ตอนที่ 73 คนร้าย : อัญมณีวิญญาณ!
ตอนที่ 73 คนร้าย : อัญมณีวิญญาณ!
“แครอล ตั้งสติได้แล้ว! ฮอร์โมนอารมณ์พวกนั้นจะสลายไปในสิบนาที!” เอริคตบหน้าผากตัวเองแล้วพยายามพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
แต่แครอลไม่ได้ฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว เธอยกหมัดขึ้นและปล่อยพลังพุ่งตรงมายังเอริค
“กรรมตามสนองมีอยู่จริงสินะ พวกคนโบราณไม่ได้หลอกลวงฉันจริง ๆ ด้วย!” เอริคยิ้มอย่างขมขื่นพลางสร้างโล่แม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาป้องกันพลังงานที่พุ่งมา
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตัวเองไม่สำเร็จ แครอลก็พุ่งตัวเข้าหาเอริคในพริบตา
เอริคผลิกตัวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะกลอกตาและพูดขึ้นมาว่า “เธอที่เคยทำลายยานรบครีได้ด้วยหมัดเดียว ฉันคงต้องโง่มากแน่ถ้าหากคิดจะสู้พละกำลังกับเธอ!”
พลังของแครอลมาจากการระเบิดของเครื่องยนต์ความเร็วแสง ซึ่งพลังงานมหาศาลนั้นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างเธอ ส่งผลให้เธอมีความสามารถเหนือมนุษย์ เช่น การดูดซับพลังงาน ควบคุมพลังงาน ความแข็งแกร่งทางกายภาพเหนือธรรมชาติ และการบิน เรียกได้ว่าความสามารถของเธอแข็งแกร่งระดับเดียวกับยอดมนุษย์ในจักรวาล DC ข้างเคียง
แต่จุดอ่อนของเธอก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นคือสภาพจิตใจ เธอผ่านการลบความทรงจำ การล้างสมอง และการถูกหักหลังซ้ำ ๆ ทำให้จิตใจอ่อนแอและง่ายต่อการถูกรบกวนหรือควบคุม
นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เอริคเลือกเธอ เพราะถ้าหากเป็นคนที่มั่นคงเช่นกัปตันอเมริกา ต่อให้เขาเหนื่อยจนตาย ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้เรื่องเลย
นอกจากนี้ถ้าดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ การตัดสินใจเลือกแครอลก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดแล้ว เพราะผลลัพธ์นั้นดีมาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะดีเกินไปหน่อยจนกลายเป็นปัญหาให้เขาในตอนนี้แทน . . .
“ความถี่ 10 กิกะเฮิรตซ์ และพลังทำลายล้างของพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้า เอ่อ . . . นี่สำหรับมนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อครู่ที่ฉันสะกดจิตแครอล มันเกินขีดจำกัดนี้ไปแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะให้เธอกลับมาได้ ฉันจะต้องใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าที่แรงกว่านี้ งั้นเพิ่มกำลังเป็นสิบเท่าแล้วกัน”
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็ปรากฏในฝ่ามือของเอริค มันเริ่มหมุนวนและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับดวงดาวที่สว่างไสว จนทำให้ร่างของเอริคในตอนนี้อาบไปด้วยสายฟ้า และดวงตาของเขาที่ส่องแสงขาวเจิดจ้า
แครอลหยุดอยู่ห่างออกไป ก่อนจะหันกลับมามองเอริคพร้อมกับเอียงศรีษะเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็กำหมัดแน่น และแสงสีแดงบนร่างเธอยิ่งสว่างจ้าขึ้น
เมื่อเห็นแครอลหยุดนิ่ง เอริคก็ชี้นิ้วไปที่เธอ พร้อมกับแสงสีขาวในมือของเขาที่เปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งเข้ากระแทกหน้าผากของแครอล โดยที่แสงสีขาวนั้นกลืนศีรษะของเธอเข้าไปทันที
นี่คือพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูงที่ถูกบีบอัดจนแน่น ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันมีความเร็วอยู่ในระดับความเร็วแสง ทำให้มันเพิ่งเข้าไปในหัวของแครอลได้ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวได้ด้วยซ้ำ
“สำเร็จไหม?” เอริคใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดสังเกตการเปลี่ยนแปลงในตัวแครอล
ศีรษะของแครอลถูกกลืนด้วยแสงขาว ในขณะที่แสงสีแดงบนร่างของเธอดูเหมือนจะพยายามต่อต้านผู้บุกรุกอย่างแข็งแกร่ง แต่แสงขาวก็ไม่ยอมแพ้พุ่งทะยานรุกคืบไปเรื่อย ๆ การต่อสู้ระหว่างแสงสองสีนี้สูสีกันมาก
แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา แสงสีแดงก็เปลี่ยนกลยุทธ์ มันหยุดต่อต้านและเปิดทางให้แสงสีขาวบุกรุกเข้าไปในร่างของแครอล ทำให้แสงขาวค่อย ๆ ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของแครอลจนหมด
“การดูดซับพลังงาน . . . เวรเอ้ย! ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ไง!” เอริคตบหน้าผากด้วยความเสียใจ “ใช้พลังงานโจมตีแครอลก็เหมือนโยนซาลาเปาให้หมาดี ๆ นี่เอง!”
แสงสีขาวและแดงในดวงตาของแครอลสลับกันวูบวาบ ก่อนที่แสงขาวจะเริ่มลดน้อยลง ในขณะที่แสงแดงบนร่างเธอเริ่มเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อเห็นดังนั้นเอริคก็จริงจังขึ้น คราวนี้เขาแยกอนุภาคโลหะออกจากดินในอากาศ จัดรูปทรงเป็นลูกบอลโลหะขนาดเท่าไข่ไก่ และควบคุมพวกมันให้ลอยหมุนวนอยู่เบื้องหน้าเขา
เอริคชูมือเล็งไปที่แครอล ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ก่อนที่ลูกบอลโลหะทั้งหมดจะหยุดนิ่ง และพุ่งตรงไปยังเป้าหมายด้วยความเร็วสูง
ปืนแม่เหล็กไฟฟ้า! พร้อมการโจมตีอย่างต่อเนื่อง!
อนุภาคโลหะถูกดึงออกมาจากพื้นไม่หยุด และแปรสภาพเป็นลูกบอลโลหะในอากาศเพื่อยิงไปที่แครอลราวกับกระสุนปืนกล
แต่แครอลนั้นไม่เหมือนกับศัตรูทั่วไป เธอเพียงเหวี่ยงหมัดครั้งเดียว และเมื่อลูกบอลโลหะถูกกระแทก พลังงานมหาศาลก็ระเบิดออก พร้อมกับสร้างคลื่นกระแทกต่อเนื่องจนลูกบอลโลหะทั้งหมดสลายกลายเป็นผงทันที!
“แบบนี้ไม่ได้ผลแน่!” เอริครีบหยุดการโจมตีในทันที และวาดมือเป็นวงกลมกลางอากาศดึงอนุภาคโลหะทั้งหมดหลอมรวมกลับเข้าสู่โล่แม่เหล็กไฟฟ้าของเขาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้โล่ขึ้นอีกขั้น จากนั้นเอริคก็ค่อย ๆ ยกหมัดขวาขึ้น พร้อมกับแสงสีเงินที่แพร่กระจายจากหมัดและครอบคลุมทั้งมืออย่างรวดเร็ว นี่คือ ไวเบรเนียม!
การโจมตีที่รุนแรงของแครอลกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และโล่แม่เหล็กของเอริคก็สามารถหยุดยั้งเธอไว้ได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น . . .
โอกาสมีเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่โล่จะถูกทำลาย!
ทันใดนั้นแสงสีน้ำเงินก็ปรากฏในดวงตาของเอริค พร้อมกับสายฟ้าสว่างไสวลุกโชนขึ้นบนแขน ก่อนที่หมัดที่เปล่งประกายคล้ายดวงดาวจะกระแทกเข้ากับแครอลอย่างดุเดือด
ตูม!!!!
หมัดทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดคลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังมหาศาลที่กระจายออกไปตัดภูเขาใกล้เคียงออกเป็นสองส่วน!
คลื่นกระแทกทำลายทุกสิ่งในเส้นทาง กำแพงและสิ่งก่อสร้างโบราณพังทลายไม่เหลือ แต่คลื่นนั้นก็ยังคงขยายตัวออกไปไกลนับร้อยกิโลเมตร ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป
ในจุดศูนย์กลางของการระเบิดเอริคและแครอลกำลังยืนเผชิญหน้ากัน แครอลดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย แสงสีแดงบนร่างยังคงส่องประกายไม่ลดลง ในขณะที่เอริคเองดูไม่ค่อยดีนัก เขายกมือซ้ายลูบไหล่ขวา ใบหน้าซีดเล็กน้อย และถ้าหากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่ามือขวาของเขากำลังสั่นเบา ๆ
‘สมแล้วที่เป็นกัปตันมาร์เวล แค่พลังจากสถานะปกติก็แข็งแกร่งขนาดนี้ ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าถ้าเธอเข้าสู่สถานะพลังไบนารีจะยิ่งแข็งแกร่งขนาดไหน!’
เอริคทำสีหน้าจริงจัง ไม่ใช่เพียงเพราะแรงกดดันที่แครอลส่งมา แต่เพราะเขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง
โดยปกติแล้ว ความผันผวนทางอารมณ์ของมนุษย์จะไม่ยืดเยื้อเกินไป ส่วนใหญ่จะกินเวลาเพียงไม่กี่นาทีถึงสิบนาที ก่อนที่สมองจะตอบสนองต่อความเครียด โดยหยุดผลิตฮอร์โมน และอาจถึงขั้นสลายฮอร์โมนที่สร้างขึ้น
ซึ่งการที่แครอลมีอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่าน ต้นเหตุของมันก็คือการกระตุ้นด้วยพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าของเอริค แต่เขาได้หยุดการกระตุ้นไปนานแล้ว ดังนั้นตามหลักการ สมองของเธอก็ควรหยุดสร้างฮอร์โมนไปนานแล้วเช่นกัน แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยล่ะ?
“บางที มันอาจจะไม่ใช่เพราะฝีมือของฉันเพียงคนเดียว” ทันใดนั้นประกายเย็นชาก็สว่างวาบขึ้นในดวงตาของเอริค และอดไม่ได้ที่จะมองลงไปเบื้องล่าง ที่นั่น ร่างของยอน ร็อกก์ กำลังนอนนิ่งอยู่ในสภาพสงบ โดยที่การต่อสู้ของทั้งสองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างของเขาแต่อย่างใด
“การสังเวยสำเร็จแล้ว แต่ อัญมณีวิญญาณ กลับยังไม่ปรากฏออกมา ดูเหมือนว่าอัญมณีวิญญาณจะมีจิตสำนึกของตัวเอง และมันกำลังส่งผลต่อแครอล!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …