34 - นิทานสอนเด็ก
ที่เชิงเขาริมแม่น้ำ บนก้อนหินแห่งหนึ่ง จูผิงอันและคุณหนูเจ้าอารมณ์จ้องตากันอยู่ บรรยากาศดูแปลกๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ทำไม?” จูผิงอันกางมือเล็กๆ อ้วนๆ ของเขาออกพร้อมถามด้วยน้ำเสียงหมดหนทาง
“ฮ่าๆ เจ้าเป็นคนพูดก่อนนะ เจ้าแพ้แล้ว!” คุณหนูเจ้าอารมณ์กระโดดลงจากก้อนหินด้วยความตื่นเต้น แล้วตบมือด้วยความดีใจ
แพ้อะไรของเจ้า ข้าไปเล่นท้าทายใครพูดก่อนแพ้กับเจ้าตอนไหนกัน จูผิงอันได้แต่รู้สึกจนปัญญา นี่พูดจริงๆ เด็กคนนี้เปลี่ยนชุดใหม่อีกแล้ว มีเงินก็ไม่ต้องใช้แบบนี้ทุกวันหรอกมั้ง เปลี่ยนชุดทุกวัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นจิ้งจอกสาวแท้ๆ ทำไมต้องแต่งตัวให้ดูเหมือนผีเสื้อแสนสวยด้วย ถึงแม้จะดูดีมากก็เถอะ
“เฮ้ เจ้ากรอกตามองบนทำไม?” หลี่ซู เดินเข้ามาหาจูผิงอันอย่างไม่พอใจ พร้อมเท้าสะเอว “ไม่ได้ ข้าจะไปบอกอาจารย์ซุนว่าไม่รับค่าเล่าเรียนจากเจ้า แถมเจ้ายังแอบฟังบทเรียนอีก...”
กลัวเจ้าแล้ว!
“เอาล่ะ คุณหนูหลี่ซู มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า” จูผิงอันยอมแพ้ต่อคำขู่ของคุณหนูเจ้าอารมณ์ เขาถอนหายใจแล้วพูดออกมา
ก็ยังเป็นเจ้าเด็กน่าหมั่นไส้แบบนี้ ทำให้คนรู้สึกไม่ชอบใจจริงๆ!
“อะไรกัน ท่าทางแบบนี้ เชื่อไหมว่าข้าจะไปบอกอาจารย์จริงๆ!”
คุณหนูเจ้าอารมณ์จูปาก พร้อมยื่นมืออ้วนๆ น่ารักของเขามาแตะหน้าผากจูผิงอันเบาๆ สองครั้งด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เชื่อสิ เชื่อ แน่นอนว่าเชื่อ”
เวลาที่ต้องก้มหัวก็ต้องก้ม จูผิงอันเข้าใจดี เขาไม่ใช่คนที่ยอมเจ็บตัวเพื่อศักดิ์ศรีเล็กๆ ก้มหัวลงนิดหน่อย โค้งตัวนิดเดียว มันสำคัญอะไรล่ะ ในโลกนี้ต้องรู้จักยืดหยุ่น คลื่นลมพัดแรงต้นหญ้ายังโอนอ่อน แต่เมื่อพายุสงบ ต้นหญ้ายังคงตั้งรับแสงแดดและฝนใหม่ๆ ต่อไปได้ ต่างกับต้นสนที่ยืนหยัดไม่โอนอ่อน หากพายุหนักหนาเข้า มันอาจหักสะบั้น
“เจ้าแอบฟังบทเรียน สนุกไหม เล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าเจ้าได้ยินอะไรมา” หลี่ซูจ้องมองด้วยดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความอยากรู้ แน่นอนว่าความเย่อหยิ่งและความทะนงตัวของนางก็ยังไม่หาย “ฮึ ข้าแค่สงสารเจ้าหรอกนะ ถึงให้โอกาสครั้งนี้”
“ได้ยินเรื่อง สามอักษรจิง คนเราเมื่อเกิดมานิสัยย่อมบริสุทธิ์ นิสัยที่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งแวดล้อมทำให้ต่างกัน...” จูผิงอันท่องไปอย่างคล่องแคล่ว
“เจ้านี่เปลืองโอกาสจริงๆ นะ” หลี่ซูพูดด้วยความไม่พอใจ
“ยังมี บทพันอักษร ฟ้าดินเรืองรอง จักรวาลกว้างใหญ่ พระอาทิตย์พระจันทร์เคลื่อนไป ดวงดาวส่องประกาย...” จูผิงอันเล่าต่อ
“พอเถอะ ข้าจะไปบอกอาจารย์ดีกว่า”
คุณหนูเจ้าอารมณ์ลุกขึ้นยืนและก้าวขาเล็กๆ เดินออกไปทำท่าจะฟ้อง
“ยังมีอีกเรื่อง เรื่องของ ‘กระโปรงแดงน้อย’” จูผิงอันรู้ว่าคุณหนูเจ้าอารมณ์กำลังแกล้งทำท่าเล่นละคร จึงต้องเล่าเรื่องที่เคยใช้เล่าให้เด็กๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าฟังออกมา
“งั้นข้าก็จะฟังให้หน่อยแล้วกัน”
คุณหนูเจ้าอารมณ์หยุดก้าวขาเล็กๆ ของเขา กลับมานั่งบนก้อนหินอีกครั้ง
จริงด้วย เด็กๆ ยังไงก็ต้องใช้เรื่องนิทานมาช่วย
“กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ใครๆ ก็รัก...” จูผิงอันเริ่มเล่าอย่างช้าๆ
“ที่ใครๆ ก็รักน่ะ มีน่ารักกว่าข้าไหม?” คุณหนูเจ้าอารมณ์ขัดขึ้นมา
หมาป่าในนิทานยังน่ารักกว่าเจ้าอีก! แน่นอนว่าเขาไม่พูดประโยคนั้นออกไป
“ไม่น่ารักเท่าเจ้า...” จูผิงอันยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ตอบออกไปอย่างฝืนใจ
คุณหนูเจ้าอารมณ์พอใจแล้ว นางเชิดหน้าและให้จูผิงอันเริ่มเล่าใหม่
“กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ใครๆ ก็รัก นางชอบใส่กระโปรงสีแดงที่ท่านยายมอบให้เป็นของขวัญ ทุกคนจึงเรียกนางว่า ‘กระโปรงแดงน้อย’”
คุณหนูเจ้าอารมณ์บ่นเบาๆ “ข้าไม่มีทางใส่ชุดเดิมทุกวันหรอกนะ”
“วันหนึ่ง ท่านแม่ของเด็กกระโปรงแดงน้อยบอกนางว่า ‘ท่านยายป่วยอยู่ ช่วยแม่เอาขนมไปเยี่ยมท่านยายหน่อยนะ’ และกำชับว่า ‘ท่านยายอยู่ในป่า ทางไกลมาก ระหว่างทางต้องระวังตัว อย่าเล่นซุกซน!’”
จริงๆ แล้ว จูผิงอันก็แค่เปลี่ยนเรื่องหนูน้อยหมวกแดงให้กลายเป็นเรื่องหนูน้อยกระโปรงแดง เพราะในสมัยหมิงไม่มีเด็กผู้หญิงสวมหมวก จึงเปลี่ยนเป็นกระโปรงแทน
ในป่าลึกหนาทึบ เด็กหญิงกระโปรงแดงน้อยได้พบกับหมาป่าตัวใหญ่ ซึ่งนางไม่เคยเจอมาก่อน และไม่รู้ว่าหมาป่าเป็นสัตว์ที่ดุร้าย จึงเผลอบอกเป้าหมายที่มาป่าให้หมาป่ารู้ หมาป่าจึงหลอกล่อให้นางไปเก็บเห็ด ส่วนตัวมันรีบวิ่งไปที่กระท่อมในป่า แกล้งทำเสียงเลียนแบบเด็กหญิงกระโปรงแดงน้อยเคาะประตูบ้านท่านยายของนาง
“กร๊วบ!” หมาป่าตัวร้ายกลืนท่านยายของเด็กกระโปรงแดงน้อยลงท้องทั้งคน
หลังจากนั้น หมาป่าก็แกล้งทำตัวเป็นท่านยายของเด็กกระโปรงแดงน้อย พอเด็กหญิงมาถึง หมาป่าอ้าปากกว้าง “กร๊วบ!” คราวนี้กลืนเด็กหญิงกระโปรงแดงน้อยเข้าไปในท้องโดยไม่ต้องเคี้ยวเลย
“กลืนไปหมดแล้วเหรอ?”
“ต่อมามีคนตัดฟืนคนหนึ่งผ่านมา เขาหยิบกรรไกรอันใหญ่ออกมาด้วยความเร็วและระมัดระวัง เขาก็ใช้กรรไกรค่อยๆ ตัดท้องของหมาป่าออก ท่านยายและเด็กกระโปรงแดงน้อยจึงถูกช่วยออกมาได้”
จูผิงอันมองคุณหนูเจ้าอารมณ์ที่ตั้งใจฟังเรื่องเล่าด้วยท่าทีสนใจ เขาถึงกับอดคิดไม่ได้ว่าเด็กนั้นเปิดรับสิ่งใหม่ได้ง่าย หากเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ในยุคนี้ฟัง คงถูกตั้งคำถามแน่ เช่น หมาป่าพูดได้ยังไง ท้องของมันจะใหญ่พอให้คนกับเด็กเข้าไปอยู่ได้จริงเหรอ แล้วคนในท้องยังออกมาได้อย่างไร...
