ตอนที่ 824 เรื่องอะไรเหรอ?
ไม่ต้องสืบหาหรอก คนที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ คนนั้น ..ก็คือฉันเอง?!
ทันทีที่คำพูดของ เย่เฉิน หลุดออกมา โจว จั๋วเฟิง ถึงกับตัวแข็งเป็นหิน ดวงตาเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
Ma..KaBaKa?! (เอ่ยเป็นเสียงล้อเลียนนะครับ)
ในหัวของ โจว จั๋วเฟิง ตอนนี้ว่างเปล่าราวกับถูกลบความจำไปชั่วขณะ
ค..คุณเย่ พูดอะไรออกมา?
คุณเย่ คือคนที่เขาพูดถึงว่าเป็นพวกยุ่งเรื่องชาวบ้านที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ?
ทันใดนั้น ขาของ โจว จั๋วเฟิง ก็อ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ลื่นไถลตกจากโซฟานั่งลงไปกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ตุ้บ!
โจว จั๋วเฟิง นั่งก้นจ้ำเบ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว!
ตอนนี้ โจว จั๋วเฟิง แทบอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไร้ซึ่งน้ำตา
ด้านของ ฉิน จงเย่ เอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ไม่ต่างอะไรกับ โจว จั๋วเฟิง
เรื่องนี้ช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนัก!
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งรับของขวัญสุดล้ำค่าจาก โจว จั๋วเฟิง มา
เป็นแจกันนกยูงสลักลายนูนทองรูปดอกไม้เคลือบน้ำเงินครามจากเตาเผาราชสำนัก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าร้อยล้าน!
ฉิน จงเย่ คิดจะช่วย โจว จั๋วเฟิง อยู่แล้ว เพราะมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา
การเตือนใครสักคนในเมืองเซี่ยงไฮ้ เขามั่นใจว่าใครๆ ก็ต้องเกรงใจเขาทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น โจว จั๋วเฟิง ยังบอกด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่คนที่สลักสําคัญอะไรนัก
แต่ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่า คนที่เขาตั้งใจจะเอ่ยเตือนคือ คุณเย่?!
โคตรปู่มรึงเถอะ! ห่านเอ้ยจะบ้าหรือไง!
คุณเย่ น่ะเหรอเป็นคนธรรมดา?!!!
นี่มันเจ้าของบัตร Coutts World Silk Card ของธนาคาร Coutts เชียวนะ! ความน่าเกรงขามของ คุณเย่ นั้นแทบไม่มีใครเทียบได้!
“โจว จั๋วเฟิง แกเก็บของของแกแล้วไสหัวไปซะ!”
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉิน จงเย่ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ลุกขึ้นยืนทันที และประกาศตัดสัมพันธ์กับ โจว จั๋วเฟิง
‘คิดว่าฉันจะเสี่ยงไปมีเรื่องกับ คุณเย่ เพียงเพราะของขวัญราคาแพงของแกงั้นเหรอ? อย่าฝันไปเลย!’
‘แกคิดว่าฉันมีรูในหัวหรือยังไง!!!’
ในใจของ ฉิน จงเย่ ยังรู้สึกโชคดีที่ตัวเองยังไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะช่วย โจว จั๋วเฟิง ไปก่อนหน้านี้
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถแก้ตัวได้ง่ายๆ แบบนี้
“จากนี้ไป แกห้ามโผล่มาเซี่ยงไฮ้อีก ถ้ายังกล้ามาอีก ก็เตรียมรับผลที่ตามมาเองแล้วกัน!”
เพื่อแสดงจุดยืนให้ เย่เฉิน เห็น ฉิน จงเย่ จึงกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ
เมื่อเห็น ฉิน จงเย่ พูดเช่นนั้น โจว จั๋วเฟิง ก็เหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง
ใบหน้าซีดเผือกไปหมด ราวกับคนสิ้นหวัง
โจว จั๋วเฟิง ทรุดลงคุกเข่า และคลานเข้าไปหา เย่เฉิน
“คุณเย่ ผมผิดไปแล้วครับ! ผมมันตาไม่ถึงเอง ผมไม่รู้เลยว่าคนที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ คือ คุณเย่! ถ้าผมรู้ ต่อให้ให้ความกล้าผมสักร้อย ผมก็ไม่กล้าพูดแบบนั้น!”
“คุณเย่ โปรดใจกว้างอภัยให้ผมเถอะ อย่าถือสาคนโง่อย่างผมเลย!”
โจว จั๋วเฟิง กล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจ
เขาไม่ทันได้สืบเลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนช่วย เฉิน เกาเจ๋อ
ถ้าเขารู้ว่าเป็น คุณเย่ ต่อให้ใครมาบังคับ เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะมีความคิดที่จะต่อต้าน
แม้จะยังไม่รู้ว่า คุณเย่ มีภูมิหลังแบบไหนกันแน่
แต่แค่เห็นท่าทีของ ฉิน จงเย่ ก็พอจะรู้แล้วว่า คุณเย่ ไม่ใช่คนที่เขาจะกล้าแตะต้องแน่นอน
“คุณเย่ ผมยังมีโบราณวัตถุล้ำค่าอีกหลายชิ้น เดี๋ยวผมจะให้คนเอามาให้ทั้งหมดเลยครับ!”
