ตอนที่แล้วบทที่ 15 หนัง เนื้อ กระดูก เลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 ได้ปลาวิเศษอีกครั้ง! การเติบโตอย่างก้าวกระโดด

บทที่ 16 แขนลิง เอวผึ้ง ขาตั๊กแตน


ฮูฉีคลำกระดูกเสร็จแล้วก็ทำเสียงชมด้วยความประหลาดใจ

"ตั้งแต่ข้าเรียนวิชาคลำกระดูกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโครงสร้างร่างกายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ทั้งเอวผึ้ง แขนลิง ขาตั๊กแตน น้องเหลียงอายุเท่าไหร่แล้ว?"

"สิบห้าจะสิบหก"

"งั้นเจ้าก็ยังจะสูงขึ้นอีกมาก อย่างน้อยก็หกฉื่อ"

หนึ่งฉื่อในราชวงศ์ต้าซุ่นเทียบได้กับประมาณสามสิบเซนติเมตร หกฉื่อก็คือสูงกว่าหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร

เหลียงฉวี่ได้ยินแล้วก็โล่งอก ร่างเดิมของเขาขาดสารอาหาร ตอนนี้ความสูงไม่ได้มากนัก เขากังวลว่าจะโตไม่สูง

หลี่ลี่ปอที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังแล้วทำหน้าบิดเบี้ยว "ข้ากัดฟันจนแทบแหลก ช่างโชคดีนัก ทั้งหน้าตาดี รูปร่างดี เจ้าได้ดีไปหมด วันนี้ไม่เลี้ยงข้า เรื่องนี้ไม่จบ!"

เหลียงฉวี่ตอบแบบขอไปที "ไว้คราวหน้าแน่นอน"

ฮูฉีพูดต่อ "เจ้าเหมาะกับการฝึกวิชาหมัดลิงเป็นหลัก และยังเหมาะกับวิชายิงธนูด้วย หากมีโอกาส น้องเหลียงควรลองศึกษาดู"

พอได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองคนก็ตะลึง

"เดี๋ยวก่อนพี่ฮู ทำไมข้าที่มีพรสวรรค์ระดับกลางค่อนไปทางสูงถึงเหมาะกับหมัดลิง แล้วเขาที่มีพรสวรรค์ดี ก็เหมาะกับหมัดลิงเหมือนกัน?"

ฮูฉีอธิบาย "พรสวรรค์ดีมีหลายแบบ ไม่ได้มีแค่แบบเอวผึ้ง แขนลิง ขาตั๊กแตนแบบเดียว พรสวรรค์แบบนี้เหมาะกับหมัดลิงที่สุด เก็บพลังเหมือนโก่งธนู ปล่อยพลังเหมือนยิงธนู พลังเร็ว ลึก และรุนแรง แน่นอนว่าท่าเสือก็ไม่เลว แต่ท่านกระเรียนจะด้อยกว่าหน่อย"

"น้องหลี่ส่วนอื่นอาจด้อยไปบ้าง แต่ช่วงแขนยาว ทั้งท่วงท่าของเสือและความเบาของนกกระเรียน เจ้าไม่มีข้อได้เปรียบ ดังนั้นเจ้าก็เหมาะกับหมัดลิงเช่นกัน"

เหลียงฉวี่เข้าใจทันที เขาเหมาะกับหมัดลิงเพราะมีพรสวรรค์ ส่วนหลี่ลี่ปอเหมาะกับหมัดลิงเพราะอีกสองแบบเขายิ่งไม่เหมาะ

พูดถึงตรงนี้ การที่เขาเหมาะกับหมัดลิง จะเกี่ยวกับการที่เขาได้รับพลังจากวิญญาณลิงน้ำหรือไม่

หลังจากรวมร่างกับวิญญาณลิงน้ำ เหลียงฉวี่รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไป บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พรสวรรค์ของเขาเปลี่ยนไป

หลี่ลี่ปอรู้สึกท้อใจ การฝึกวิทยายุทธ์ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้

ฮูฉีเห็นท่าทางแบบนั้นจึงปลอบ "น้องหลี่ไม่ต้องท้อใจ พรสวรรค์ด้อยกว่าไม่ได้หมายความว่าอะไร มันไม่ได้จำกัดอนาคตของพวกเรา ไม่มีใครบอกว่าคนที่มีพรสวรรค์ด้อยกว่าจะต้องทะลวงด่านช้ากว่าคนที่มีพรสวรรค์ดีกว่า น้องเหลียง มีพรสวรรค์ดีก็อย่าเหลิงจนเกินไป มันก็ไม่ได้กำหนดอนาคตของพวกเราเช่นกัน"

"ขอบคุณพี่ฮูที่เตือนสติ"

ฮูฉีพยักหน้า หยิบหนังสือสองเล่มออกมาจากอก "นี่คือตำราสามหมัดของอาจารย์หยาง ทั้งลิง เสือ และนกกระเรียน พวกเจ้าเรียนได้หมด แต่ควรเน้นตามที่ข้าบอก"

"พวกเจ้าอ่านหนังสือออกหรือไม่ ไม่อ่านออกก็ไม่เป็นไร ในนั้นมีภาพวาดประกอบ ฝึกตามลำดับก็พอ ข้าจะคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ"

ช่างใส่ใจจริงๆ เหลียงฉวี่พลิกดูตำรา รู้สึกว่าทุกคนในสำนักหยางล้วนมีความสามารถ พูดจาก็ไพเราะ เขาชอบที่นี่มาก

ตำราแบ่งเป็นหกส่วน แยกเป็นวิธีฝึกและวิธีต่อสู้ของทั้งลิง เสือ และนกกระเรียน เหลียงฉวี่มุ่งดูวิธีฝึกก่อน เพื่อวางรากฐาน

วิธีฝึกเน้นที่การยืนท่า แต่ละหมัดมีท่ายืนสามสิบสองท่า บางท่าเหมือนกัน บางท่าคล้ายกัน บางท่าแตกต่างกันมาก

เจ็ดตำลึงเงินได้เรียนสามวิชาหมัด คุ้มค่าทีเดียว

เหลียงฉวี่รู้ดีว่าฟังคำแนะนำแล้วจะได้กินอิ่ม จึงมุ่งดูหมัดลิงและเริ่มฝึกตามท่ายืนในตำรา

เขาแยกเท้าออก หุบอก ยืดหลัง ลดไหล่ หย่อนศอก จากนั้นเกร็งท้อง ผ่อนเอว หุบก้น ผ่อนสะโพก ควบคุมลมหายใจเข้าออกที่ตันเถียน

"เท้าไม่ถูก ต้องให้ฝ่าเท้ากลวง แข็งเกินไป"

"อย่างนี้ถูกแล้ว"

"น้องหลี่ อย่าเกร็งเกินไป ต้องผ่อนคลาย ท่าทางเจ้าแข็งเกินไป"

"ส่วนบนเบา ส่วนล่างหนัก ร่างกายเบา ท่ายืนหนักแน่น เบาหนักสอดประสาน รักษาท่านี้ไว้อย่าขยับ พยายามให้ร่างกายจดจำท่านี้ให้ได้"

ฮูฉีคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ เมื่อยืนยันว่าท่าหนึ่งถูกต้องแล้วก็เริ่มท่าต่อไป

ช่วงเช้า เหลียงฉวี่เรียนท่ายืนได้สามท่า หลี่ลี่ปอเรียนได้แค่สองท่า

พอถึงเที่ยง ค่าเรียนเจ็ดตำลึงไม่รวมอาหาร ทั้งสองต้องออกไปหาอะไรกิน หาร้านอาหารประหยัดประทังท้องไปก่อน กลับมาก็เห็นคนจากลานหลังยกถังไม้ใหญ่ออกมา ในนั้นเต็มไปด้วยน้ำยาร้อนๆ ลูกศิษย์บางคนเดินมาที่ถัง ตักดื่มทีละถ้วย

หลี่ลี่ปอชะเง้อคอมอง "นั่นคือยาใช่ไหม? พูดถึง หมัดของเราไม่มีตำรายาประกอบด้วยหรือ ทำไมไม่เห็น?"

"อาจเพราะตำรายามีค่ามากกว่า สำนักคงหาเงินจากการขายตำรายาละมั้ง" เหลียงฉวี่คาดเดา

"เฮ้อ เงินนี่ พอต้องใช้ก็ไม่พอทุกที"

"ช่วยไม่ได้ พวกเราเกิดมาก็อยู่ชนชั้นล่าง อยากเปลี่ยนแปลงก็ต้องพึ่งตัวเอง ช่วงบ่ายก็ต้องตั้งใจเรียนให้ได้หลายๆ ท่า"

ช่วงบ่าย เหลียงฉวี่เรียนท่ายืนได้อีกห้าท่า สามารถแสดงท่าได้คล่องแคล่วโดยไม่ต้องมีคนคอยชี้แนะ ส่วนหลี่ลี่ปอเรียนได้แค่สามท่า

พอถึงหกโมงเย็นออกจากสำนัก ฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองไม่นั่งรถ เลือกเดินกลับเมืองอี้ซิง

ระยะทางกว่าสิบลี้ ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม

มาาถึงถนน ทั้งสองก็แยกย้าย

เหลียงฉวี่ยังคงหาร้านอาหารประหยัดกินมื้อเย็น แต่ไม่ใช่อาหารสามอย่างเหมือนเดิมแล้ว คราวนี้สั่งกับข้าวสองอย่างพร้อมผักหนึ่งอย่างและข้าว เมื่อฝึกวิทยายุทธ์แล้ว ก็ต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น

วันเวลาผ่านไปทีละวัน

มีพื้นฐานแล้ว เหลียงฉวี่เรียนรู้ได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุ่มเทจนแทบไม่มีเวลาเข้าสังคม จนถึงตอนนี้ในสำนักเขารู้จักแค่ฮูฉีกับเซียงฉางซงเท่านั้น

ด้วยความพยายามเช่นนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสี่วัน ก็เรียนท่ายืนหมัดลิงครบทั้งหมด ส่วนหลี่ลี่ปอที่เริ่มพร้อมกัน เรียนได้แค่ยี่สิบท่า ห่างกันไม่น้อย สมกับที่ฮูฉีเคยพูดไว้จริงๆ

เห็นเหลียงฉวี่แสดงท่าสุดท้ายเสร็จ ฮูฉีก็พยักหน้า "ไม่ถึงสี่วันก็เรียนท่ายืนครบทั้งหมด ต้องบอกว่าเร็วที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา ลองแสดงทั้งหมดให้คล่องแคล่วดูสักรอบ"

"ขอรับ"

เหลียงฉวี่รับคำ แล้วเริ่มแสดงจากท่ายืนแรกไปจนถึงท่าสุดท้าย ใช้เวลาครึ่งชั่วยามกว่า เคลื่อนไหวลื่นไหลดั่งภาพวาด

และเมื่อแสดงไปครึ่งทาง ในร่างของเหลียงฉวี่ก็ค่อยๆ รวบรวมลมปราณได้เล็กน้อย ไหลเวียนไปทั่วร่างตามท่าทาง ราวกับได้แช่น้ำร้อน เหงื่อไหลโซมกายพร้อมๆ กับความเหนื่อยล้า

นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก่อนฝึกเสร็จก็รู้สึกแค่เหนื่อย ร่างกายร้อนผ่าว

"เป็นอย่างไร รู้สึกถึงลมปราณบ้างไหม?"

"ขอรับ"

"แค่แสดงรอบเดียวก็รู้สึกถึงลมปราณ แสดงว่าชี่และเลือดของน้องเหลียงเต็มเปี่ยม พรสวรรค์ไม่เลว พอมีลมปราณปรากฏก็แสดงว่าชี่และเลือดของเจ้ากำลังเพิ่มพูน รอจนลมปราณหนาเท่านิ้ว ชี่และเลือดไหลเวียนดั่งคลื่น ก็จะสามารถฝึกผิวหนังได้ แค่ทะลวงด่านผิวหนังได้ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว!"

เหลียงฉวี่รีบถาม "การทะลวงด่าน จะต้องทำอย่างไรขอรับ?"

"เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับยา รอถึงเวลาที่จะทะลวงด่านจริงๆ ข้าจะอธิบายให้ละเอียด น้องเหลียงขอเพียงตั้งใจฝึกฝนก็พอ"

ฮูฉีหัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดให้ชัดเจน

ที่จริงแล้ว เขาไม่คิดว่าน้องศิษย์ทั้งสองจะมีโอกาสทะลวงด่านได้

ไม่ใช่เพราะดูถูก แต่เป็นความจริงที่เขาได้เห็นมากับตา

ตัวเขาเองก็เป็นคนฆ่าหมูในเมืองผิงหยาง ต้องฆ่าหมูมานับไม่ถ้วนกว่าจะมีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

ชาวประมงไร้ชื่อเสียงสองคน รายได้ยังน้อยกว่าชาวนาทั่วไป พูดออกไปก็เพิ่มความกังวลเปล่าๆ ไม่พูดเสียดีกว่า

เหลียงฉวี่ไม่ใช่คนที่จะถามจนรู้เรื่องทั้งหมด เขาเพียงขอเรียนท่ายืนหมัดเสือ ถึงจะมีจุดเน้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามเขาเรียนหลายอย่างเพื่อเปิดหูเปิดตา อีกทั้งท่ายืนอีกสองแบบมีส่วนที่เหมือนกัน จะเรียนได้เร็วขึ้น

แค่เรียนท่ายืนครบทั้งหมด ก่อนจะฝึกผิวหนัง เขาก็สามารถฝึกฝนเองได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางกว่าสิบลี้ทุกวัน ไปกลับก็เสียเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม นั่นก็เท่ากับฝึกท่ายืนได้สามรอบแล้ว

ฮูฉีก็ไม่แปลกใจ "ดี งั้นข้าจะสอนท่ายืนหมัดเสือที่แตกต่างอีกยี่สิบสี่ท่าให้เจ้า"

บ่ายสามโมง เหลียงฉวี่เรียนท่ายืนหมัดเสือได้หนึ่งท่า จากนั้นก็รีบลาฮูฉี แล้วรีบจากไปท่ามกลางสายตางุนงงของหลี่ลี่ปอ

การเชื่อมต่อทางจิตบอกเหลียงฉวี่ว่า ปลาดุกอ้วนพบปลาวิเศษอีกตัวแล้ว!

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด