บทที่ 9 มือปืนความเร็วสูง
บทที่ 9 มือปืนความเร็วสูง
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็นเพราะคำว่า "เสี่ยวเฟยเฟย" แน่ๆ
ถ้าตอนนั้นหลินเซียงตงไม่ได้พูดถึงไป๋เสินเฟยด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ เรียก "เสี่ยวเฟยเฟย" อยู่ได้ แถมยังบอกว่าไป๋เสินเฟยชอบให้เขาเรียกแบบนี้ ถ้าไม่เรียกแบบนี้จะโกรธ หลินเซินก็คงไม่เรียกไป๋เสินเฟยแบบนั้นหรอก
หลินเซียงตงไอ้พี่บ้า พี่มันตัวแสบจริงๆ แสบแบบไม่รับผิดชอบด้วย
ตอนนี้หลินเซินได้แต่ดีใจที่ตอนที่เรียก "เสี่ยวเฟยเฟย" เขาไม่ได้เอื้อมมือไปบีบแก้มไป๋เสินเฟย ตอนนั้นหลินเซียงตงบอกอย่างมั่นใจว่าไป๋เสินเฟยมีแก้มป่องๆ น่ารักมาก ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับไป๋เสินเฟย เขาเคยบีบแก้มนุ่มๆ ของเธอหลายครั้ง
“ดีนะ ฟังจากน้ำเสียงของไป๋เสินเฟย เหมือนเธอไม่ได้ตั้งใจจะเปิดโปงฉัน” หลินเซินคิดอย่างรวดเร็ว ในหัวคิดไปหลายตลบ รีบยืดตัวตรง จ้องไปที่ปลายจมูก เหมือนพระสงฆ์เข้าฌาน
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงปลอมตัวเป็นศิษย์พี่หลิน?” ไป๋เสินเฟยขมวดคิ้วถามอีกครั้งเมื่อเห็นหลินเซินไม่พูด
“เธอว่าไงนะ? ที่นี่เสียงดังเกินไป ไม่เหมาะคุยกัน รอให้การประชุมคัดเลือกจบก่อน ค่อยไปคุยกันที่บ้านฉัน ตกลงไหม?” หลินเซินไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่หลินเซียงตงเด็ดขาด
ตราบใดที่เขายังไม่ยอมรับ ไม่ว่าไป๋เสินเฟยจะพูดอะไร เขาก็ยังมีทางแก้ตัวได้
แต่ถ้าเขายอมรับตรงนี้ แล้วไป๋เสินเฟยคิดร้าย อัดเสียงไว้ ตอนนั้นเขาจะแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น จบเห่แน่ๆ
ไป๋เสินเฟยมองหลินเซินอยู่นาน สุดท้ายไม่พูดอะไรต่อ
ตอนที่ทั้งสองคนคุยกันเบาๆ ฉีชูเหิงกับหวังเทียนเอ๋อร์ก็คุยกันเบาๆ เช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเราคงคิดผิด หลินเซียงตงไม่ได้ออกจากฐาน” ฉีชูเหิงมองหลินเซินกับไป๋เสินเฟยที่กำลังคุยกันกระซิบกระซาบ ดูสนิทสนมกันมาก
หวังเทียนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เมื่อกี้ที่เขาแย่งปืนจากฉันได้ ในตระกูลหลินนอกจากพี่น้องตระกูลหลินแล้ว คงไม่มีใครทำได้ ถึงจะมีคนอื่นทำได้ ก็คงไม่มีใครหน้าตาเหมือนหลินเซียงตงขนาดนี้ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ”
“แปลกยังไง?” ฉีชูเหิงถาม
หวังเทียนเอ๋อร์มองไปยังหลินเซิน ส่ายหัว “ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ในเมื่อมีข่าวแบบนี้ ถึงหลินเซียงตงจะไม่ออกไป ก็ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ”
ฉีชูเหิงมองไปยังหลินเซิน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะมีช่วงที่ตัวแทนของเราต้องแสดงความสามารถ ก็ค่อยลองเชิงเขาดู”
“ด้วยความเร็วที่เขาแสดงออกมาเมื่อกี้ สิ่งมีชีวิตเหล็กกล้าที่เราเตรียมไว้ คงลองเชิงอะไรไม่ได้หรอกมั้ง?” หวังเทียนเอ๋อร์ครุ่นคิด
“งั้นก็เปลี่ยนซะสิ” ฉีชูเหิงพูดอย่างมั่นใจ “ฉันเพิ่งได้สัตว์เลี้ยงหายากระดับเหล็กผสมมา พอดีเอามาลองเชิงเขาได้”
“แค่เหล็กผสมหายาก จะไหวเหรอ?” หวังเทียนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว
“สัตว์เลี้ยงเหล็กผสมตัวอื่นอาจจะไม่ไหว แต่ของฉันไหวแน่ นอกจากเขาจะเป็นหลินเซียงตงจริงๆ ต่อให้เหล่าเย่ลงมือก็เอาไม่อยู่ คนอื่นในตระกูลหลินยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ฉีชูเหิงมั่นใจมาก
“สัตว์เลี้ยงอะไร?” หวังเทียนเอ๋อร์เริ่มสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงแบบไหนที่ทำให้ฉีชูเหิงมั่นใจขนาดนี้
“นายเคยได้ยินเรื่อง ‘มือปืนความเร็วสูง’ ระดับเหล็กผสมไหม?” ฉีชูเหิงถาม
หวังเทียนเอ๋อร์ตกใจเล็กน้อย แล้วก็ดีใจ “หมายถึงมือปืนความเร็วสูงที่มีค่าความเร็วถึงยี่สิบ ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เร็วที่สุดในระดับเหล็กผสมน่ะเหรอ?”
“ใช่ มือปืนความเร็วสูงตัวนั้นแหละ” ฉีชูเหิงพยักหน้ายิ้มๆ
“ดีเลย ให้มือปืนความเร็วสูงเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ถ้าเขาไม่ใช่หลินเซียงตงจริงๆ ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เขาต้องเผยพิรุธออกมาแน่ๆ” หวังเทียนเอ๋อร์ดีใจมาก
ในการแสดงความสามารถของทั้งสามตระกูล ห้ามใช้อุปกรณ์และสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ต้องใช้พลังของตัวเองเท่านั้น
ถ้าต้องสู้มือเปล่า คุณชายสามของตระกูลหลินก็ไม่อยู่ นอกจากหลินเซียงตงแล้ว คงไม่มีใครจัดการกับมือปืนความเร็วสูงได้ง่ายๆ
ถึงความเร็วที่หลินเซินแสดงออกมาเมื่อกี้จะเร็วมาก แต่ในสายตาของหวังเทียนเอ๋อร์กับฉีชูเหิง ก็ยังช้ากว่ามือปืนความเร็วสูงมาก การจะสู้ความเร็วกับมือปืนความเร็วสูงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถึงหลินเซียงตงตัวจริงจะมา ก็คงยากที่จะสู้ความเร็วกับมือปืนความเร็วสูง คงต้องใช้วิธีอื่นเอาชนะ
ในบรรดาระดับเหล็กผสม มือปืนความเร็วสูงเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์สายความเร็วระดับท็อป แทบจะหาตัวที่เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“แต่นายก็เห็นแล้วว่า หมอนั่นน่าจะเป็นหลินเซียงตงจริงๆ ถ้าเป็นหลินเซียงตงจริงๆ มือปืนความเร็วสูงของฉันคงไปแล้วไปลับ นายก็รู้นี่ว่ามือปืนความเร็วสูงหายากแค่ไหน... มูลค่าของมัน...” ฉีชูเหิงไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายชัดเจนมาก ถ้าจะให้เขาเอามือปืนความเร็วสูงออกมา หวังเทียนเอ๋อร์ต้องช่วยรับความเสี่ยงด้วย
“พวกเราร่วมเป็นร่วมตายกันอยู่แล้ว ถ้ามือปืนความเร็วสูงเป็นอะไรไป พวกเรารับผิดชอบร่วมกัน” หวังเทียนเอ๋อร์ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
“ตกลงตามนี้นะ” ฉีชูเหิงพูดสรุป
การประชุมคัดเลือกดำเนินไปอย่างราบรื่น ผู้วิวัฒนาการแต่ละคนแสดงความสามารถของตัวเอง นอกจากจะสร้างชื่อเสียงแล้ว ก็เพื่อแสดงความสามารถให้ตระกูลใหญ่สามตระกูลในฐานเสวียนเหนี่ยวเห็น
ยิ่งความสามารถสูง ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการปฏิบัติและสวัสดิการที่ดีขึ้น ถ้าได้รับความสนใจจากทั้งสามตระกูลพร้อมกัน ก็อาจจะได้สัญญาที่มีมูลค่ามหาศาล
แน่นอน ผู้วิวัฒนาการมีสิทธิ์เลือกว่าจะเข้าร่วมตระกูลไหน ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเข้าร่วมตระกูลใดในทันที
ฐานเสวียนเหนี่ยวเป็นแค่ฐานเล็กๆ คนเก่งมีไม่มากนัก ในการประชุมคัดเลือกทุกครึ่งปี มีผู้วิวัฒนาการหน้าใหม่แค่สิบกว่าคน รวมกับผู้วิวัฒนาการเก่าที่มาร่วมงานด้วย ก็มีแค่สามถึงสี่สิบคน ที่เข้าตาตระกูลใหญ่สามตระกูลจริงๆ ก็แค่สี่ถึงห้าคน คนที่โดดเด่นจริงๆ มีแค่ผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กผสมชื่อเว่ยหวู่ฟูคนเดียว
ในฐานเล็กๆ อย่างฐานเสวียนเหนี่ยว ผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กผสมถือว่าเป็นกำลังรบระดับสูง ถึงไม่มาร่วมการประชุมคัดเลือก ต่อให้เข้าร่วมตระกูลไหน ก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างดี
ที่เว่ยหวู่ฟูยังไม่เป็นที่รู้จัก ก็เพราะเขาย้ายมาอยู่ที่ฐานเสวียนเหนี่ยวยังไม่นาน ไม่ค่อยมีคนรู้จักเขา ไม่งั้นคนของตระกูลใหญ่สามตระกูลคงไปเชิญเขามาร่วมงานแล้ว
เว่ยหวู่ฟูแสดงความสามารถได้อย่างน่าทึ่ง ตอนที่ไม่ได้ใช้ร่างกายเหล็กผสม เขาก็สามารถยกบาร์เบลหนักหลายร้อยกิโลกรัมขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ท่าทางที่สบายๆ แบบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กกล้าจะทำได้
ทั้งสามตระกูลต่างก็ยื่นข้อเสนอให้เขา แต่เว่ยหวู่ฟูยังไม่ตัดสินใจ บอกว่าขอคิดดูก่อน
ผู้วิวัฒนาการทุกคนที่สมัครเข้าร่วมการประชุมคัดเลือกได้แสดงความสามารถของตัวเองกันหมดแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ตัวแทนของทั้งสามตระกูลจะแสดงความสามารถ
“ไม่คิดว่าวันนี้จะมีผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กผสมมาร่วมการประชุมคัดเลือกด้วย การที่เว่ยหวู่ฟูอยู่ที่นี่ การแสดงความสามารถที่เราเตรียมไว้ดูจะธรรมดาไปหน่อย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องตลก ดังนั้นฉันมีข้อเสนอหนึ่ง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนสนใจจะฟังไหม?” ฉีชูเหิงพูดขึ้นมา
“คุณฉีพูดถูก ในเมื่อมีเว่ยหวู่ฟูอยู่ สิ่งที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ดูจะธรรมดาไปหน่อย ไม่รู้ว่าคุณฉีมีข้อเสนออะไร?” หวังเทียนเอ๋อร์รีบพูดเสริม
“ฉันเพิ่งได้สัตว์เลี้ยงระดับเหล็กผสมมาตัวหนึ่ง เอาตัวนั้นมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถดีไหม?” ฉีชูเหิงพูดพลางหยิบแคปซูลสัตว์เลี้ยงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วโยนออกไป