บทที่ 3 ร้านไข่สีรุ้ง
บทที่ 3 ร้านไข่สีรุ้ง
สิ่งมีชีวิตเหล็กผสมน่ากลัวกว่าสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้า นอกจากพละกำลังและความเร็วจะเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้าแล้ว ความแข็งและความยืดหยุ่นของลำตัวโลหะก็แข็งแกร่งกว่ามาก
ความแข็งและความยืดหยุ่นของสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้าโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 5 ถึง 10 ส่วนสิ่งมีชีวิตเหล็กผสมจะอยู่ระหว่าง 5 ถึง 20 หากความแข็งและความยืดหยุ่นเหนือกว่า 10 กระสุนปืนก็แทบจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตเหล็กผสมได้
นั่นหมายความว่าผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กกล้า ถึงแม้จะเจอสิ่งมีชีวิตเหล็กผสม ก็ยากที่จะทำลายการป้องกันของมันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ยังไม่ได้วิวัฒนาการ แม้แต่ระดับเหล็กกล้ายังไม่ถึงอย่างหลินเซิน
เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้าและสิ่งมีชีวิตเหล็กผสม ยังมีสิ่งมีชีวิตคริสตัลที่น่ากลัวยิ่งกว่า บริเวณใกล้เคียงฐานเสวียนเหนี่ยวไม่ค่อยมีให้เห็น หลินเซินเคยเห็นมันแค่ในวีดีโอเท่านั้น นานๆ ทีจะเห็นวัสดุหรือไข่สิ่งมีชีวิตคริสตัลในร้าน ส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าชั้นยอดที่ส่งมาจากฐานขนาดใหญ่
“เหล่าเย่ รายละเอียดสำคัญๆ ก็หารือกันเกือบหมดแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ” หลินเซินลุกขึ้นพูดเมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
“คุณชายน้อย ตรวจสอบอีกสักหน่อยเถอะครับ เรื่องนี้ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด” เหล่าเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เท่าที่คิดได้ก็มีแค่นี้แหละ นายก็รู้ว่าฉันความจำไม่ค่อยดี จำเยอะๆ ไม่ได้หรอก ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ” หลินเซินรู้ว่าเหล่าเย่หวังดีกับเขากับตระกูลหลิน แต่สำหรับหลินเซิน เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
“คุณชายน้อย มีธุระอะไร ผมจะให้คนไปจัดการให้ครับ” เหล่าเย่พูด
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าต้องทำตัวยังไง” หลินเซินรู้ว่าเหล่าเย่คิดอะไรอยู่ แต่เรื่องนี้เขาต้องไปทำเอง ก่อนที่ร้านขายไข่กลายพันธุ์จะปิด เขาต้องไปตรวจสอบดูว่าจะเจอไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายอีกหรือไม่ ถึงจะเจอแค่ฟองเดียว ก็จะเป็นประโยชน์กับเขามาก
“งั้นผมจะลองคิดดูอีกทีว่ามีอะไรตกหล่นไปบ้าง รอคุณชายน้อยกลับมาเราค่อยคุยกันต่อ” เหล่าเย่ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องยอมปล่อยหลินเซินไป
หลินเซินไม่ได้อธิบาย ได้แต่ขอโทษในใจ แล้วเปิดประตูออกไป
“คุณชายน้อยถูกคุณชายสามกับคุณชายสี่ดูแลอย่างดี ไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ พอมาเจอเรื่องใหญ่แบบนี้ จิตใจคงว้าวุ่นน่าดู” เหล่าเย่ถอนหายใจเมื่อเห็นหลินเซินเดินออกไป “หวังว่าคุณชายสามกับคุณชายสี่จะกลับมาโดยเร็ว”
หลังจากออกจากบ้าน หลินเซินก็ตรงไปยังตลาดในฐาน ที่นั่นมีถนนทั้งสายที่ขายไข่กลายพันธุ์ หลินเซินคิดว่าร้านคีบไข่ของเขาเจอไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายตั้งสองฟอง ถ้าเดินดูทั้งถนนนี้ ก็น่าจะเจออีกหลายฟอง
แต่พอเดินดูจนทั่วแล้ว อารมณ์ของเขาก็เริ่มหดหู่
ร้านค้าบนถนนสายนี้เขาเกือบดูครบหมดแล้ว แต่ก็ไม่เจอไข่กลายพันธุ์ที่มีโมเสกเลยสักฟอง
“ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นมั้ง? ไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายแค่สองฟอง ดันมาอยู่ในร้านฉันทั้งสองฟอง? มันบังเอิญเกินไปแล้ว” ยิ่งคิดหลินเซินก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายสองฟองที่เจอ ฟองหนึ่งเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ เขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ส่วนอีกฟองอยู่ในตู้คีบไข่มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นความผิดปกติ ซึ่งมันแปลกมาก
หลินเซินคิดไปคิดมา ก็มีแค่สองความเป็นไปได้
อย่างแรกคือ ไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายไม่ได้มีประกายอยู่ตลอดเวลา อาจจะเห็นโมเสกได้แค่บางช่วงเวลาเท่านั้น
อีกอย่างคือ ตัวหลินเซินเองเพิ่งจะมีความสามารถในการมองเห็นประกายได้ เลยเพิ่งจะเห็นโมเสก
หลินเซินก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นไปได้แบบไหน
ถ้าบอกว่าเพิ่งได้ความสามารถนี้มา แต่ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไรพิเศษ ไม่ได้ของอะไรแปลกๆ มา แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมีพลังแบบนี้ได้
ถ้าบอกว่าประกายจะปรากฏบนไข่กลายพันธุ์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล เพราะมันอธิบายไม่ได้ว่าทำไมมีแต่เขาที่มองเห็นประกาย คนอื่นกลับมองไม่เห็น
หลินเซินคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาได้ความสามารถอะไรบางอย่างมา เพียงแต่ไม่รู้ว่าได้มายังไง
“หรือว่าฉันมีพรสวรรค์แฝง พลังที่ซ่อนอยู่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมา?” หลินเซินรีบปฏิเสธความคิดนี้
พี่น้องห้าคนของตระกูลหลิน เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน ถ้าตระกูลมีพรสวรรค์แบบนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม พี่ๆ ของเขาก็น่าจะตื่นขึ้นมานานแล้ว ไม่น่าจะมีแค่เขาคนเดียว
ถ้าพูดถึงพรสวรรค์และความสามารถ หลินเซินคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นคนที่แย่ที่สุดในบรรดาพี่น้องห้าคน
พี่สาวคนโตมีความจำเป็นเลิศมาตั้งแต่เด็ก พี่รองมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก เกิดมาหนักตั้งเก้ากิโลครึ่ง อายุไม่ถึงสิบขวบก็สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ร่างกายแข็งแกร่งมาก แถมยังมีนิสัยเด็ดเดี่ยว ขยันฝึกฝน ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถึงแม้จะอายุน้อย แต่ใครๆ ก็เรียกเขาว่าคุณชายน้อย การที่พี่น้องตระกูลหลินถูกเรียกว่า "คุณชาย" ก็เริ่มมาจากเขา
พี่สามและพี่สี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังที่โดดเด่นในฐานเสวียนเหนี่ยว
ส่วนหลินเซิน ไม่มีทั้งความจำเป็นเลิศ ทั้งสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ก็อยู่ในระดับปานกลาง แม้แต่ความอดทนก็ยังสู้พี่รองไม่ได้ ฉะนั้นถ้าตระกูลมีพรสวรรค์ถ่ายทอดทางพันธุกรรมจริง ก็ไม่น่าจะมาตกอยู่ที่เขาคนเดียว
“อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันมองเห็นประกายพวกนั้นได้?” หลินเซินคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก หาเหตุผลไม่ได้
เขาเดินดูร้านค้าบนถนนจนทั่ว แม้แต่แผงลอยข้างทางก็ไม่เว้น แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขาผิดหวัง ไม่เจอไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายเลยแม้แต่ฟองเดียว
“หรือว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้นจริงๆ ไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายแค่สองฟอง ดันมาอยู่ในร้านฉันหมด?” หลินเซินไม่เชื่อว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้น โอกาสน้อยยิ่งกว่าถูกหวย
แต่เขาเดินดูทั้งถนนแล้ว ก็ไม่เจอไข่กลายพันธุ์ที่มีประกายเลย ถึงร้านอื่นจะมีเก็บไว้หรือเป็นของสะสม ก็คงไม่เอามาให้เขาดู ไม่มีที่อื่นให้หาแล้ว
ทันใดนั้น ดวงตาของหลินเซินก็เป็นประกาย เขานึกถึงสถานที่หนึ่งที่มีไข่กลายพันธุ์อยู่เป็นจำนวนมาก
ใช่แล้ว สถานที่ที่หลินเซินคิดถึงก็คือร้านคีบไข่ที่อยู่ข้างๆ ร้านของเขา
พูดถึงร้านคีบไข่นั้นทีไร หลินเซินก็รู้สึกหดหู่ใจทุกที
ที่หลินเซินเปิดร้านคีบไข่ ก็เพราะว่ามันเป็นธุรกิจที่ง่าย ไม่เหนื่อย แถมไข่กลายพันธุ์ในร้านก็ได้มาจากที่บ้าน เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ไม่มีทางขาดทุน
จริงๆ แล้วทางบ้านก็ไม่ได้หวังว่าหลินเซินจะทำกำไร ขอแค่เขาอยู่อย่างสงบ ไม่สร้างปัญหา ไม่เผชิญอันตราย ก็พอแล้ว
หลินเซินตั้งชื่อร้านของเขาว่า “รวยไว” ตอนแรกก็หวังว่าจะทำกำไรได้เยอะๆ หาเงินไว้ใช้ส่วนตัว ช่วงแรกๆ ธุรกิจก็ดี ถึงจะไม่ถึงกับรวยไว แต่ก็ได้กำไรเยอะ เรียกได้ว่านอนเฉยๆ ก็ได้เงิน
จนกระทั่งเดือนที่แล้ว มีร้านคีบไข่ชื่อ “ไข่สีรุ้ง” มาเปิดข้างๆ ร้านของเขา วันเวลาดีๆ ของหลินเซินก็จบลง
ร้านไข่สีรุ้งมีไข่กลายพันธุ์คุณภาพสูงเยอะแยะ แถมยังปรับความแข็งแรงของที่คีบให้จับได้ง่ายขึ้น มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ราคาเหรียญก็ถูกกว่า ร้านก็ใหญ่โตโอ่อ่า เปิดร้านได้ไม่นานก็แย่งลูกค้าของหลินเซินไปหมด
ถ้าร้านและไข่กลายพันธุ์ไม่ใช่ของตัวเอง หลินเซินคงปิดร้านไปแล้ว เพราะสู้ไม่ได้จริงๆ
การแข่งขันทางธุรกิจก็ว่ากันไม่ได้ แต่จากที่หลินเซินสังเกต จากจำนวนไข่กลายพันธุ์ที่ถูกคีบไปจากร้านไข่สีรุ้งช่วงนี้ คิดว่าร้านนั้นขายขาดทุน ไม่ได้กำไร แถมยังขาดทุนอีกต่างหาก เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะขายขาดทุนเพื่อให้ร้านของเขาล้มละลาย
ที่รับไม่ได้ที่สุดคือ เจ้าของร้านไข่สีรุ้งคือ ฉีเทียนฝู
ฉีเทียนฝูนั่นเป็นคนของตระกูลฉี โตมาด้วยกันกับหลินเซินตั้งแต่เด็ก อายุก็ไล่เลี่ยกัน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
แต่ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกันไว้ ทั้งสองคนไม่ชอบหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ยอมกันเลย
ถ้าฝ่ายหนึ่งมีอะไร อีกฝ่ายก็ต้องมีเหมือนกัน แถมต้องดีกว่าด้วย
แข่งกันว่าใครโตเร็วกว่า ใครสูงกว่า ใครฉี่ได้ไกลกว่า ใครวิ่งเร็วกว่า ใครกระโดดได้สูงกว่า ใครมีแฟนสวยกว่า ไม่ว่าอะไรก็ต้องแข่งกัน ไม่ชอบให้ฝ่ายตรงข้ามได้ดีกว่า
ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ฉีเทียนฝูคงไม่มาเปิดร้านไข่สีรุ้งข้างๆ ร้านของหลินเซินหรอก
“ลมอะไรหอบเอาคุณชายน้อยตระกูลหลินมาที่นี่ได้ล่ะเนี่ย?” ชายร่างอ้วนหนักกว่าร้อยกิโลกรัมนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เห็นหลินเซินเดินเข้ามาก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก พูดจาถากถาง
หลินเซินไม่สนใจเขา เดินดูรอบๆ ร้าน สายตามองไปยังไข่กลายพันธุ์ในตู้คีบไข่ต่างๆ
ร้านของฉีเทียนฝูใหญ่กว่าร้านของเขาสองถึงสามเท่า ร้านของหลินเซินมีตู้คีบไข่แค่สิบกว่าตู้ แต่ที่นี่มีตั้งสี่ถึงห้าสิบตู้ ไข่กลายพันธุ์ข้างในก็มีหลากหลายชนิด ในตู้หลายๆ ตู้มีไข่กลายพันธุ์คุณภาพสูงอยู่ด้วย
ทันใดนั้น หัวใจของหลินเซินก็เต้นแรงขึ้น เพราะเขาเห็นไข่กลายพันธุ์ที่ปกคลุมไปด้วยโมเสกหลากสีอยู่ในตู้คีบไข่เครื่องหนึ่ง!