บทที่ 873 จอบแห่งเซียน
ในอดีตแม้ว่าสวรรค์และโลกจะตัดขาดกัน เซียนจากยุคโบราณก็หาได้สูญสิ้นไปตามกระแสเวลา
สำหรับผู้ที่สามารถผ่านด่านเคราะห์และบินขึ้นสวรรค์ กลายเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวเทียบเท่าฟ้าดิน ล้วนเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่และย่อมไม่เป็นเพียงเงาเบื้องหลังให้ผู้อื่นไปง่ายๆ
เซียนมายาจันทราก็เช่นกัน
ชายแขนเดียวแม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ แต่ภูมิปัญญาของเขาไม่ได้ต่างจากร่างจริงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพบเจอผู้สืบทอดของเซียนมายาจันทรา เขาย่อมต้องช่วยเหลือเต็มกำลังภายใต้กฎเกณฑ์ แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะไร้มารยาทเพียงใดก็ตาม
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ซึ่งความขอบคุณ ชายแขนเดียวก็เลิกหวังว่าอีกฝ่ายจะเคารพเขาและโยนจอบเล่มหนึ่งให้
“แค่จอบนี่เอง?” อี้ถิงเซิงกล่าวพร้อมรับจอบด้วยมือเดียว
จอบเล่มนี้มีสีดำสนิทตั้งแต่ด้ามจับจนถึงตัวใบเหล็กดูรวมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด
แม้จะดูไม่ธรรมดา แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธแล้ว เทคนิคการหลอมแบบนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่
“เจ้าพูดว่าแค่จอบ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเลียนแบบอาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไรมา?”
“เจ้าหมายความว่ามันเลียนแบบของคนอื่นหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ไม่แปลกใจเลย ของปลอมสินะ”
“นี่เจ้า!”
ชายแขนเดียวแทบสำลักคำพูด เขามองอี้ถิงเซิงด้วยความขัดใจ
“ช่างเถอะ ของปลอมก็ปลอม ข้าขอทราบว่าใช้ทำอะไรได้บ้างก็พอ”
ชายแขนเดียวเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“จอบเล่มนี้เรียกว่าจอบเก็บวิญญาณ มันถูกหลอมเลียนแบบจากอาวุธของเทพแห่งการเพาะปลูกประโยชน์หลักของมันคือการเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณ เมื่อใช้มันเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณที่ได้จะถูกเก็บไว้ในพื้นที่พิเศษที่สร้างขึ้นภายในจอบ ไม่เพียงแค่รักษาความสด แต่ยังสามารถย้ายปลูกใหม่ได้อีกด้วย”
“อืม?” อี้ถิงเซิงทำหน้าตาประหลาดใจ
“เจ้าอืมอะไร?”
“มันมีประโยชน์อะไรหรือ?”
“เจ้ารู้อะไรบ้างหรือเปล่า!”
ชายแขนเดียวตะโกนด่าอย่างหัวเสีย ก่อนจะปล่อยพลังอัดเขาออกไป
ทว่าทันทีที่ลมพลังผ่านไป อี้ถิงเซิงกลับยืนอยู่ที่เดิม พร้อมแสดงสีหน้าเย้ยหยัน
เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นจังหวะไม่ปกติและใช้ภาพมายาหลอกชายแขนเดียวไปเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปอีก!”
“สมบัติวิเศษสำหรับข้ายังไม่ได้เลย”
“ข้าให้เจ้าไปแล้วนี่ไง?” ชายแขนเดียวเริ่มตระหนักว่าเจอคนไร้ยางอายเข้าให้แล้ว
“นั่นสำหรับพี่น้องข้า”
อี้ถิงเซิงดีดนิ้วทีหนึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนเข้าไปในจิตวิญญาณของชายแขนเดียว จนร่างของเขาสั่นไหวและเลือนรางมากขึ้น
ในมือของอี้ถิงเซิงปรากฏลูกแก้วสีขาวใส ซึ่งเป็นลูกแก้วที่ชายแขนเดียวเคยเสนอให้ก่อนหน้านี้
“นี่สิ ถึงจะเป็นของของข้า” อี้ถิงเซิงหมุนตัวเตรียมออกไป แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตู เขาหันกลับมาถามอีกครั้ง
“ว่าแต่มันชื่ออะไรหรือ?”
“ลูกแก้วภาพมายา” ชายแขนเดียวตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
“ฟังดูไม่เลวเลย”
อี้ถิงเซิงเก็บลูกแก้วไว้ในมือก่อนเดินออกจากสุสานโบราณอย่างไม่รีบร้อน
...
ด้านนอกสุสาน
เจ้าไก่หัวแข็งส่งเสียงบ่นอย่างไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะกางปีกโผขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ข้าทำให้เจ้ารอนานไปหรือเปล่า?”
เจ้าไก่หัวแข็งกลอกตาก่อนจะใช้ลมวนยกร่างอี้ถิงเซิงขึ้นหลังและบินไปยังยอดเขาหยินเยว
...
เมืองหยินเยว่
เหนือฟ้าแห่งเมืองนี้ห้ามผู้ใดบิน แต่กลับมีเงาแดงลอยผ่านบ่อยครั้งจนเหล่าผู้ฝึกตนในเมืองรู้ดีว่า นั่นคือสัตว์อสูรของเจ้าสำนักมั่วไถ
เมื่อกลับถึงยอดเขาหยินเยว่เฉินโม่มองเขาอย่างสงสัย
“เจ้าทำไมใช้เวลานานขนาดนี้?”
เจ้าไก่หัวแข็งส่งเสียงบ่น ก่อนที่อี้ถิงเซิงจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“การซ่อมแซมตราพลิกผืนดินทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย”
“ว่าอะไรนะ?”
เฉินโม่คิดว่าตัวเองคงฟังผิด แต่เมื่อเห็นตราที่ผสานด้วยสีเหลืองและแดงเข้มในมืออี้ถิงเซิง เขาถึงกับชะงัก
ตราพลิกผืนดินกลับมาแล้วจริงๆ
ด้วยความเชื่อมโยงที่เกิดจากการหลอมรวมทำให้เขารู้สึกได้ว่าตราประทับนี้แตกต่างไปจากเดิม
“มันซ่อมแซมเสร็จจริงหรือ?”
"ใช่แล้ว เรื่องง่ายๆเท่านั้นเอง" อี้ถิงเซิงกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
เฉินโม่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก
อี้ถิงเซิงช่างเหมาะสมกับคำว่าบุตรแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง
เมื่อเข้าไปในดินแดนลับของเซียนมายาจันทราก็ได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาและความเชี่ยวชาญในศาสตร์ภาพมายาจนถึงขีดสุด
และเมื่อเข้าสู่สุสานโบราณก็สามารถใช้ประโยชน์จากแดนลับเพื่อซ่อมแซมอาวุธสมบัติระดับเซียนได้
นี่คือสิทธิพิเศษระดับไหนกัน?
“ขอบคุณ!”
สำหรับตราพลิกผืนดินที่ได้รับการซ่อมแซม เฉินโม่รู้ว่ายังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจถึงการใช้งานใหม่ๆ
แต่ในใจลึกๆเขารู้สึกได้ว่าตรานี้จะส่งผลกระทบต่อดินแดนผิงตูโจวในอนาคตอย่างลึกซึ้ง
“ขอบคุณอะไร ข้าก็แค่จินตนาการตัวละครขึ้นมาและตัวนั้นก็ดูเหมือนจะซ่อมได้ไม่เต็มที่ จึงทำได้แค่ซ่อมให้มันถึงระดับอาวุธสมบัติขั้นกลางเท่านั้น”
“อาวุธสมบัติขั้นกลาง!”
แม้คำพูดของอี้ถิงเซิงจะฟังดูแปลกๆแต่คำว่ อาวุธสมบัติขั้นกลาง ก็ทำให้เฉินโม่ละสายตาจากรายละเอียดอื่นๆไปโดยสิ้นเชิง
“ใช่แล้ว อีกอย่างข้ายังมีสิ่งนี้ด้วย”
พูดจบอี้ถิงเซิงก็ยื่นวัตถุอีกชิ้นให้ เฉินโม่รับไว้ด้วยความลังเล ความคิดในหัวล้วนเต็มไปด้วยคำถามว่า
"จริงหรือ?"
แต่ทันทีที่สัมผัสวัตถุเขารับรู้ถึงพลังและความพิเศษในทันที
“มันมีพื้นที่พิเศษ?”
เฉินโม่ผู้มีความละเอียดอ่อนต่อดินแดนลับ รู้สึกได้เพียงพริบตาว่าวัตถุนั้นซ่อนความลึกลับไว้
“ใช่แล้ว มันคือจอบแห่งเซียน ใช้สำหรับเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณและพืชที่ถูกเก็บจะถูกส่งเข้าสู่พื้นที่พิเศษในตัวจอบซึ่งสามารถรักษาความสดของพืชวิญญาณและย้ายปลูกใหม่ได้”
อี้ถิงเซิงเล่าถึงคำอธิบายที่ชายแขนเดียวเคยบอกไว้ แต่เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวัตถุจากจอบเก็บวิญญาณเป็นจอบแห่งเซียนเพราะฟังดูมีอำนาจและน่าเกรงขามกว่า
“จอบแห่งเซียน? ชื่อฟังดูยิ่งใหญ่มาก” เฉินโม่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“ดูเหมือนเจ้าของสุสานโบราณผู้นั้นคงไม่ธรรมดาแน่”
“คงจะเป็นเช่นนั้น”
หลังจากได้รับจอบแห่งเซียนมา เฉินโม่ก็เริ่มทดสอบโดยทันที เขาใช้จอบขุดต้น ข้าวไม้สร้างฟ้าที่ปลูกอยู่หน้าประตู
พืชที่ถูกเก็บเกี่ยวเข้าไปในพื้นที่พิเศษของจอบยังคงมีความสดสมบูรณ์เหมือนเดิม
หลังจากนั้น เขาย้ายต้นข้าวไม้สร้างฟ้ากลับไปยังดินเดิม พืชวิญญาณก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณและเติบโตต่อได้อย่างไม่มีปัญหา
ความประหลาดใจยังไม่หมด เฉินโม่เดินไปยังยอดเขาอีกแห่งหนึ่งและลองเก็บเกี่ยวโสมดาวม่วงซึ่งเพิ่งถูกย้ายมาจากเกาะอิทธิฤทธิ์เทพ
ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมพืชวิญญาณยังคงมีชีวิตและพร้อมย้ายปลูกใหม่
นี่หมายความว่า จอบแห่งเซียน สามารถใช้กับพืชวิญญาณทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นพืชวิญญาณแบบไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของจอบแห่งเซียนพุ่งสูงขึ้นไปอีกระดับ เพราะนอกจากพืชวิญญาณทั่วไปแล้ว มันยังเหมาะสำหรับเก็บเกี่ยว สมบัติจากฟ้าดิน ที่หายากและล้ำค่าอีกด้วยวย
ในตอนนั้นเองภาพของเกาะแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเฉินโม่...
(จบบท)