ตอนที่ 99 ผู้พิทักษ์กำแพง และ เดอะวอชเชอร์!
ตอนที่ 99 ผู้พิทักษ์กำแพง และ เดอะวอชเชอร์!
นี่สินะตัวบอสที่แท้จริง!
เอริคยืนยันได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก่อนที่เขาจะยกเท้าถีบกลับไปด้านหลังอย่างรุนแรง จนทำให้นิค ฟิวรี่ร่างยักษ์ที่กำลังพยายามลุกขึ้นหมดสติลงทันที
“ฉันควรเรียกคุณว่าอะไรดี? นิค ฟิวรี่? หรือ ‘ผู้พิทักษ์กำแพง’?”
“อะไรก็ได้ทั้งนั้น ชื่อมันก็แค่รหัส ตอนที่ฉันรับหน้าที่นี้ ฉันได้ละทิ้งชื่อของตัวเองไปแล้ว” นิค ฟิวรี่ผิวขาว หรือผู้พิทักษ์กำแพง เดินเข้ามาหานิค ฟิวรี่ร่างยักษ์ช้า ๆ ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยเบา ๆ แล้วถามว่า “นายแน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่ฆ่าเขา?”
เอริคหรี่ตามองผู้พิทักษ์กำแพง แม้หน้าตาจะคล้ายกับนิค ฟิวรี่บนโลกมาก แต่มีจุดต่างหลายอย่าง อย่างแรกคือ เขาเป็นคนผิวขาว และอย่างที่สอง . . . เขามีผม
ใช่แล้ว นี่คือไข่ต้มที่ทั้งปอกเปลือกและยังมีผมขึ้นอีก! เป็นไข่ต้มฟิวรี่ในรูปแบบของวายร้าย!
“ทำไมฉันต้องฆ่าเขาด้วย?”
“เพราะเขาต้องการฆ่านายไง”
“ไม่ เขาไม่ได้ต้องการ มันเป็นเพราะนายควบคุมเขา นายนั่นแหละที่ต้องการฆ่าฉัน!”
“งั้นนายจะฆ่าฉันไหม? ลองดูสิ!” ผู้พิทักษ์กำแพงดึงปืนพกออกมาและโยนให้กับเอริค
เอริคยื่นมือรับปืนแล้วเปิดดูแมกกาซีนข้างใน ตอนี้กระสุนข้างในกำลังเปล่งแสงสีฟ้าจาง ๆ แฝงไปด้วยพลังงานที่อันตรายจนทำให้เอริครู้สึกขนลุกและดวงตาหดลงเหลือเท่าเข็มหมุด
“กระสุนแกมมา?” เอริคเลื่อนแมกกาซีนกลับเข้าไปในปืนอย่างเบามือและจ้องมองผู้พิทักษ์กำแพง
“ใช่ มันฆ่าได้ทุกคน รวมถึงฉันด้วย เอาสิ ยิงมาเลย!” ผู้พิทักษ์กำแพงค่อย ๆ หลับตาลง พร้อมกับกางแขนเหมือนยอมรับความตาย
เอริคถึงกับพูดไม่ออก แต่ตอนนี้เขาก็เดาเจตนาของผู้พิทักษ์กำแพงได้แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงโยนปืนกลับไปให้อีกฝ่าย “ถ้านายอยากตายก็ทำเองเถอะ ฉันเป็นคนดีแล้ว!”
“คนดี? ฮึ ไม่มีคนดีในโลกนี้หรอก!” ผู้พิทักษ์กำแพงรับปืนกลับมา ก่อนจะหัวเราะเยาะและลั่นไกยิงนิค ฟิวรี่ร่างยักษ์ที่นอนอยู่บนพื้นจนเสียชีวิตทันที!
“เฮ้! อย่าโหดร้ายขนาดนี้สิ! เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันนะ!”
“ภารกิจของเขาสิ้นสุดแล้ว” ผู้พิทักษ์กำแพงหันหลังกลับและเตรียมเดินจากไป “ไปที่กลางห้อง ฉันจะส่งนายกลับโลกให้”
“แค่นี้? นายพาฉันมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล ให้ฉันสู้แบบไม่มีเหตุผล แล้วส่งฉันกลับไปแบบไม่มีเหตุผล?” เอริคก้าวตามไปพร้อมพูดจี้จุด
ผู้พิทักษ์กำแพงหยุดนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันตั้งใจจะเลือกนายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของฉัน แต่นายสอบไม่ผ่าน เพราะงั้นอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“จะให้ฉันไปง่าย ๆ แบบนี้? ฉันขอปฏิเสธ!” เอริคเร่งฝีเท้าขึ้นเดินตัดหน้าผู้พิทักษ์กำแพงและขวางทางไว้ “อย่างน้อยที่สุด ฉันก็อยากเจอ เขา!”
“เขา? เขาก็แค่มนุษย์ต่างดาว ไม่ใช่พระเจ้า!” ผู้พิทักษ์กำแพงพูดอย่างเย็นชา อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดการส่งเอริคกลับโลกขึ้นมาอีกครั้ง เขาเพียงโบกมือเปิดประตูที่ซ่อนอยู่บนผนัง ราวกับตกลงตามเงื่อนไขของเอริค
เมื่อเดินผ่านประตูไป เอริครู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้น และสัมผัสได้ถึงสนามแม่เหล็กและสนามแรงโน้มถ่วงที่คุ้นเคยอีกครั้ง พลังพิเศษของเขากลับคืนมาแล้ว!
ทันใดนั้นคลื่นสนามแม่เหล็กก็กระจายตัวไปทั่วฐานทันที แต่สิ่งที่เขาค้นพบกลับเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น เพราะความลับที่แท้จริงถูกผู้พิทักษ์กำแพงซ่อนอยู่ใต้เกราะป้องกันสนามแม่เหล็ก
“ฉันไม่เข้าใจ นายควรรู้ว่าฉันมาจากอีกโลกหนึ่ง ทำไมถึงเลือกฉันเป็นผู้สืบทอด?” เอริคถามสิ่งที่อยู่ในใจระหว่างเดินตามผู้พิทักษ์กำแพง
“ตั้งแต่นายมาถึงโลกนี้ ฉันก็จับตามองนายมาโดยตลอด และนายก็เป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสม นายเยือกเย็น ไร้ปรานี รู้จักอดทน และรับมือกับความโดดเดี่ยวได้ดี”
ผู้พิทักษ์กำแพงพูดพร้อมเคาะที่ข้อมือ ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ที่เอริคแย่งชิงเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์หลังจากมาถึงโลกนี้ก็ถูกฉายขึ้นตรงหน้า ทำให้เอริคถึงกับเบิกตากว้าง
ดูเหมือนความลับของเขาจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป! แม้แต่คนธรรมดาอย่างผู้พิทักษ์กำแพงยังสามารถเฝ้าติดตามเขาได้!
“แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง หลังจากนายถูกพวกนักเวทกลุ่มนั้นจับไป นายก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน” ผู้พิทักษ์กำแพงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ซึ่งตอนนี้ฉันกำลังสงสัยอยู่ว่าพวกนักเวทพวกนั้นมันล้างสมองนายไปแล้ว!”
เอริคแตะจมูกตัวเองแล้วไม่พูดอะไร เพราะเมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็จริงอย่างที่ไข้ต้มปลอกเปลือกพูด—จากวายร้ายเยือกเย็นที่กลายเป็นตัวตลกที่พยายามทำความดี ดังนั้นการที่ทุกคนจะรู้สึกแปลกมันจึงเป็นเรื่องปกติ
“ฉันเฝ้าสังเกตการณ์นายมานาน และยากที่จะตัดสินได้ว่ามันผิดพลาดตรงไหน จนต้องตัดชื่อนายออกจากรายชื่อผู้สืบทอด . . . จนกระทั่งวันนี้ ระบบของฉันตรวจพบว่านายกำลังค้นหาเกี่ยวกับ 'ผู้พิทักษ์กำแพง' ฉันเลยอยากลองดูอีกครั้งว่านายยังมีโอกาสที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อจากฉันไหม”
เอริคกลอกตาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ นี่คือคุณค่าของ ‘ผู้พิทักษ์กำแพง’ อย่างนั้นเหรอ? คนที่เป็นคนดีจริง ๆ กลับถูกมองข้าม แต่กับคนเลือดเย็นไร้ความปรานีอย่างเขากลับมีคุณสมบัติเหมาะสม?
“ดวงตาของฉันได้รับบาดเจ็บในสงครามโลกครั้งที่สอง และศาสตราจารย์เบอร์โธลด์ สเติร์นเบิร์กก็เซรุ่มอินฟินิตให้ ซึ่งไม่เพียงแต่ระงับบาดแผลของฉัน แต่ยังช่วยชะลอความแก่ของฉันได้อย่างมาก”
อาจจะเป็นเพราะผู้พิทักษ์กำแพงไม่ได้พูดคุยกับใครมานาน ดังนั้นเมื่อเขาเปิดปากพูดเขาจึงพล่ามขึ้นมาไม่หยุด ทำให้ความลับต่าง ๆ หลุดออกมาราวกับน้ำหลาก
“ต่อมาฉันรับตำแหน่งจาก 'บราเธอร์ฮูดออฟชีลด์' และกลายเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของโลก ที่มีหน้าที่กำจัดสิ่งมีชีวิตที่คุกคามโลก ส่วนนิค ฟิวรี่ที่อยู่บนโลกก็เป็นไซบอร์กที่ฉันสร้างขึ้น”
“แล้วทำไมถึงมีนิค ฟิวรี่สองคนบนโลก?” เอริคถามพร้อมเลิกคิ้ว นี่มันจุดอ่อนชัด ๆ ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ได้?
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ผู้พิทักษ์กำแพงก็ถอนหายใจเล็กน้อย “นิค ฟิวรี่คนแรกมีความทรงจำของฉันทั้งหมด และเขาก็เข้าร่วมกับ หน่วยคอมมานโดคำราม ของสตีฟ โรเจอร์ส โดยหลังจากที่สตีฟตกเครื่องบิน เขาก็หาทางขึ้นมาบนดวงจันทร์จนได้! และในระหว่างที่โต้เถียงกันเรื่องช่วยสตีฟ ฉันก็เผลอ . . . ฆ่าเขาตาย”
เอริคมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลก ๆ ‘เผลอ’ ฆ่าหรือว่าตั้งใจฆ่ากันแน่?
“ต่อมา เพื่อควบคุมสถานการณ์บนโลกได้ง่ายขึ้น ฉันจึงหาวิธีลบหลักฐานการมีตัวตนของเขา และสร้างนิค ฟิวรี่คนปัจจุบันขึ้นมา โดยทำให้เขามีความทรงจำว่างเปล่า และแทบจะแยกไม่ออกจากมนุษย์ธรรมดา”
ใช่ . . . แทบจะแยกไม่ออก ยกเว้นจะมีปุ่มสวิตช์ที่สามารถควบคุมเขาได้ใช่ไหม?
เอริคเต็มไปด้วยความดูถูกในสิ่งที่เขาทำ ผู้พิทักษ์กำแพงคนนี้แย่ยิ่งกว่านิค ฟิวรี่บนโลกเสียอีก!
“เซรุ่มอินฟินิตกำลังจะหมดลงแล้ว ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องหาผู้สืบทอดโดยเร็วที่สุด . . .”
พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันตลอดทาง จนกระทั่งขึ้นยานอวกาศ ผู้พิทักษ์กำแพงก็ควบคุมยานให้บินไปยังปล่องภูเขาไฟอีกแห่งหนึ่ง และหลังจากทำการบางอย่าง ยานก็เข้าสู่พื้นที่ประหลาด
พื้นที่แห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก คล้ายกับถ้ำเล็ก ๆ ภายในถ้ำนั้นว่างเปล่า มีเพียงสิ่งมีชีวิตประหลาดสูงกว่า 10 เมตร มีศีรษะใหญ่และสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
เมื่อเห็นคนสองคนเดินเข้ามา สิ่งมีชีวิตหัวโตก็ค่อย ๆ หันมามองเอริคและผู้พิทักษ์กำแพงด้วยดวงตาขาวล้วน ก่อนจะหันกลับไปเหมือนไม่สนใจอะไร
“นี่คือมนุษย์ต่างดาวที่นายต้องการเจอ—เดอะวอชเชอร์!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …