ตอนที่ 803 การโจมตีที่เหนือชั้นจนยากจะต้านทาน
วันผ่านไปตามปกติ ในช่วงเย็น เย่เฉิน เดินทางไปยังหอประชุมใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานต้อนรับนักศึกษาใหม่
งานเริ่มต้นขึ้นตามปกติ พิธีกรขึ้นกล่าวเปิดงาน จากนั้นตามด้วยคำกล่าวจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และอีกไม่นานก็ถึงคิวของ เย่เฉิน กล่าวสุนทรพจน์
ก่อนถึงเวลาของเขา รองอธิการบดีก็เข้ามากระซิบบอก เย่เฉิน
“เพื่อนนักเรียน เย่ โปรดระวังไว้นิดหนึ่ง ปีนี้มีเด็กใหม่บางคนที่หัวแข็งพอตัว”
“หัวแข็ง?”
เย่เฉิน ถามด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว หัวแข็ง พูดให้ชัดคือพวกที่ชอบหลงตัวเอง เพราะพวกเขาเก่งกว่าคนในวัยเดียวกัน…”
ปีนี้มีนักศึกษาใหม่หลายคนที่มีความสามารถโดดเด่นจนพวกเขาหยิ่งผยอง และไม่ให้ความเคารพใคร ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทางมหาวิทยาลัยต้องเชิญ เย่เฉิน มา
ทางมหาวิทยาลัยหวังว่า เย่เฉิน จะทำให้พวกเด็กหัวแข็งเหล่านั้นรู้ว่าอะไรคือ ‘ความยอดเยี่ยมที่แท้จริง’
“ไม่ต้องห่วงครับ”
เย่เฉิน พยักหน้า เขาเคยเจอคนแบบนี้มามากแล้ว
และนี่พวกเขาไม่ใช่พวกหยิ่งผยอง และอวดดีเพียงไม่กี่คนหรอกเหรอ?
“ต่อไป ขอเชิญ เย่เฉิน นักศึกษาผู้โดดเด่นของมหาวิทยาลัยการเงิน และเศรษฐศาสตร์เซี่ยงไฮ้เรา ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครับ!”
พิธีกรประกาศเชิญ เย่เฉิน
แปะแปะแปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้นจากนักศึกษาใหม่จำนวนมากที่อยากรู้จักรุ่นพี่คนนี้ แต่ยังมีบางคนที่นั่งเฉยโดยไม่แสดงท่าทีอะไร และไม่ปรบมือเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เย่เฉิน ขึ้นเวที และเริ่มพูดจาฉะฉานอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องใช้กระดาษโน้ตใดๆ เพราะเขาเคยผ่านเวทีใหญ่ๆ มามากมายแล้ว
หลังจากเขากล่าวสุนทรพจน์จบ ก็เข้าสู่ช่วง ถาม-ตอบ ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้บรรยากาศของงานมีความเป็นกันเอง และน่าสนใจยิ่งขึ้น
ตอนนี้หลังจากอธิการบดี และคณาจารย์พูดจบแล้ว และถูกถามคำถามหลายข้อ ตอนนี้ก็มาถึงตาของ เย่เฉิน บ้างแล้ว
“หากใครมีคำถามอยากถาม รุ่นพี่เย่ สามารถยกมือขึ้นได้เลยครับ”
เมื่อพิธีกรกล่าวจบ นักศึกษาใหม่หลายคนก็ยกมือขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
ในตอนที่อธิการบดีพูด นักศึกษาใหม่ไม่กล้าถามอะไรแรงๆ แต่ตอนนี้เป็นรุ่นพี่อย่าง เย่เฉิน คนพวกนี้ดูเหมือนจะอยากเล่นอะไรบางอย่าง
รุ่นพี่ เย่ ที่ยืนอยู่บนเวทีนี้ ก็แค่โตกว่าพวกเขาหนึ่งปี ทำไมเขาถึงได้ยืนอยู่บนนั้น แต่ทำไมพวกเขากลับทำไม่ได้บ้าง?
กลุ่มนักศึกษาที่ถูกรองอธิการบดีเรียกว่า ‘หัวแข็ง’ กำลังจะเริ่มลงมือแล้ว
มีนักศึกษาใหม่ปีหนึ่งหลายคนยกมือขึ้น และอยากถามคำถาม เย่เฉิน
เย่เฉิน เลือกตอบคำถามจากนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่ดูเงียบขรึม สวมใส่แว่น และมัดผมหางม้า
รองอธิการบดีที่คอยมองอยู่ถึงกับตบหน้าผากตัวเองด้วยความรู้สึกปนเป
เพื่อนนักเรียน เย่ โชคดีจริงๆ..
ในบรรดานักศึกษาใหม่ที่ยกมือมีมากมาย นักศึกษาคนแรกที่ เพื่อนนักเรียน เย่ เลือก ดันเป็นพวก ‘หัวแข็ง’ คนสำคัญเสียได้
นักศึกษาหญิงคนนั้นรับไมโครโฟน และพูดขึ้นอย่างสุภาพ :
“สวัสดีคะ รุ่นพี่ เย่ ในเมื่อคุณได้รับการยกย่องให้เป็นนักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดของมหาวิทยาลัย พอจะบอกได้ไหมคะว่าคุณยอดเยี่ยมแค่ไหน?”
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ ผมยังต้องพยายามอีกเยอะ”
เย่เฉิน ตอบอย่างถ่อมตัว
“ในเมื่อรุ่นพี่ไม่อยากพูด งั้นฉันจะขอพูดถึงตัวเองแทนก็แล้วกันค่ะ”
เธอกล่าวก่อนจะเริ่มเล่าถึงความสำเร็จของตัวเอง
“ฉันไม่ได้เรียนเก่งที่สุด แต่มีความสามารถด้านศิลปะมากพอสมควร”
“ฉันเคยเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะระดับประเทศทั้งหมด 18 ครั้ง และชนะรางวัลทุกครั้ง โดยเป็นอันดับหนึ่ง 5 ครั้ง อันดับสอง 9 ครั้ง และอันดับสาม 4 ครั้ง”
“นอกจากนี้ ฉันยังได้เป็นสมาชิกสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ และยังเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้ด้วย”
เธอกล่าวถึงเกียรติยศของตนเองอย่างภาคภูมิใจ
“ว้าว!”
“แข่งไป 18 ครั้ง ชนะทุกครั้ง โหดมาก!”
“อายุน้อยขนาดนี้ได้เป็นสมาชิกสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติแล้ว สุดยอดเลย!”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่เธอพูด นักศึกษาใหม่หลายคนในหอประชุมก็เริ่มคุยกันด้วยความรู้สึกทึ่ง และต่างชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก
จากนั้นเธอก็หันไปถาม เย่เฉิน ด้วยน้ำเสียงที่แฝงความท้าทาย
“แล้ว รุ่นพี่ เย่ เคยเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศกี่ครั้ง และชนะรางวัลอะไรมาบ้างคะ?”
ทันทีที่เธอถาม ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ เย่เฉิน บนเวที
ทุกคนต่างคาดหวังว่า รุ่นพี่ที่โดดเด่นที่สุดจะต้องเหนือกว่าคนอย่างเธอแน่ๆ
“ผมเคยเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศมาบ้าง แต่ไม่กี่ครั้ง และไม่ได้รางวัลอะไรใหญ่โต”
เย่เฉิน ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
หา?!
เสียงฮือฮาดังขึ้นในหอประชุม นักศึกษาหลายคนเริ่มคิดว่า เย่เฉิน ไม่ได้เก่งขนาดที่ถูกกล่าวถึง
ส่วนหญิงสาวที่เงียบขรึมก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจเช่นกัน
แต่ในวินาทีถัดมา คำพูดของ เย่เฉิน กลับทำให้ทุกคนถึงกับเงียบกริบ
“แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติได้ติดต่อมา ให้ผมเป็นกรรมการในการแข่งขันศิลปะการเขียนพู่กันระดับประเทศในปีนี้”
เป็นกรรมการการแข่งขันศิลปะการเขียนพู่กันระดับประเทศ?!
โห!!! ให้ตายเถอะ!
นี่มันเท่กว่าได้รางวัลซะอีก!
การได้เป็นกรรมการนั้นย่อมเหนือกว่าการได้รางวัลมากนัก แม้จะได้รางวัลสักร้อยครั้งก็ยังไม่เทียบเท่า
นี่มันคือการโจมตีที่เหนือชั้นจนไม่อาจต้านทานได้อย่างแท้จริง!
ทุกคนต่างตกตะลึงในความสามารถของ เย่เฉิน
ส่วนหญิงสาวเงียบขรึมที่เมื่อครู่ยังยิ้มอย่างมั่นใจ ตอนนี้รอยยิ้มของเธอกลับกลายเป็นความงุนงง
“ทำไมสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติถึงเชิญคุณไปเป็นกรรมการคะ?”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็ถามขึ้น
เธอไม่เชื่อว่าการแข่งขันระดับประเทศจะให้คนหนุ่มขนาดนี้มาเป็นกรรมการ มันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย
“เพราะผมเป็นรองประธานสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติครับ”
เย่เฉิน ตอบกลับเรียบๆ
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ก็ทำให้ทั้งหอประชุมตกอยู่ในเงียบอีกครั้ง
รองประธานสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ?!
ตำแหน่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าสมาชิกธรรมดาของสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติที่นักศึกษาหญิงคนนั้นพูดถึงเมื่อกี้มาก
ช่องว่างระหว่างสมาชิกธรรมดา กับรองประธาน..นั้นไม่อาจเปรียบเทียบได้เลย
“รุ่นพี่ เย่ สุดยอด!”
“รุ่นพี่เก่งเกินไปแล้ว”
เสียงชื่นชมดังขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจของนักศึกษาใหม่หลายคน
“รุ่นพี่ เย่ ตั้งแต่นี้ไป คุณคือไอดอลของฉันคะ”
แม้แต่หญิงสาวเงียบขรึมเอง ตอนนี้เธอมอง เย่เฉิน ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
เธอไม่มีคำถามอื่นแล้ว ยื่นไมโครโฟนกลับคืนไปให้ พิธีกรจึงเริ่มหาคนถามคนที่สอง
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้นักศึกษาใหม่ที่ยกมือถามลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“เชิญคุณแล้วกันครับ”
เย่เฉิน เลือกนักศึกษาชายรูปร่างผอมสูงคนหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าเขาถูกเลือก รองอธิการบดีก็ถอนหายใจเบาๆ
นักศึกษาชายคนนี้ยิ่งหยิ่งกว่าคนก่อนเสียอีก
เพื่อนนักเรียน เย่ นี่เลือกคนได้เก่งจริงๆ
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงเริ่มต้นด้วยคำชม
“รุ่นพี่ เย่ ครับ ผมต้องยอมรับเลยว่าคุณเก่งมากในด้านศิลปะการเขียนพู่กัน”
“แต่ยังไงก็ตามนะครับ มหาวิทยาลัยของเราเป็นมหาวิทยาลัยการเงิน ไม่ใช่มหาวิทยาลัยศิลปะ ความสำเร็จด้านศิลปะคงไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”
“ส่วนตัวผมเอง ตอนอยู่มัธยมปลายก็เริ่มทำธุรกิจแล้ว ปัจจุบัน ผมเป็นเจ้าของบริษัทที่มีทรัพย์สินรวม 80 ล้านหยวน และมีพนักงานหลายสิบคน”
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
น้องใหม่อายุเพียง 18 เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีทรัพย์สินถึง 80 ล้าน และมีลูกน้องหลายสิบคน ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“โห! เจ๋งว่ะ!”
“ฉันยังต้องขอเงินค่าใช้จ่ายจากพ่อแม่เลย แต่นี่รวย 80 ล้านแล้ว”
“บ้านเราเอารวมกันยังไม่ถึงสิบส่วนของเขาเลย”
“นี่แหละตัวจริง คนที่เหนือกว่าพวกเรา”
เสียงชื่นชมจากนักศึกษาใหม่ดังขึ้นทั่วหอประชุม ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงรู้สึกพึงพอใจกับคำยกย่องเหล่านั้น
หลังจากนั้นเขาหันมามอง เย่เฉิน บนเวที ด้วยแววตาท้าทาย
เขาพร้อมจะเริ่มสร้างปัญหา!
#ขอเปลี่ยน มหาวิทยาลัยของ เย่เฉิน เป็น มหาวิทยาลัยการเงิน และเศรษฐศาสตร์เซี่ยงไฮ้ครับ ไปตามต้นฉบับ