บทที่ 7 นักศึกษาผู้ใสซื่อและซุกซน แผนหลอกง่ายๆ ใช้ซ้ำยังได้ผล
[ไม่น่าเชื่อ! ยังมีคนไม่รู้ว่ากินสองอย่างนี้พร้อมกันจะเกิดอะไรขึ้น?]
[ขำตายแล้ว! ดูหน้าพวกเขาสิ น่าจะเคยดูรายการเรามาก่อนแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าในวันหนึ่งจะกลายเป็นตัวละครหลักแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ!!]
[ตอนนี้ในใจคงกำลังภาวนาให้หมอเฉินรีบกลับมาใช่ไหม?]
[พวกเราดูยังไม่เท่าไรหรอก แต่ถ้าญาติหรือเพื่อนเห็น อาจเป็นประวัติศาสตร์ความอายตลอดชีวิตเลยทีเดียว]
[ซูปิงปิงสุดยอด! ฉันรักเธอมาก!]
[เธอเป็นภรรยาฉัน พวกนายหยุดเรียกมั่วๆ ได้ไหม!]
[...]
กลุ่มนักศึกษาที่พยายามหลบสายตาเงียบไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซูปิงปิงที่กำลังยิ้มให้
ในฐานะที่เคยดูรายการนี้ พวกเขารู้ดีว่า ต่อให้ไม่ตอบคำถามของซูปิงปิง ตอนนี้พวกเขาก็คงกลายเป็นหัวข้อสนทนาในห้องถ่ายทอดสดไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้น… โกหกสักนิด อาจจะพอแก้สถานการณ์ได้?
ชายหนุ่มที่สวมแว่นคนหนึ่งตัดสินใจเงยหน้าขึ้นพร้อมทำหน้าเหมือนจะเสียสละชีวิตตัวเอง
“จริงๆ เรารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว!”
เมื่อเขาเริ่มพูด คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามทันที
“ใช่! เรารู้เรื่องนี้!”
“เรารู้ด้วยว่าดื่มโยเกิร์ตช่วยแก้เผ็ดได้!”
“แต่ปัญหาคือกุ้งเผาร้านนั้นมันเผ็ดเกินไป! ตอนนั้นในหัวเรามีแต่เรื่องแก้เผ็ด จนลืมเรื่องอันตรายไป…”
“พวกเรารู้นะ แต่แค่ลืมไปชั่วขณะ…”
เสียงของพวกเขาค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลับมาปิดหน้าด้วยความอายเหมือนเดิม
น่าอายจริงๆ...
เฉินมู่เดินกลับเข้ามาพร้อมชุดฝังเข็ม
สิ่งที่เขาเห็นคือกลุ่มนักศึกษาที่ปิดหน้าด้วยความอับอาย และซูปิงปิงที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
“ยิ้มขนาดนี้ ไม่กลัวเสียภาพลักษณ์มืออาชีพเลยหรือ?” เฉินมู่คิดในใจ
พอเห้นเฉินมู่เดินเข้ามา นักศึกษากลุ่มนั้นก็ดีใจกันเหมือนได้พบพระเจ้า
“หมอครับ! ช่วยฝังเข็มให้หว่านเหมี่ยนก่อนเลย เธออาการหนักที่สุด!”
“หมอครับ! ต้องให้เราพาเธอไปที่เตียงตรวจไหม?”
“หมอครับ! ฝังเข็มเชื่อถือได้จริงๆ ใช่ไหมครับ? หว่านเหมี่ยนดูแย่มาก จะให้เธอไปล้างท้องที่โรงพยาบาลดีไหม?”
เฉินมู่เลื่อนรถเข็นอุปกรณ์มาใกล้ เปิดชุดฝังเข็ม หยิบเข็มเงินออกมาแล้วเริ่มฆ่าเชื้อ
หว่านเหมี่ยนที่ได้ยินเสียงเข็มเงิน รู้สึกหน้าซีดกว่าเดิม ใบหน้าซีดขาวอยู่แล้วกลับไร้สีเลือดอย่างสมบูรณ์
กล้องของตากล้องในห้องก็เล็งไปที่เฉินมู่ทันที
“เธอชื่อหว่านเหมี่ยนใช่ไหม?”
เฉินมู่ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเธอ
หว่านเหมี่ยนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
เฉินมู่พยักหน้าไปทางชายหนุ่มที่นำโยเกิร์ตมา “เธอกับเขาเป็นอะไรกัน? แฟนกันหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ค่ะ… เอ๊ะ?”
ขณะที่เธอกำลังตอบคำถาม รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแตะข้อมือ
พอเธอก้มลงมอง ก็เห็นเข็มเงินปักอยู่บนข้อมือของเธอแล้ว
ซูปิงปิง “…”
เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่เฉินมู่ใช้วิธีเดียวกันหลอกนักศึกษาหญิงอีกคนตอนกระดูกหัก
นักศึกษาสมัยนี้ช่างซื่อใสเสียจริงๆ... แผนแบบนี้ ใช้ซ้ำในวันเดียวกันยังได้ผล…
“หมอคะ ฝีมือคุณสุดยอดเลย ไม่เจ็บเลยค่ะ” หว่านเหมี่ยนชมจากใจ
เฉินมู่หยิบเข็มเงินอีกเล่มออกมา “ถ้าฝีมือฉันไม่ดีหน่อย จะตามทันพฤติกรรมเสี่ยงๆ ของพวกเธอได้ยังไงล่ะ”
หว่านเหมี่ยนและกลุ่มนักศึกษา
“…”
สายตาของซูปิงปิงจับจ้องกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้น ตั้งแต่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องพยาบาลด้วยอาการต้องประคองกัน จนกระทั่งเดินออกไปอย่างกระฉับกระเฉงเหมือนไม่เคยป่วย
ดวงตาของเธอเปล่งประกาย
เธอยื่นข้อมือเรียวขาวไปตรงหน้าเฉินมู่ “หมอเฉิน เมื่อกี้คุณฝังเข็มได้ยอดเยี่ยมมาก คุณไม่อยากจ่ายยาปรับสมดุล
ร่างกายให้ฉันบ้างหรือ?” เฉินมู่เลี่ยงมือของเธอ หันไปเก็บอุปกรณ์ที่เพิ่งใช้
“ฉันแนะนำว่าอย่าคิดแบบนั้นเลย”
“แม้การปรับสมดุลร่างกายด้วยแพทย์แผนจีนจะมีประโยชน์ แต่ถ้าคุณไม่ได้ป่วยจริงๆ ก็ไม่ควรกินยาเล่นๆ เพราะยาทุกชนิดมีผลข้างเคียง”
ซูปิงปิงเบะปาก “ก็ได้…”
ในอีกไม่กี่นาทีถัดมา
เฉินมู่นั่งที่คอมพิวเตอร์ กรอกข้อมูลประวัติการรักษาของนักศึกษาแต่ละคนให้ครบถ้วน
ส่วนซูปิงปิงเท้าคางอยู่ข้างโต๊ะทำงานของเขา มองหน้าเฉินมู่ที มองประตูห้องพยาบาลที่เงียบสงบที
เมื่อเวลาผ่านไป ความเงียบยิ่งยาวนานขึ้น
สีหน้าของซูปิงปิงก็ดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
[ดูเหมือนว่าภรรยาของฉัน ซูปิงปิง กำลังรอคนไข้เข้ามาอีกหรือเปล่านะ?]
[ไม่ใช่แค่เธอ ฉันเองก็อยากรู้ว่านักศึกษาเหล่านี้จะป่วยด้วยวิธีแปลกๆ แบบไหนอีก]
[ฉันอยู่มหาวิทยาลัยไห่เฉิง ร้านบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดหน้ามหาวิทยาลัยออกประกาศปฏิเสธข่าวลือแล้ว ว่าอาหารของพวกเขาไม่ทำให้เป็นพิษ ฮ่าๆๆ!!]
[ฉันไปค้นประวัติของหมอเฉินมา พบว่าเขาไม่มีประวัติการเรียนแพทย์แผนจีนเลย แต่เขามีใบประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนจริงๆ]
[...]
เฉินมู่กรอกข้อมูลเสร็จพอดีกับเวลาทำงานช่วงบ่าย
เขาหันไปมองซูปิงปิงที่ทำหน้าตาเบื่อหน่าย “ตอนนี้นักศึกษาเข้าเรียนกันหมดแล้ว ถ้าไม่มีคนไข้ คุณอยากสั่งอาหารมากินไหม?”
“โครก…” เสียงท้องร้องดังขึ้นราวกับตอบคำถามของเฉินมู่
เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหาร “อยากกินอะไรก็เลือกเลย ถือว่าฉันเลี้ยง…”
“เลี้ยง?”
ซูปิงปิงรับโทรศัพท์พร้อมมองเมนูอย่างตั้งใจ แต่เมื่อได้ยินคำว่า “เลี้ยง” เธอก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
เธอถามอย่างระแวง “หมอเฉิน คุณพูดตามตรงเถอะ เราต้องทำโอทีตอนกลางคืนอีกหรือเปล่า?”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ช่วงเที่ยงมา เธอเริ่มจดจำได้แล้วว่า เวลาที่ห้องพยาบาลเงียบสงบที่สุดคือตอนที่นักศึกษาเข้าเรียน
แต่เมื่อช่วงพักผ่อนมาถึง ห้องพยาบาลจะเต็มไปด้วยคนไข้ที่มีปัญหาสุดประหลาด
“พวกเราคงไม่ได้ต้องอยู่ยาวจนดึกใช่ไหม?”
เฉินมู่ยิ้มพลางส่ายหัว “คุณคิดมากไปหน่อย ตอนกลางคืนไม่ใช่ช่วงที่ยุ่งขนาดนั้น แต่เริ่มพรุ่งนี้ ฉันจะต้องเจอกับงานที่หนักติดต่อกันอย่างน้อยครึ่งเดือน”
“และในเมื่อคุณต้องตามถ่ายฉันทั้งเดือน ถ้าฉันยุ่ง คุณก็ต้องยุ่งตามไปด้วย”
ซูปิงปิงพยักหน้าเข้าใจ แต่ความคิดของเธอก็เริ่มแล่นไปไกล
“แต่การป่วยมันคาดการณ์ล่วงหน้าได้ด้วยหรือ? ทำไมคุณถึงรู้ว่าจะยุ่งอีกครึ่งเดือน? หรือว่ามีโรคระบาดอะไรเกิดขึ้น?”
“ไม่น่าใช่! ถ้ามีโรคระบาดใหญ่ ฉันที่เป็นคนทำงานข่าวน่าจะได้รับแจ้งก่อนคุณด้วยซ้ำ”
เฉินมู่เปิดเกมจับคู่ในโทรศัพท์ เริ่มเล่นแบบเปิดเผยต่อหน้าผู้ชมหลายล้านคนในห้องถ่ายทอดสด
“คุณไม่ต้องคิดให้ซับซ้อนหรอก”
ซูปิงปิงยังสงสัย “แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าจะยุ่งครึ่งเดือนล่ะ?”
เฉินมู่ยิ้มลึกลับ “พรุ่งนี้เช้า นักศึกษาจะมีเซอร์ไพรส์ให้คุณแน่นอน”
“พูดแบบปริศนาอีกแล้ว…” ซูปิงปิงบ่นพึมพำ
เธอยังไม่รู้ว่า ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้
คืนนี้เอง... เธอก็จะได้เริ่มทำงานโอทีแล้ว
(จบบท)###