เมื่อจบเรื่องเด็กกระโปรงแดงน้อยที่ดัดแปลงมาจากหนูน้อยหมวกแดง จูผิงอันถามว่า “ฟังจบแล้ว เจ้าได้อะไรจากเรื่องนี้?”
“กินอะไรก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียด...”
คุณหนูเจ้าอารมณ์ตอบพลางกระพริบตาเอียงคอพูด
เคี้ยวให้ละเอียด!!!
ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!
เรื่องของหนูน้อยหมวกแดงตั้งใจจะสอนเด็กผู้หญิงว่าอย่าไปคุยกับคนแปลกหน้า อย่ามัวเล่นซุกซน แล้วกลับบ้านให้เร็ว!
จูผิงอันยังหวังว่าเรื่องนี้จะช่วยให้คุณหนูเจ้าอารมณ์เลิกมายุ่งกับเขา ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า และอย่าเที่ยวเล่นข้างนอก กลับไปเป็นคุณหนูผู้ดีในบ้านเสียเถอะ
แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลี่ซูคนนี้จะคิดไม่เหมือนคนปกติเลย คำพูดว่า เคี้ยวให้ละเอียด ทำเอาจูผิงอันถึงกับพูดไม่ออก
คุณหนูเจ้าอารมณ์ฟังเรื่องอย่างสนุกสนาน เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องที่คนจนอย่างจูผิงอันเล่ามันไม่เหมือนใคร และน่าสนใจ
“อืม เห็นเจ้าตั้งใจขนาดนี้ ข้าจะให้โอกาสอีกครั้ง เล่าอีกเรื่องหนึ่งสิ”
คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“เอ่อ...” จูผิงอันนิ่งไปชั่วขณะ มองดูพระอาทิตย์บนฟ้า อาจารย์น่าจะเลิกสอนแล้วมั้ง “ก็ได้ งั้นข้าจะเล่าเรื่อง ‘เจ้าชายกบ’ ให้ฟัง”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชธิดาของพระองค์ทุกคนล้วนงดงาม โดยเฉพาะธิดาคนสุดท้อง ที่แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่เห็นทุกสิ่งในโลก เมื่อส่องแสงลงบนใบหน้าของเธอ ก็ยังต้องทึ่งในความงดงามนั้น ใกล้พระราชวังมีป่าลึกอันมืดครึ้ม และในป่านั้น มีบ่อน้ำแห่งหนึ่งใต้ต้นโพธิ์เก่า...”
คุณหนูเจ้าอารมณ์ตั้งใจฟังเรื่องราว รู้สึกว่าเรื่องที่คนจนอย่างจูผิงอันเล่าช่างสนุก และคำพูดในเรื่องก็ไพเราะ
แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่ส่องลงบนใบหน้าเธอยังทึ่งในความงดงาม... ทำเอาคุณหนูเจ้าอารมณ์อดรู้สึกเขินอายไม่ได้
“เจ้าหญิงตัวน้อยไม่ชอบกบตัวอัปลักษณ์ตัวนี้เลย...”
เมื่อจูผิงอันเล่าถึงตรงนี้ คุณหนูเจ้าอารมณ์ก็พูดขัดขึ้น “ถ้าเป็นข้า ข้าก็ยิ่งไม่ชอบกบขี้เหร่ตัวนี้หรอก กบมันไม่คู่ควรกับหงส์สักนิด ฮึ! ข้าชอบผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ถ้าเขาไม่ได้เป็นจอหงวน ข้าก็ไม่เอา ข้าต้องเป็นภรรยาขุนนางให้ได้...”
เด็กน้อยไร้ยางอายจริงๆ เอาแต่พูดเรื่องจอหงวนกับเป็นภรรยาขุนนางทุกวัน แต่ก็เข้าใจได้ เด็กตัวเล็กขนาดนี้ยังไม่รู้จักความเขินอายเลย
“นับแต่นั้น เจ้าชายรูปงามและเจ้าหญิงผู้งดงามก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...” จูผิงอันจบเรื่องเจ้าชายกบจนได้ แม้ระหว่างเล่าจะถูกขัดหลายครั้ง
“อะไรเนี่ย กบก็คือกบ มันไม่มีวันกลายเป็นเจ้าชายได้หรอก... จะเอามาทำกบตุ๋นหรือกบย่างก็พอได้ แต่อย่าหวังว่าจะเป็นเจ้าชาย...”