ตอนที่ 823 ไม่ต้องสืบหรอก คนๆ นั้นก็คือฉันเอง
ทางด้าน โจว จั๋วเฟิง เดิมทีเขายังตั้งตารออย่างตื่นเต้นว่า เฉิน เกาเจ๋อ จะยอมแพ้แต่โดยดี
แต่แล้วพ่อของเขาก็เข้ามาบอกว่า ตอนนี้พวกเขาได้หยุดการโจมตีทางเศรษฐกิจต่อครอบครัว เฉิน เกาเจ๋อ แล้ว
คำพูดนี้ทำเอา โจว จั๋วเฟิง ถึงกับนิ่งงัน
พ่อของเขาอธิบายว่า มีผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งยืนหยัดอยู่เบื้องหลังครอบครัวของ เฉิน เกาเจ๋อ
เขาได้รับโทรศัพท์เตือนหลายสายติดต่อกัน ซึ่งทำให้ ไป่อัน กรุ๊ป ไม่กล้าดำเนินการต่อ
“คนๆ นั้นเราล้ำเส้นไม่ได้เด็ดขาด”
พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
โจว จั๋วเฟิง และกลุ่มลูกน้องต่างนั่งอึ้งอยู่กับที่
“คุณชายโจว แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อดีครับ?”
ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“จะให้ทำไง จะให้ทำไง! ฉันจะไปรู้ได้ไงวะว่าจะทำยังไง!”
โจว จั๋วเฟิง ระเบิดอารมณ์ เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะจบลงแบบนี้
ทั้งที่เขาวางแผนมาอย่างดี และเกือบจะประสบความสำเร็จอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับพังไม่เป็นท่าในนาทีสุดท้าย
“ใครกันที่ เฉิน เกาเจ๋อ ไปเชิญมาช่วย?”
เขานั่งหน้าดําทะมึน หัวใจเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้
“ถ้าฉันเองก็มีคนใหญ่คนโตแบบนั้นให้พึ่งพาได้บ้างก็คงดี...”
เหล่าลูกน้องต่างเริ่มพูดคุยกันเสียงเบาๆ
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้.. พวกแกพูดว่าอะไรนะ?”
โจว จั๋วเฟิง ที่เหมือนเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้ หันไปถามลูกน้องทันที
“ผะ...ผมพูดว่า...ถ้าผมเองก็รู้จักคนใหญ่คนโตแบบนั้นก็คงดี...”
ลูกน้องตอบด้วยความประหม่า
“อ่า..ใช่! นี่แหละ! ฉันมีทางออกแล้ว!”
ดวงตาของ โจว จั๋วเฟิง เปล่งประกาย เขาคิดหาวิธีได้แล้ว
แม้ลูกน้องของเขาอาจจะไม่มีเครือข่ายใหญ่โตอะไร
แต่เขาเองรู้จักคนสำคัญอยู่คนหนึ่งที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ตอนนี้
ทั้งคนๆ นี้ก็มีทั้งอำนาจ อิทธิพล และทรัพย์สินมหาศาลอย่างน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว…
ในเมื่อ เฉิน เกาเจ๋อ สามารถหาคนใหญ่คนโตมาหนุนหลังได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้ล่ะ?
“เตรียมรถ! เราจะไปเซี่ยงไฮ้เดี๋ยวนี้!”
เมื่อคิดได้ โจว จั๋วเฟิง ก็สั่งการทันที
ประมาณสิบกว่านาทีต่อมา รถของ โจว จั๋วเฟิง ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เซี่ยงไฮ้
ในคืนนั้นเขาก็เดินทางมาถึง แต่ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปพบผู้ทรงอิทธิพลท่านนั้นทันที
เขารู้ดีว่า การขอความช่วยเหลือจากคนอื่น จะไปมือเปล่าไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น โจว จั๋วเฟิง เริ่มเตรียมของขวัญ
จนกระทั่งช่วงเย็น เขาจึงนำของขวัญหลายชิ้นบรรจุอยู่ในกล่องปราณีตสวยงาม เดินทางไปยังคฤหาสน์ของบุคคลสำคัญคนนั้น
เมื่อไปถึง เขากดกริ่งหน้าประตู และแม่บ้านก็เป็นคนออกมาเปิดประตู
“สวัสดีครับ ขอเรียนถามว่า บอสฉิน อยู่หรือเปล่าครับ?”
แม้เพียงจะเป็นแม่บ้านของผู้ทรงอิทธิพล แต่ โจว จั๋วเฟิง ก็ยังคงแสดงความสุภาพ
“ท่านฉิน อยู่คะ”
“รบกวนแจ้งด้วยครับว่า โจว จั๋วเฟิง จาก ไป่อัน กรุ๊ปมาขอเข้าพบ”
ไม่นานนัก โจว จั๋วเฟิง ก็ได้รับเชิญให้เข้าไป
“บอสฉิน สวัสดีครับ ไม่ได้พบกันเสียนาน วันนี้ผมมาขอเข้าพบท่านโดยเฉพาะ”
เมื่อเห็น บอสฉิน โจว จั๋วเฟิง ก็ยิ้มประจบประแจงบนใบหน้าของเขา
“อ้าว เสี่ยวโจว ไม่เจอกันนานเลย มาๆ นั่งก่อน”
บอสฉิน พยักหน้ารับก่อนกล่าวอย่างสุภาพ
“ผมทราบมาว่า บอสฉิน ชื่นชอบเครื่องลายครามมาก ผมเลยตั้งใจเฟ้นหาของดีๆ มาอยู่หลายชิ้น สุดท้ายก็เจอชิ้นนี้ครับ แจกันนกยูงสลักลายนูนทองรูปดอกไม้เคลือบน้ำเงินคราม”
“ของล้ำค่าแบบนี้ เก็บไว้ในมือผมคงไร้ค่า แต่หากมอบให้ บอสฉิน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ คงจะเหมาะสมที่สุด”
หลังจากพูดคุยไปสักพัก โจว จั๋วเฟิง ก็หยิบของขวัญชิ้นที่แพงที่สุดออกมา
บอสฉิน ถึงกับตื่นเต้น เพราะนี่คือสมบัติล้ำค่าชั้นสูงที่ผลิตจากเตาราชสำนักในอดีต
อีกทั้งยังเคยถูกประมูลในระดับนานาชาติไปด้วยราคากว่าร้อยล้าน
“ชิ้นนี้เองหรือ แจกันลายครามจากเตาราชสำนัก?”
บอสฉิน จ้องมองอย่างพึงพอใจ
“ใช่ครับ หวังว่า บอสฉิน จะรับไว้”
โจว จั๋วเฟิง ยืนยัน
แม้ บอสฉิน จะชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้ แต่เขาไม่ได้เร่งรีบรับไว้ทันที
เพราะเขารู้ดีว่า ‘ไม่มีของฟรีในโลก’
การที่ โจว จั๋วเฟิง นำของที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้านมามอบให้ จะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน
“เสี่ยวโจว ว่ามาเลยเถอะ เธอต้องการอะไร?”
บอสฉิน ที่มองออกถึงความตั้งใจของ โจว จั๋วเฟิง จึงถามตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
“ยังไงผมก็ไม่อาจปิดบังสายตาอันแหลมคมของ บอสฉิน ได้เลย”
โจว จั๋วเฟิง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มเล่าจุดประสงค์ของตนที่มา
“บอสฉิน ผมกำลังเจอปัญหาเล็กน้อย และอยากจะรบกวนให้ บอสฉิน ช่วยออกหน้าแก้ไขให้หน่อย เรื่องมันเป็นแบบนี้…”
โจว จั๋วเฟิง เพิ่งจะเล่าไปได้ครึ่งทาง เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง
บอสฉิน รีบมองเวลาที่นาฬิกาแขวนผนัง แล้วรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตนเอง ทิ้งให้ โจว จั๋วเฟิง นั่งอยู่ตรงนั้น
เมื่อประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ในเวลานี้คือ ..เย่เฉิน
“คุณเย่ มาแล้ว ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อนรับ”
บอสฉิน กล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
ก่อนหน้านี้เขาถูก โจว จั๋วเฟิง รบกวน จนเกือบลืมไปว่า วันนี้เขาตั้งใจเชิญ คุณเย่ มาทานอาหารค่ำที่บ้าน
ซึ่ง บอสฉิน คนนี้ก็คือ ฉิน จงเย่ ที่เคยปรากฏตัวในงานเลี้ยงของ เว่ย อวี้เตี๋ย ก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นท่าทีของ บอสฉิน ที่ทั้งอบอุ่น และประจบเอาใจ เย่เฉิน
สีหน้าของ โจว จั๋วเฟิง ก็เปลี่ยนไปทันที เขาเดาได้ทันทีว่าผู้มาเยือนคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญอย่างมาก
บอสฉิน เชิญ เย่เฉิน เข้ามาด้านใน พร้อมหันมาบอกกับ โจว จั๋วเฟิง ว่า :
“เสี่ยวโจว มานี่สิ ฉันจะแนะนำให้รู้จัก คุณเย่”
เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน เป็นชายหนุ่มอายุยังน้อย โจว จั๋วเฟิง ก็ตกตะลึง
แต่เขาไม่กล้าหยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย รีบกล่าวทักทายเขาอย่างนอบน้อมทันที
“สวัสดีครับ คุณเย่”
“คุณเย่ นี่คือเสี่ยวโจว รุ่นเยาว์ที่ผมรู้จัก”
บอสฉิน กล่าวแนะนำ
เมื่อมองดู เย่เฉิน โจว จั๋วเฟิง ก็เกิดไอเดียขึ้นมาในหัว
ถ้าสามารถเชิญ คุณเย่ คนนี้ ..และบอสฉิน มาช่วยแก้ปัญหาของเขาได้ ทุกอย่างคงราบรื่นแน่นอน
หลังจาก เย่เฉิน นั่งลง โจว จั๋วเฟิง ก็เริ่มพูดจาประจบประแจงไม่หยุด พยายามเกลี้ยกล่อม เย่เฉิน ให้ช่วยเหลือเขา
“เรื่องนี้ สำหรับ บอสฉิน และคุณเย่ แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ แค่พูดคำเดียวก็พอ”
“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ ผมแค่อยากให้ บอสฉิน และคุณเย่ ช่วยเตือนใครบางคนหน่อยว่าอย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้านให้มากเกินไป”
โจว จั๋วเฟิง พูดไม่หยุดราวกับต้องการจะกล่อม บอสฉิน กับเย่เฉิน ให้ช่วยเขาให้ได้
“ใคร?”
บอสฉิน ถามขึ้น
“ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัดครับ แต่รู้แค่ว่าเขาเป็นคนที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ และเคยเตือนพวกเรา ไป่อัน กรุ๊ป”
โจว จั๋วเฟิง ตอบพร้อมรอยยิ้ม
ข้างๆ กันนั้น เย่เฉิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ผมคิดว่า คนที่สอดมือยุ่งเรื่องนี้ สำหรับ บอสฉิน และคุณเย่ แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรจากตัวตลกกระจอกๆ เท่านั้นหรอกครับ”
โจว จั๋วเฟิง พูดพลางพยายามยั่วยุให้ บอสฉิน กับเย่เฉิน ไม่พอใจ และหันมาช่วยเหลือเขา
บอสฉิน ที่ได้รับของขวัญราคาแพงจาก โจว จั๋วเฟิง ไปแล้ว ก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงมีทีท่าว่าจะตอบรับคำขอ
“ผมจะไปสืบให้ครับ พรุ่งนี้น่าจะรู้แน่แล้วว่าเป็นใครที่กล้าทำตัวไม่เจียมแบบนี้”
โจว จั๋วเฟิง ที่ดูจะมั่นใจมากขึ้น ก็รีบรับปาก เขาคิดว่า ถ้าได้รับการสนับสนุนจากทั้ง บอสฉิน และคุณเย่ การจัดการคนที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ ก็คงง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
คนแบบนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย จะมาเทียบกับ บอสฉิน และคุณเย่ ได้ยังไง?!
กล้าช่วย เฉิน เกาเจ๋อ เดี๋ยวก็ถึงเวลาที่มันจะต้องเสียใจ!
หลังจากพูดไปอย่างนั้น โจว จั๋วเฟิง ก็ลุกขึ้นเตรียมไปจัดการ
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ไม่ต้องสืบหาหรอก คนที่ช่วย เฉิน เกาเจ๋อ คนนั้น ..ก็คือฉันเอง”
เย่เฉิน กล่าวพร้อมกับมอง โจว จั๋วเฟิง ด้วยสายตาเย็นชา และรอยยิ้มที่ดู ‘อบอุ่น’ จนน่าขนลุก