โจว จั๋วเฟิง รีบกล่าวพร้อมยื่นข้อเสนอทันที
เขาได้มาอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้บ่อยครั้ง ทำให้เขามีคฤหาสน์พร้อมกับของสะสมโบราณล้ำค่ามากมายไว้สำหรับการมอบเป็นของขวัญเพื่อเจรจาต่อรอง
การให้ของขวัญไม่ควรเป็นเงินสดโดยตรง ของโบราณถือว่าเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้
พูดจบ โจว จั๋วเฟิง ก็รีบโทรหาลูกน้อง ให้เอาของสะสมล้ำค่าที่สุดทั้งหมดมามอบให้ คุณเย่ เพื่อขอโทษ
“ผมขอสาบานเลยครับว่า หลังจากกลับไปที่จินหลิง ผมจะเลิกยุ่งกับ เฉิน เกาเจ๋อ โดยเด็ดขาด! ผมขอสาบานด้วยชีวิตเลยครับ!”
โจว จั๋วเฟิง กล่าวคำสัญญา พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และสิ้นหวัง
“ตอนนี้ คุณยังอยากเตือนคนที่อยู่เบื้องหลัง เฉิน เกาเจ๋อ อีกไหม?”
เย่เฉิน ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่แล้วครับ... ไม่แล้วครับ…”
โจว จั๋วเฟิง รีบส่ายหัวอย่างแรงจนเหมือนลูกข่าง
“ไสหัวไปซะ”
เย่เฉิน โบกมือไล่
เขาไม่อยากเสียเวลากับคนแบบนี้อีก
ไม่นานนัก ลูกน้องของ โจว จั๋วเฟิง ก็นำโบราณวัตถุสุดล้ำค่าหลายชิ้นมาส่งถึงมือ เย่เฉิน ด้วยตัวเอง
“คุณเย่ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะติดต่อไปหาพ่อของ โจว จั๋วเฟิง และจัดการตักเตือนบริษัท ไป่อัน กรุ๊ป ไปพร้อมกันในภายหลังให้เอง”
ฉิน จงเย่ กล่าวด้วยความรับผิดชอบ
เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นภายในบ้านของเขา เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
เย่เฉิน พยักหน้าเล็กน้อย
คืนนั้น หลังจาก เย่เฉิน กลับถึงคฤหาสน์ เขาได้รับโทรศัพท์จากอธิการบดีที่แจ้งว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ซู หนิงซวง และจ้าว ซูซวน จะได้เป็นนักศึกษาอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ทุกขั้นตอนเอกสาร และกระบวนการต่างๆ เขาได้จัดการให้หมดแล้ว
“ขอบคุณครับ ท่านอธิการบดี”
เย่เฉิน กล่าวอย่างสุภาพ
“อย่าได้เกรงใจเลย เพื่อนนักเรียน เย่ การมีนักศึกษาอย่างคุณช่วยให้มหาวิทยาลัยการเงิน และเศรษฐศาสตร์ของเรามีหน้ามีตาเพิ่มขึ้นมากมาย”
อธิการบดี ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงการที่ เย่เฉิน พึ่งช่วยชนะการแข่งขันกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเซี่ยงไฮ้
แค่ห้องสมุดที่เขาบริจาคเมื่อเทอมที่แล้วก็เป็นประโยชน์มหาศาลต่อมหาวิทยาลัยเราแล้ว
คนอย่าง เย่เฉิน คือผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สำคัญสุด
ด้วยการมีนักศึกษาแบบนี้ แม้แต่อธิการบดีเองก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ
“ถ้ามีปัญหาอะไรในมหาวิทยาลัย ก็ติดต่อฉันมาได้ตลอดเลยนะ”
ในที่สุดอธิการบดีก็ได้กล่าวทิ้งท้าย
คืนนั้นเอง เย่เฉิน ได้ส่งข่าวเรื่องนี้ให้พี่สาวของเขา และซู หนิงซวง ทราบ
พี่สาวของเขาตื่นเต้นมาก เธอเชื่อว่าการจบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ย่อมดีกว่าจบจากมหาวิทยาลัยเจียงโจวแน่นอน
ในใจ จ้าว ซูซวน ก็รู้สึกขอบคุณ เย่เฉิน อย่างมาก ดังนั้นเธอจึงรีบหาที่นัดหมายเพื่อเลี้ยงขอบคุณ เย่เฉิน และซู หนิงซวง อีกครั้ง
ครั้งนี้เธอสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องที่นั่งเต็มอีกแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง หลังจาก เย่เฉิน ส่งข้อความไป ซู หนิงซวง ก็ตอบกลับหลังผ่านไปกว่าสิบนาที
“ฉันเพิ่งจัดการเอกสารกองโตเสร็จ และเพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตอนนี้เอง”
ซู หนิงซวง บ่นกับ เย่เฉิน
ตั้งแต่เข้ามาดูแลบริษัทเครื่องสำอาง ซู หนิงซวง ก็ยุ่งมากเป็นพิเศษ เพราะยังปรับตัวกับงานไม่ได้
การจัดการเรื่องต่างๆ ในบริษัทจึงใช้เวลามากตามไปด้วย
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เธอจึงมักจะวางโทรศัพท์ไว้ไกลๆ ตัว เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอเพิ่งเห็นข้อความของ เย่เฉิน
ขณะพูดคุยกัน เย่เฉิน เผลอถามขึ้นมาหลังได้ยิน ซู หนิงซวง บอกว่า พรุ่งนี้บริษัทมีเรื่องสำคัญต้องทำ
“เรื่องอะไรเหรอ?”
เย่เฉิน ถามออกมาด้วยความสงสัย