทั่วใบหน้า “ไร้สาระ! เมื่อไหร่กันที่โลกนี้มีสิ่งเช่นนี้?”

“นั่นสิ ข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่อง ‘ร่างตามใจ กายตามจิต’ นี่มาก่อนเหมือนกัน!” เบลม็อทร้องเสียงดัง

“ถ้าเช่นนั้น ฉันจะแสดงให้พวกนายประจักษ์แก่สายตาก็แล้วกัน”

“น่าขัน! ด้วยพลังที่นายฟื้นฟูมาเพียงน้อยนิดเช่นนี้ นายจะทำอะไรได้? พวกไซย่าสมควรตายให้หมดสิ้น!”

สิ้นคำ สายฟ้าก็แลบแปลบ หมัดของจิเรนพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความเร็วเหนือสายตา

ปัง!

หมัดของหลินเฉินและจิเรนปะทะกันกลางอากาศ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ความตกตะลึงฉายชัดในดวงตาของจิเรน แม้หลินเฉินจะกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่พลังที่อัดแน่นอยู่ในหมัดกลับเทียบเท่ากับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

“นายยังมีพลังหลงเหลืออยู่อีกมากเพียงใดกัน?”

“ทำไมนายไม่ลองค้นหาด้วยตัวเองดูล่ะ?”

ถัดมา การโต้กลับของหลินเฉินก็มาถึง เป็นหมัดตรงเรียบง่าย ไร้ซึ่งลวดลาย ไร้ซึ่งลูกเล่นใด ๆ มีเพียงพลังบริสุทธิ์ที่อัดแน่นอยู่ภายใน

แต่สำหรับจิเรน ผู้ครอบครองร่างนำใจกายนำจิต หมัดเรียบง่ายเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อยราวกับสายลมแผ่วเบา

อย่างไรก็ตาม…

ตูม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กึกก้องไปทั่ว ร่างของจิเรนถูกกระแทกออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ จนแทบมองไม่ทัน!

“อะไรนะ?!” เบลม็อทอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

บิลส์ก็พลันลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน สีหน้าบ่งบอกถึงความตกตะลึงไม่ต่างกัน

เกิดอะไรขึ้น?

ทั้งคู่ต่างฉงนงุนงง ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ

เห็นได้ชัดว่าจิเรนอยู่ในสภาวะร่างนำใจกายนำจิต แล้วเหตุใดเขาจึงถูกหลินเฉินโจมตีได้ง่ายดายเช่นนี้?

ไม่ใช่ว่าในสภาวะร่างนำใจกายนำจิต ร่างกายจะตอบสนองการโจมตีได้เองโดยอัตโนมัติหรอกเหรอ? เหตุใดจิเรนจึงยังคงโดนโจมตีเข้าเต็ม ๆ ?

“บังเอิญอย่างนั้นเหรอ... จะต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่...” เบลม็อทพึมพำเสียงแผ่ว

จิเรนลุกขึ้นจากพื้น ปาดเลือดที่มุมปากพลางพึมพำในน้ำเสียงที่คล้ายกับจะปลอบใจตัวเอง “บังเอิญ... มันต้องเป็นแค่เรื่องบังเอิญ...”

“บังเอิญหรือไม่ ลองดูอีกครั้งก็รู้!”

หมัดของหลินเฉินพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ โหมกระหน่ำซัดใส่จิเรนไม่ยั่น

แววตาของจิเรนวาวโรจน์ขึ้นมาในทันที สีหน้ากลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด

ร่างกายรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

ทันทีที่หมัดของหลินเฉินเข้าใกล้ ร่างกายของจิเรนก็ขยับหลบหลีกไปโดยอัตโนมัติราวกับสัญชาตญาณ

ท่าทางของจิเรนดูราวกับว่าเขาสามารถหลบการโจมตีของหลินเฉินได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ทว่าเหนือความคาดหมาย หมัดของหลินเฉินกลับพุ่งเข้าใส่ราวกับขีปนาวุธนำวิถีที่ล็อกเป้าหมายไว้แล้ว กระแทกเข้าเต็มใบหน้าอันนิ่งสงบของจิเรนอย่างจัง

ปัง ปัง ปัง!

ด้วยเสียงแตกเปรี๊ยะราวกับฟ้าผ่า คลื่นอากาศโดยรอบบิดเบี้ยวคำรามก้องสะเทือนแก้วหู เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหวราวกับโลกกำลังจะแตกสลาย

พลังงานอันไร้ขีดจำกัดถาโถมลงมา จิเรนแปรเปลี่ยนเป็นภาพแสงสีขาว พร่างพรายหายวับไปกับตา ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงดุจลูกธนูที่พุ่งออกจากแล่ง

ตูม! กลุ่มควันและฝุ่นผงตลบอบอวลฟุ้งกระจายไปทั่ว จิเรนร่วงลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เกิดเป็นหลุมขนาดมหึมาบนผืนดินที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า แรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปโดยรอบ ก่อเกิดรอยแตกร้าวเป็นริ้ว ๆ คล้ายใยแมงมุม

จิเรนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ร่างกายบอบช้ำจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ในทันที

เขากระพริบตาอย่างเชื่องช้า มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาว่างเปล่าไร้ซึ่งแววแห่งการต่อสู้ “เป็นไปได้… เป็นไปได้ยังไง? ฉันหลบมันได้แล้วนี่นา? ทำไม…” เสียงแผ่วเบาเอ่ยถามราวกับคนละเมอ

“ใช่ จิเรนดูเหมือนจะหลบการโจมตีได้เมื่อครู่นี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?” บิลส์เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความฉงน

ข้าง ๆ พวกเขา วิสหันไปไขปริศนาให้หลินเฉิน

“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลพวงมาจากร่างตามใจกายตามจิตของคุณหลินเฉิน มันเหมือนเป็นวิชาปรปักษ์ต่อผู้ฝึกฝนร่างนำใจกายนำจิต! การที่คุณหลินเฉินสามารถฝึกฝนวิชานี้ได้ถึงขั้นเชี่ยวชาญเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งนัก”

“ร่างตามใจกายตามจิต? มันคือสิ่งใดกันแน่?” บิลส์ถามต่อ

“ท่านบิลส์ ลืมตาให้กว้างเถิดครับ แล้วเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของคุณหลินเฉิน ท่านจะพบคำตอบด้วยตนเอง” ผู้เฒ่าไคกล่าวขึ้นอย่างฉับพลันจากทางด้านข้าง

บทที่ 504 ลงมือ ร่างตามใจ กายตามจิตปรากฏ

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด