ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 519 ทั้งหมดทั้งสาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 521 บางคนควรค่าแก่การสงสัย

MDB ตอนที่ 520 วิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สาม


ลืมเฟิงจือหยงกับเฟิงจือซานไปได้เลย แม้แต่เฟิงจือเฉียนเองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ การยืนยันคำตอบของเจ้าหญิงลั่วหลี่นั้นแทบจะเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเธอจะแต่งงานกับเขา

สำหรับหลินจิน นี่เป็นงานที่เป็นทางการมาก ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาสัญญาไว้ก่อนหน้านี้จะไม่เปลี่ยนแปลง

ยิ่งกว่านั้น เอกราชทูตดินแดนพันเกาะดูเหมือนไม่กลับคำสัญญาของตนด้วยซ้ำ

“ขอแสดงความยินดีด้วย องค์ชานสาม” ทูตหลิวโค้งคำนับพร้อมรอยยิ้ม

เจ้าหญิงลั่วหลี่ได้แสดงเจตนาของเธอไว้ชัดเจนแล้ว หากไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น องค์ชายสามของอาณาจักรเกลียวสวรรค์จะแต่งงานกับเจ้าหญิงลั่วหลี่ และกลายเป็นลูกเขยของดินแดนพันเกาะ

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เอกราชทูตจะแสดงความยินดีกับเฟิงจือเฉียน

เฟิงจือเฉียนดูมีความสุขราวกับได้รับพรจากโชคชะตา เมื่อเปรียบเทียบกับเฟิงจือหยงและเฟิงจือซานแล้ว พวกเขาต่างก็มีสีหน้าเศร้าหมอง

หลังจากทุ่มความพยายามมากมายในการวางแผนเส้นทางสู่ชัยชนะ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะต้องตามหลังน้องคนเล็กของตน

พวกเขาพบว่าผลลัพธ์นี้ยากที่จะยอมรับ

ถึงกระนั้นพวกเขาจะทำอย่างไรได้?

เฟิงจือซานกัดฟันด้วยความโกรธ คำถามหนึ่งยังคงทำให้เขางุนงง และกัดกินความอดทนของเขา ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพูดขึ้นว่า

“ข้าอาจไม่ใช่ผู้ประเมินอย่างเป็นทางการ แต่ข้าก็มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์นี้อยู่บ้าง ข้าจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าบนโลกนี้จะมีใครที่สามารถครอบครองสัตว์วิเศษถึงสามตัวพร้อมกันได้หรือไม่?”

เขาเริ่มสงสัยคำตอบของเฟิงจือเฉียน

อย่างไรก็ตาม การที่เขาทำเช่นนั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผล วิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สองมีอยู่จริงในโลกนี้ และตามข่าวลือก็มีอยู่มากมายเช่นกัน วิธีการบางอย่างมีข้อเสียร้ายแรง ในขณะที่บางวิธีก็ยังพอยอมรับได้

แต่การทำสัญญากับสัตว์วิเศษครั้งที่สามนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เฟิงจือซานจึงตั้งคำถามโดยไม่ลังเล ด้วยความความกระตือรือร้นที่จะค้นหาความจริงอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างมองเขาดด้วยความสับสน

นอกจากนี้ด้วยการสังเกตอย่างเฉียบแหลมของเฟิงจือซาน เขายังได้ค้นพบสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่านั้นอีกด้วย

วิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สาม

หากมันมีจริง เฟิงจือซานสามารถมอบมันให้พ่อของพวกเขาได้ ซึ่งพ่อของพวกเขาคงจะรักเขามากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น เฟิงจือซานจะมีโอกาสครองบัลลังก์มากขึ้น

เฟิงจือเฉียนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของเฟิงจือซานอย่างไรดี เขาจึงหันไปหาหลินจิน และหลินจินก็ยิ้มตอบ

“อันที่จริง วิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สามนั้นหายากมากในโลกนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นความลับที่ปกปิดไว้อย่างดีก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่

นอกจากนี้ สิ่งที่เท่ากับสามัญสำนึกก็ไม่ได้เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียวเสมอไป มันมักจะมีข้อยกเว้นเสมอ และเจ้าหญิงลั่วหลี่กับสามชี่หลงของเธอก็คือหนึ่งในข้อยกเว้นเหล่านั้น”

ในความเป็นจริง เมื่อหลินจินเข้าไปตรวจสอบสัตว์วิเศษ เขาได้คิดหาคำตอบนี้ไว้แล้ว

แม้แต่ผู้ประเมินระดับห้าก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษของเขาได้ เนื่องจากสิ่งที่ผู้ประเมินระดับห้าไม่สามารถยืนยันคำตอบที่ชัดเจนได้

คำตอบข้อหนึ่งที่เขาได้รับก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าชี่หลงทั้งสามตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหญิงลั่วหลี่

นั่นคือข้อสรุปของพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์ยังได้ระบุวิธีการต่าง ๆ มากมายในการทำสัญญากับสัตว์วิเศษตัวที่สามไว้ ดังนั้นการค้นพบที่มีค่าที่สุดที่นี่ก็คือวิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สามอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม แตกต่างจากวิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สองที่พิพิธภัณฑ์เคยให้รางวัลไปก่อนหน้านี้ สำหรับวิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สามเหล่านี้ล้วนมีข้อบกพร่อง และมีผลข้างเคียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง

ถึงกระนั้นก็ตาม หลายคนก็ยังมองว่าสิ่งเหล่านี้มีค่ามหาศาล เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อโลก ความโกลาหลอาจตามมา และพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะต้องเกิดการนองเลือดเพราะมันมากเท่าไหร่

ในความเห็นของหลินจิน เจ้าหญิงลั่วหลี่ไม่ได้ใช้เทคนิคที่พิพิธภัณฑ์จัดให้ แต่พันธสัญญาโลหิตกับมังกรทั้งสามของเธอถูกสร้างขึ้นด้วยกลวิธีอันชาญฉลาด

คำอธิบายของพิพิธภัณฑ์และสิ่งที่หลินจินสรุปจากประสบการณ์ของเขาค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน

ชี่ลองเป็นสัตว์วิเศษที่ออกลูกเป็นไข่ และในกรณีส่วนใหญ่ มังกรจะฟักออกจากไข่ใบเดียว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม จะมีข้อยกเว้นหากมังกรหลายตัวจะฟักออกจากไข่ใบเดียวกัน

ในสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ก่อนที่ไข่จะฟักออกมา เราสามารถใช้เทคนิคการทำสัญญาเลือดแบบลับเพื่อทำพันธสัญญาโลหิตกับไข่ได้ ดังนั้นเมื่อไข่ฟักออกมา มังกรทั้งสามจะผูกมัดกับคน ๆ เดียวกัน

เจ้าหญิงลั่วหลี่คงจะใช้วิธีการนี้

หลินจินได้ตรวจสอบความเป็นไปได้นี้เพิ่มเติมในพิพิธภัณฑ์

เขารู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องมีคนสงสัย และเรียกร้องคำอธิบายจากเขา ดังนั้น หลินจินจึงไม้มีท่าทีกังวลใด ๆ เลย เขาลุกจากที่นั่ง และเริ่มอธิบายเทคนิคที่เขาเพิ่งคิดออกอย่างมั่นใจ

ในฐานะผู้ประเมินระดับสี่ เขาสามารถอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผลโดยปราศจากข้อกังขาใด ๆ และเมื่อเขาพูดจบ ใบหน้าของผู้ประเมินระดับสี่คนอื่น ๆ ก็เริ่มสว่างขึ้น พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“ข้าก็มีความสงสัยเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นความจริง”

“ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สามที่โลกรู้จัก แต่ข้อยกเว้นพิเศษที่ผู้ประเมินหลินกล่าวถึงนี้ถือว่าสมเหตุสมผลมากเลยทีเดียว”

ผู้ประเมินระดับสี่เหล่านี้อาจได้รับการว่าจ้างโดยนายจ้างที่แตกต่างกันและถือว่าเป็นคู่แข่งกันในสถานการณ์นี้ แต่เมื่อพูดถึงการประเมินแบบจริงจังแล้ว กลับไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการแข่งขัน

ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด พวกเขาควรเรียนรู้ว่าอะไรถูก และหักล้างสิ่งที่ผิด

นั่นคือคุณธรรมที่แสดงออกมาโดยผู้ประเมินที่แท้จริง

เจ้าชายทั้งสามก็ตระหนักได้ว่าทฤษฎีนี้ไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจ แม้ว่าจะไม่มีใครเคยคิดที่จะทำเช่นนี้มาก่อนก็ตาม

“ผู้ประเมินหลิน ท่านมีความรู้กว้างไกล ข้ารู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง อย่างที่ท่านพูดมา มังกรทั้งสามตัวนี้ทำพันธสัญญาโลหิตกับข้ามาตั้งแต่ข้ายังเด็ก โดยผู้คุมกฎในประเทศของเราเป็นผู้ดำเนินการทำพันธสัญญาโลหิตด้วยตัวเอง ข้าโชคดีมากที่ได้มังกรสามตัวนี้มาเป็นสัตว์เลี้ยง”

คำตอบของเจ้าหญิงลั่วหลี่ยืนยันการทฤษฎีของหลินจิน

หลินจินยิ้มจาง ๆ และโค้งคำนับเธอ ก่อนที่จะกลับไปที่นั่งของเขา

ธุระของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เขาบอกสิ่งที่เขาต้องการบอกไปหมดแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือการรับประทานอาหาร หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เขาจะเดินทางกลับ

ซูเสี่ยวหลัวไม่ได้สงสัยในคำตอบของหลินจิน เพราะเธอได้รู้ความจริงมาตั้งนานแล้ว แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดออกมา เธอมาที่นี่เพื่อร่วมสนุกเท่านั้น แต่ทว่าเธอกลับพบว่ามันเป็นงานที่น่าเบื่อ อาหารก็ธรรมดา ๆ อีกด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงไม่อยากกินอะไรต่อ เธอจึงเร่งหลินจินในใจให้รีบไปเสียเพื่อที่พวกเขาจะได้ออกไปได้

โชคดีที่ช่วงประเมินสัตว์วิเศษผ่านพ้นไปแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะสิ้นสุดลง และหลินจินสังเกตเห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืด เขาจึงครุ่นคิดก่อนจะลุกขึ้นเพื่ออำลาแขกคนอื่น ๆ

ผู้ประเมินคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะอยู่ต่อเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มทยอยกลับ ซึ่งถือเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับหลินจิน มิฉะนั้น การจากไปของเขาและซูเสี่ยวหลัวอาจทำให้เจ้าบ้านรู้สึกอึดอัด

นอกห้องโถง ผู้ประเมินหยานและผู้ประเมินระดับสี่คนอื่น ๆ ไม่ได้ออกไปไหน แต่กำลังรอซู่เสี่ยวหลัวอยู่ เมื่อเห็นเธอ พวกเขาก็รีบโค้งคำนับ

ซูเสี่ยวหลัวเพียงแค่พยักหน้าอย่างรีบ ๆ และเดินจากไปอย่างไม่ใยดี

เธอเป็นคนโอ้อวดมากจนน่ารำคาญ

หลินจินก็อดไม่ได้ที่จะเหนื่อยใจเช่นกัน นี่คือลักษณะนิสัยของซูเสี่ยวหลัว หากเธอพบว่าอีกฝ่ายน่าสนใจ เธอสามารถอยู่ต่อได้ตลอดทั้งวันเพื่อพยายามพูดคุย แต่ถ้าเธอพบว่าอีกฝ่ายน่าเบื่อหน่าย เธอไม่แม้แต่จะมองคุณแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ

หลังจากเดินผ่านผู้ประเมินเหล่านั้นไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงหลินจินและซูเสี่ยวหลัวเท่านั้น

ทันใดนั้น เสียงของซูเสี่ยวหลัวก็กลายเป็นเสียงผู้หญิง หลินจินหันกลับไปมอง และก่อนที่เขาจะรู้ตัว อีกฝ่ายก็กลับคืนสู่ร่างผู้หญิงแล้ว

หลินจินรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เพราะความสามารถในการแปลงร่างนี้ช่างน่าพิศวงจริง ๆ บางทีซูเสี่ยวหลัวอาจเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้

จู่ ๆ ซูเสี่ยวหลัวก็พูดว่า

“หลินจิน เจ้าต้องระวังผู้ประเมินหยานคนนั้นให้ดี”

“อะไรนะ?” หลินจินตกตะลึง เขาเหลือบมองซูเสี่ยวหลัว เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดแบบนี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด