บทที่ 5 นายมาซื้อราคาส่งเหรอ?
บทที่ 5 นายมาซื้อราคาส่งเหรอ?
“เอาตะกร้ามาให้หน่อย” หลังจากเปลี่ยนตู้คีบไข่ไปหลายตู้ ไข่กลายพันธุ์ที่หลินเซินคีบได้ก็เต็มมือแล้ว เขาจึงให้พนักงานเอาตะกร้ามาให้ นอกจากฟองที่ใส่ไว้ในกระเป๋าแล้ว ที่เหลือก็ใส่ลงในตะกร้า
ไม่นาน ไข่สัตว์ร้ายเกราะเหล็กกล้าในตู้คีบไข่ใกล้ๆ ก็ถูกหลินเซินคีบไปจนเกือบหมด
หลินเซินไม่ลังเล เปลี่ยนไปคีบตู้อื่นต่อ คนที่มุงดูก็ย้ายตามหลินเซินไปด้วย ส่วนใหญ่ก็อยากเรียนรู้เทคนิคการคีบไข่
ก่อนหน้านี้ก็มีคนในฐานเสวียนเหนี่ยวที่อยากฝึกฝนเทคนิคการคีบไข่ เพื่อกอบโกยเงินจากร้านของหลินเซิน แต่ในฐานเสวียนเหนี่ยวไม่มีใครผลิตตู้คีบไข่ ตู้คีบไข่ต้องขนส่งมาจากฐานอื่น การเดินทางเต็มไปด้วยอันตราย คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนกับตู้คีบไข่ด้วยตัวเอง
จริงๆ แล้วถ้ามีโอกาสได้ฝึกฝนบ่อยๆ การเรียนรู้เทคนิคเหวี่ยงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“บ้าเอ๊ย! นายนี่มาซื้อไข่ราคาส่งที่ร้านฉันเลยรึไง?” ฉีเทียนฝูสบถด่าหลินเซินอยู่ในใจ หน้าดำยิ่งกว่าก้นหม้อเมื่อเห็นไข่กลายพันธุ์ในตะกร้าเต็มจนเกือบล้น
“เจ้านาย แบบนี้ไม่ไหวแล้วครับ ถ้าคีบแบบนี้ต่อไป เราขาดทุนย่อยยับแน่ จะปรับตู้ที่หลินเซินเล่นอยู่ไหมครับ?” ลูกน้องคนสนิทพูดเบาๆ ข้างๆ ฉีเทียนฝู
“ปรับ ลดความแน่นของที่คีบลงสองระดับ” ฉีเทียนฝูทนเห็นหน้าระรื่นของหลินเซินไม่ไหว พูดเสียงดังลอดไรฟันออกมา
ลูกน้องรีบหยิบรีโมทออกมา ปรับความแน่นของที่คีบลงอย่างเงียบๆ
ครั้งนี้ที่คีบของหลินเซินคีบไข่กลายพันธุ์ขึ้นมาได้นิดเดียวก็หลุด ถึงจะใช้เทคนิคเหวี่ยงก็คีบไข่ไม่ได้ คนมุงดูหลายคนร้องเสียดาย
ลองอีกสองครั้ง ผลก็เหมือนเดิม คีบไข่ไม่ถึงความสูงที่จะหล่นลงช่องออกได้
ตอนนี้แม้แต่คนดูก็รู้แล้วว่าที่คีบหลวมลงอย่างเห็นได้ชัด คีบไม่ขึ้นแล้ว
“แบบนี้จะเล่นยังไง? ร้านนี้โกงชัดๆ ปรับที่คีบให้หลวมขนาดนี้ ใครจะเล่นได้?” หลายคนบ่นพึมพำ
หลินเซินหันไปมองฉีเทียนฝู เห็นฉีเทียนฝูเลิกคิ้วอย่างผู้มีชัย เหมือนจะบอกว่า ฉันก็ปรับที่คีบให้หลวมลงแล้ว นายจะทำไม?
“มองอะไร? จะคีบต่อไหม?” ฉีเทียนฝูเบะปาก
“แน่นอน” หลินเซินยิ้มให้เขา ไม่ได้โกรธเลยสักนิด แล้วหมุนคันโยกทวนเข็มนาฬิกา
หลายคนไม่เข้าใจ ที่คีบหลวมขนาดนี้แล้ว เล่นต่อก็เสียเงินเปล่าๆ
ที่คีบในตู้แก้วสั่นอย่างรุนแรงตามการหมุนของคันโยก ทันใดนั้น ตะขอสามอันของที่คีบ อันหนึ่งไปเกี่ยวเข้ากับสายที่เชื่อมต่อระหว่างที่คีบกับกล่องควบคุมด้านบน ทำให้ที่คีบเอียง
ในจังหวะนั้น หลินเซินก็กดปุ่มคีบ ที่คีบเหวี่ยงลงไป คีบไข่กลายพันธุ์ที่อยู่ข้างๆ ช่องออกได้ พอที่คีบยกขึ้น ที่คีบที่เอียงอยู่ก็สะกิดไข่กลายพันธุ์ที่เพิ่งยกขึ้นมานิดเดียวให้ตกลงไปในช่องออก
ทุกคนต่างตะลึง แม้แต่ฉีเทียนฝูก็ตาค้าง
“น้องชาย การเปิดร้านคีบไข่นายยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” หลินเซินหยิบไข่กลายพันธุ์ออกมาใส่ในตะกร้า
ฉีเทียนฝูแทบจะระเบิด แย่งรีโมทมาจากพนักงาน ปรับที่คีบให้หลวมที่สุด
“นายคีบเลย ถ้าคีบได้อีก ฉันจะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลนาย” ฉีเทียนฝูแทบบ้า คิดอย่างเคียดแค้นในใจ
ใครจะไปรู้ว่าหลินเซินกลับยืดเส้นยืดสาย แล้วเดินไปที่ตู้คีบไข่ข้างๆ หยอดเหรียญ โยกคันโยกสองสามที แล้วกดปุ่มคีบ
ฉีเทียนฝูไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันได้ปรับที่คีบ ไข่กลายพันธุ์ก็ถูกคีบออกมาอีกฟอง
“บ้าเอ๊ย! ไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ” ฉีเทียนฝูโมโหจนแทบบ้า กัดฟันกรอดๆ กดปุ่มบนรีโมทรัวๆ แทบจะบีบรีโมทจนแตก
แต่หลินเซินไม่ได้คีบตู้เดิมซ้ำ เดินไปที่ตู้คีบไข่อีกตู้หนึ่ง หยอดเหรียญแล้วคีบไข่ทันที
ต่อหน้าสายตาอาฆาตของฉีเทียนฝู เขาก็คีบไข่กลายพันธุ์ออกมาได้อีกฟอง
ภาพตลกๆ ก็เกิดขึ้นในร้านคีบไข่ หลินเซินเปลี่ยนตู้คีบไข่ไปเรื่อยๆ ส่วนฉีเทียนฝูที่โมโหจนแทบบ้าก็กดรีโมทไม่ยั้ง จนกระทั่งปรับตู้คีบไข่เกือบทั้งหมดให้หลวมที่สุด ละครฉากนี้จึงจบลง
ไข่กลายพันธุ์ที่หลินเซินคีบได้กองเป็นภูเขาอยู่ในตะกร้า แต่เหรียญในกล่องก็ยังเหลืออีกเยอะ
“เหนื่อยแล้ว คราวหน้าจะมาซื้อส่งใหม่นะ เอาเหรียญที่เหลือไปแลกเงินคืนมา” หลินเซินยื่นกล่องเหรียญให้ฉีเทียนฝู แล้วตบไหล่เขา “น้องชาย คราวหน้าเอาของดีๆ มาเยอะๆ หน่อย คีบตั้งนานได้มาแค่นี้ ไม่พอร้านฉันใช้เดือนเดียวเลย”
“คืนเงินให้มัน” ฉีเทียนฝูอยากจะกระโดดตบหน้าหลินเซินสักสองฉาด แต่ลูกค้าเยอะขนาดนี้ เขาก็ได้แต่กัดฟันกลืนเลือดตัวเอง สั่งให้พนักงานแลกเหรียญที่เหลือเป็นเงินให้หลินเซิน
“ขอยืมตะกร้าหน่อย เดี๋ยวเอามาคืน ฉันอยู่ร้านข้างๆ นี่เอง หนีไปไหนไม่ได้หรอก” หลินเซินเข็นตะกร้าที่เต็มไปด้วยไข่กลายพันธุ์ออกไป พอถึงหน้าประตูก็พูดกับคนที่มุงดูว่า “ถ้าอยากแลกเปลี่ยนเทคนิคการคีบไข่ เชิญมาที่ร้านรวยไวของผมได้ ที่ร้านผมที่คีบถึงจะไม่ค่อยแน่น แต่ใครมาคีบก็เหมือนเดิม ใครมีฝีมือก็คีบได้เต็มที่”
พูดจบ หลินเซินก็เข็นตะกร้าออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง
เมื่อเห็นหลินเซินออกไป ลูกค้าในร้านก็ทยอยออกไปจนหมด ไม่เหลือใครอยู่เลย
ใครๆ ก็ดูออกว่าตู้คีบไข่ในร้านนี้ถูกปรับให้หลวมที่สุดแล้ว ตอนนี้คีบไข่ก็เหมือนกับโยนเงินทิ้งน้ำ
“ไอ้สารเลว ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่” ในที่สุดฉีเทียนฝูก็ทนไม่ไหว ด่าออกมาเสียงดัง
หลินเซินไม่หันกลับไปมอง เดินเข้าร้านคีบไข่ของตัวเอง ยื่นตะกร้าให้จ้าวลี่ที่ทำหน้างง
“ไข่กลายพันธุ์พวกนี้คุณภาพดีนะ ใส่ตู้ละสองสามฟอง” หลินเซินสั่งจ้าวลี่ที่ยังมึนงงอยู่ แล้วก็เดินออกจากร้านไป
กลับมาถึงบ้าน หลินเซินไม่เห็นเหล่าเย่ นึกว่าเหล่าเย่กลับไปแล้ว แต่กลับเห็นเหล่าเย่เดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วปิดประตู
หลินเซินรู้ทันทีว่าเหล่าเย่แอบตามเขาไปที่ร้านไข่สีรุ้งของฉีเทียนฝู
“เหล่าเย่ เมื่อกี้นายเห็นทุกอย่างแล้วใช่ไหม?” หลินเซินพูด
เหล่าเย่พยักหน้า “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ห้ามมีข้อผิดพลาด ผมกลัวว่าคุณชายน้อยจะเจออันตราย เลยตามไปดู คุณชายสี่เคยบอกว่าคุณชายน้อยเก่งเรื่องกิน เที่ยว เล่น ผมเคยคิดว่าคุณชายสี่ไม่ค่อยพอใจคุณชายน้อย แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด คุณชายสี่ชมคุณชายน้อยต่างหาก ถ้าไม่ได้ตามไปดูวันนี้ ผมก็คงไม่รู้ว่าตู้คีบไข่มีอะไรมากมายขนาดนี้”
หลินเซินหัวเราะ “พวกเราเป็นคนกันเอง ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ในบรรดาพวกเราพี่น้อง ฉันเป็นคนที่ความสามารถน้อยที่สุด ไม่มีความมุ่งมั่นเอาเสียเลย ข้อดีอย่างเดียวก็คือชอบกินของอร่อย ดื่มเหล้า เล่นของแปลกใหม่ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นข้อดีอะไร”
“การเล่นก็มีหลายแบบ” เหล่าเย่ส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดต่อ ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะไปยั่วโมโหฉีเทียนฝู ถึงร้านคีบไข่จะเจ๊ง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับตระกูลฉีมากนัก ควรจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน”
“งั้นเรามาคุยกันเรื่องรายละเอียดของพรุ่งนี้ต่อเถอะ” หลินเซินรู้ว่าเหล่าเย่กำลังบอกว่าไม่ควรทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบาย เพราะเรื่องนี้มันอธิบายยาก
ทั้งสองคนปรึกษาหารือกันเรื่องรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง จนเกือบเที่ยงคืน หลินเซินก็พูดกับเหล่าเย่ว่า “กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีงานหนัก ต้องเก็บแรงไว้”
“ผมนอนที่ห้องนั่งเล่นก็ได้ครับ” เหล่าเย่ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เห็นหลินเซินหาวหวอดๆ ก็เลยหยุด
หลินเซินพยักหน้า กลับเข้าห้อง นอนลงบนเตียง หยิบไข่กลายพันธุ์ที่ส่องประกายแสงออกมาจากอก มองดูอยู่นานก็ยังหาจุดผิดปกติไม่เจอ
“หวังว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวดีนะ” หลินเซินรู้สึกง่วง กอดไข่กลายพันธุ์ไว้แล้วหลับไป