ตอนที่แล้วบทที่ 872 ซ่อมแซมตราพลิกผืนดิน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 874 การรับมือของหอการค้าห้าธาตุ 

บทที่ 873 จอบแห่งเซียน 


ในอดีตแม้ว่าสวรรค์และโลกจะตัดขาดกัน เซียนจากยุคโบราณก็หาได้สูญสิ้นไปตามกระแสเวลา

สำหรับผู้ที่สามารถผ่านด่านเคราะห์และบินขึ้นสวรรค์ กลายเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวเทียบเท่าฟ้าดิน ล้วนเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่และย่อมไม่เป็นเพียงเงาเบื้องหลังให้ผู้อื่นไปง่ายๆ

เซียนมายาจันทราก็เช่นกัน

ชายแขนเดียวแม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ แต่ภูมิปัญญาของเขาไม่ได้ต่างจากร่างจริงเลยแม้แต่น้อย

เมื่อพบเจอผู้สืบทอดของเซียนมายาจันทรา เขาย่อมต้องช่วยเหลือเต็มกำลังภายใต้กฎเกณฑ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะไร้มารยาทเพียงใดก็ตาม

เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ซึ่งความขอบคุณ ชายแขนเดียวก็เลิกหวังว่าอีกฝ่ายจะเคารพเขาและโยนจอบเล่มหนึ่งให้

“แค่จอบนี่เอง?” อี้ถิงเซิงกล่าวพร้อมรับจอบด้วยมือเดียว

จอบเล่มนี้มีสีดำสนิทตั้งแต่ด้ามจับจนถึงตัวใบเหล็กดูรวมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด

แม้จะดูไม่ธรรมดา แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธแล้ว เทคนิคการหลอมแบบนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่

“เจ้าพูดว่าแค่จอบ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเลียนแบบอาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไรมา?”

“เจ้าหมายความว่ามันเลียนแบบของคนอื่นหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“ไม่แปลกใจเลย ของปลอมสินะ”

“นี่เจ้า!”

ชายแขนเดียวแทบสำลักคำพูด เขามองอี้ถิงเซิงด้วยความขัดใจ

“ช่างเถอะ ของปลอมก็ปลอม ข้าขอทราบว่าใช้ทำอะไรได้บ้างก็พอ”

ชายแขนเดียวเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“จอบเล่มนี้เรียกว่าจอบเก็บวิญญาณ มันถูกหลอมเลียนแบบจากอาวุธของเทพแห่งการเพาะปลูกประโยชน์หลักของมันคือการเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณ เมื่อใช้มันเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณที่ได้จะถูกเก็บไว้ในพื้นที่พิเศษที่สร้างขึ้นภายในจอบ ไม่เพียงแค่รักษาความสด แต่ยังสามารถย้ายปลูกใหม่ได้อีกด้วย”

“อืม?” อี้ถิงเซิงทำหน้าตาประหลาดใจ

“เจ้าอืมอะไร?”

“มันมีประโยชน์อะไรหรือ?”

“เจ้ารู้อะไรบ้างหรือเปล่า!”

ชายแขนเดียวตะโกนด่าอย่างหัวเสีย ก่อนจะปล่อยพลังอัดเขาออกไป

ทว่าทันทีที่ลมพลังผ่านไป อี้ถิงเซิงกลับยืนอยู่ที่เดิม พร้อมแสดงสีหน้าเย้ยหยัน

เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นจังหวะไม่ปกติและใช้ภาพมายาหลอกชายแขนเดียวไปเรียบร้อยแล้ว

“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปอีก!”

“สมบัติวิเศษสำหรับข้ายังไม่ได้เลย”

“ข้าให้เจ้าไปแล้วนี่ไง?” ชายแขนเดียวเริ่มตระหนักว่าเจอคนไร้ยางอายเข้าให้แล้ว

“นั่นสำหรับพี่น้องข้า”

อี้ถิงเซิงดีดนิ้วทีหนึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนเข้าไปในจิตวิญญาณของชายแขนเดียว จนร่างของเขาสั่นไหวและเลือนรางมากขึ้น

ในมือของอี้ถิงเซิงปรากฏลูกแก้วสีขาวใส ซึ่งเป็นลูกแก้วที่ชายแขนเดียวเคยเสนอให้ก่อนหน้านี้

“นี่สิ ถึงจะเป็นของของข้า” อี้ถิงเซิงหมุนตัวเตรียมออกไป แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตู เขาหันกลับมาถามอีกครั้ง

“ว่าแต่มันชื่ออะไรหรือ?”

“ลูกแก้วภาพมายา” ชายแขนเดียวตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“ฟังดูไม่เลวเลย”

อี้ถิงเซิงเก็บลูกแก้วไว้ในมือก่อนเดินออกจากสุสานโบราณอย่างไม่รีบร้อน

...

ด้านนอกสุสาน

เจ้าไก่หัวแข็งส่งเสียงบ่นอย่างไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะกางปีกโผขึ้นสู่ท้องฟ้า

“ข้าทำให้เจ้ารอนานไปหรือเปล่า?”

เจ้าไก่หัวแข็งกลอกตาก่อนจะใช้ลมวนยกร่างอี้ถิงเซิงขึ้นหลังและบินไปยังยอดเขาหยินเยว

...

เมืองหยินเยว่

เหนือฟ้าแห่งเมืองนี้ห้ามผู้ใดบิน แต่กลับมีเงาแดงลอยผ่านบ่อยครั้งจนเหล่าผู้ฝึกตนในเมืองรู้ดีว่า นั่นคือสัตว์อสูรของเจ้าสำนักมั่วไถ

เมื่อกลับถึงยอดเขาหยินเยว่เฉินโม่มองเขาอย่างสงสัย

“เจ้าทำไมใช้เวลานานขนาดนี้?”

เจ้าไก่หัวแข็งส่งเสียงบ่น ก่อนที่อี้ถิงเซิงจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“การซ่อมแซมตราพลิกผืนดินทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย”

“ว่าอะไรนะ?”

เฉินโม่คิดว่าตัวเองคงฟังผิด แต่เมื่อเห็นตราที่ผสานด้วยสีเหลืองและแดงเข้มในมืออี้ถิงเซิง เขาถึงกับชะงัก

ตราพลิกผืนดินกลับมาแล้วจริงๆ

ด้วยความเชื่อมโยงที่เกิดจากการหลอมรวมทำให้เขารู้สึกได้ว่าตราประทับนี้แตกต่างไปจากเดิม

“มันซ่อมแซมเสร็จจริงหรือ?”

"ใช่แล้ว เรื่องง่ายๆเท่านั้นเอง" อี้ถิงเซิงกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

เฉินโม่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

อี้ถิงเซิงช่างเหมาะสมกับคำว่าบุตรแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง

เมื่อเข้าไปในดินแดนลับของเซียนมายาจันทราก็ได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาและความเชี่ยวชาญในศาสตร์ภาพมายาจนถึงขีดสุด

และเมื่อเข้าสู่สุสานโบราณก็สามารถใช้ประโยชน์จากแดนลับเพื่อซ่อมแซมอาวุธสมบัติระดับเซียนได้

นี่คือสิทธิพิเศษระดับไหนกัน?

“ขอบคุณ!”

สำหรับตราพลิกผืนดินที่ได้รับการซ่อมแซม เฉินโม่รู้ว่ายังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงการใช้งานใหม่ๆ

แต่ในใจลึกๆเขารู้สึกได้ว่าตรานี้จะส่งผลกระทบต่อดินแดนผิงตูโจวในอนาคตอย่างลึกซึ้ง

“ขอบคุณอะไร ข้าก็แค่จินตนาการตัวละครขึ้นมาและตัวนั้นก็ดูเหมือนจะซ่อมได้ไม่เต็มที่ จึงทำได้แค่ซ่อมให้มันถึงระดับอาวุธสมบัติขั้นกลางเท่านั้น”

“อาวุธสมบัติขั้นกลาง!”

แม้คำพูดของอี้ถิงเซิงจะฟังดูแปลกๆแต่คำว่ อาวุธสมบัติขั้นกลาง ก็ทำให้เฉินโม่ละสายตาจากรายละเอียดอื่นๆไปโดยสิ้นเชิง

“ใช่แล้ว อีกอย่างข้ายังมีสิ่งนี้ด้วย”

พูดจบอี้ถิงเซิงก็ยื่นวัตถุอีกชิ้นให้ เฉินโม่รับไว้ด้วยความลังเล ความคิดในหัวล้วนเต็มไปด้วยคำถามว่า

"จริงหรือ?"

แต่ทันทีที่สัมผัสวัตถุเขารับรู้ถึงพลังและความพิเศษในทันที

“มันมีพื้นที่พิเศษ?”

เฉินโม่ผู้มีความละเอียดอ่อนต่อดินแดนลับ รู้สึกได้เพียงพริบตาว่าวัตถุนั้นซ่อนความลึกลับไว้

“ใช่แล้ว มันคือจอบแห่งเซียน ใช้สำหรับเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณและพืชที่ถูกเก็บจะถูกส่งเข้าสู่พื้นที่พิเศษในตัวจอบซึ่งสามารถรักษาความสดของพืชวิญญาณและย้ายปลูกใหม่ได้”

อี้ถิงเซิงเล่าถึงคำอธิบายที่ชายแขนเดียวเคยบอกไว้ แต่เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวัตถุจากจอบเก็บวิญญาณเป็นจอบแห่งเซียนเพราะฟังดูมีอำนาจและน่าเกรงขามกว่า

“จอบแห่งเซียน? ชื่อฟังดูยิ่งใหญ่มาก” เฉินโม่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ

“ดูเหมือนเจ้าของสุสานโบราณผู้นั้นคงไม่ธรรมดาแน่”

“คงจะเป็นเช่นนั้น”

หลังจากได้รับจอบแห่งเซียนมา เฉินโม่ก็เริ่มทดสอบโดยทันที เขาใช้จอบขุดต้น ข้าวไม้สร้างฟ้าที่ปลูกอยู่หน้าประตู

พืชที่ถูกเก็บเกี่ยวเข้าไปในพื้นที่พิเศษของจอบยังคงมีความสดสมบูรณ์เหมือนเดิม

หลังจากนั้น เขาย้ายต้นข้าวไม้สร้างฟ้ากลับไปยังดินเดิม พืชวิญญาณก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณและเติบโตต่อได้อย่างไม่มีปัญหา

ความประหลาดใจยังไม่หมด เฉินโม่เดินไปยังยอดเขาอีกแห่งหนึ่งและลองเก็บเกี่ยวโสมดาวม่วงซึ่งเพิ่งถูกย้ายมาจากเกาะอิทธิฤทธิ์เทพ

ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมพืชวิญญาณยังคงมีชีวิตและพร้อมย้ายปลูกใหม่

นี่หมายความว่า จอบแห่งเซียน สามารถใช้กับพืชวิญญาณทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นพืชวิญญาณแบบไหนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของจอบแห่งเซียนพุ่งสูงขึ้นไปอีกระดับ เพราะนอกจากพืชวิญญาณทั่วไปแล้ว มันยังเหมาะสำหรับเก็บเกี่ยว สมบัติจากฟ้าดิน ที่หายากและล้ำค่าอีกด้วยวย

ในตอนนั้นเองภาพของเกาะแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเฉินโม่...

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด