ตอนที่ 72 เอริค ฉันจะเอาชีวิตนายมาชดใช้!
ตอนที่ 72 เอริค ฉันจะเอาชีวิตนายมาชดใช้!
“ถ้าหากต้องการอัญมณีวิญญาณ เจ้าต้องจ่ายในราคาที่มหาศาล!”
“ไม่ว่าใครที่คิดว่าพร้อมที่จะรับมัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทำสำเร็จ!”
. . .
เรดสกัลล์พูดพล่ามมาตลอดทาง คล้ายกับกำลังอธิบายให้เอริคและคนอื่น ๆ ฟัง หรืออาจเป็นเพียงการรำพึงรำพันเพื่อทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จ
เอริคเดินตามอย่างสงบนิ่ง โดยไม่ได้สนใจสิ่งที่เรดสกัลล์พูด แต่แครอลกลับถามด้วยความสงสัยว่า “ต้องจ่ายอะไร?”
“นั่นคือราคาที่ต้องจ่าย!” เรดสกัลล์ชี้ไปยังหน้าผาที่อยู่ไม่ไกลนัก
แครอลอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู เธอชะโงกมองลงไปด้านล่าง และเห็นเพียงลวดลายวงกลมบนพื้นด้านล่าง “แค่นี้เองเหรอ?”
“แค่นี้แหละ!” เอริคเดินตามเข้ามาใกล้ “อัญมณีวิญญาณต้องการการสังเวย”
“สังเวยอะไร?”
“สังเวยวิญญาณ . . . วิญญาณหนึ่งเพื่อแลกกับอีกวิญญาณหนึ่ง!” เอริคปรายตามองเรดสกัลล์ก่อนจะเอ่ยคำพูดแทนเขา
“เจ้ารู้อยู่แล้วหรือ?” เรดสกัลล์มองเอริคอย่างประหลาดใจ
“แน่นอนว่าฉันรู้!”
ทันใดนั้นแครอลก็หันไปมองยอน ร็อกก์ที่ยังหมดสติอยู่ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “เอริค นายคิดจะสังเวยเขาเหรอ?”
“แน่นอน แล้วเธอคิดว่าอย่างไรล่ะ?” เอริคยิ้มพลางมองดูเธอเหมือนรอการตัดสินใจ
แครอลนิ่งคิดอยู่สองสามวินาที ก่อนจะถามว่า “ถ้าเอามณีอันนี้ออกไป ดาวดวงนี้จะเหมาะกับการอยู่อาศัยของพวกสครัลส์หรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว!”
“งั้นลุยเลย!” แครอลเดินเข้าไปอุ้มยอน ร็อกก์ ขึ้นมาและพาเขาไปที่ขอบหน้าผาเตรียมจะโยนลงไป
“ไม่ได้!” เรดสกัลล์ร้องห้ามพลางยื่นมือออกไปขวาง “อัญมณีวิญญาณต้องการวิญญาณของคนที่เจ้ารักเท่านั้น!”
“นี่คือรักแท้ของเธอ!” เอริคกลั้นยิ้มพลางชี้ไปที่ยอน ร็อกก์
เรดสกัลล์หันมามองแครอลสลับกับยอน ร็อกก์ ก่อนจะส่ายหัว “ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหกข้า ข้าเป็นเพียงผู้ชี้นำ ตัววัดที่แท้จริงคืออัญมณีวิญญาณ!”
“งั้นก็หลอกมันสิ!” เอริคยักไหล่ ทำเหมือนเป็นเรื่องง่าย
ทั้งเรดสกัลล์และแครอลถึงกับอึ้งไปพร้อมกัน “หลอกมณีงั้นเหรอ? จะหลอกยังไง? เล่าเรื่องตลกให้มันฟังเหรอ หรือจะเล่นละครสักเรื่อง?”
“แครอล ฉันต้องการความร่วมมือจากเธอ” เอริคยืนอยู่ด้านหลังแครอล และวางมือลงบนขมับของเธอ
“ต้องทำยังไง?” แครอลเริ่มจริงจัง ออร่าของเธอเริ่มพลุ่งพล่านพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
เอริคกลอกตา ก่อนจะเขย่าศีรษะแครอลเบา ๆ “ผ่อนคลายลงหน่อย ไม่ได้จะให้เธอสู้สัก”
แครอลนิ่งอึ้งไป ก่อนจะรู้สึกเขินนิด ๆ รีบสลายพลังที่เพิ่งรวบรวมขึ้นมา “แล้วจะให้ทำอะไร?”
“ลองรักยอน ร็อกก์ดูสิ”
“ห๊ะ?” แครอลอ้าปากค้าง ทำหน้าตางุนงง “จะให้ฉันรักเขาได้ยังไง?”
เรดสกัลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้ก็ตกตะลึงจนตาแถบจะถลนออกมาเช่นกัน
เอริคเขย่าหัวเธออีกครั้ง “ตั้งสติ ปล่อยใจให้ว่าง นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เธอมีร่วมกับเขา แล้วบอกตัวเองซ้ำ ๆ ในใจว่ารักเขา”
“มันไม่มีทางสำเร็จหรอก!” เรดสกัลล์ส่ายหัว ก่อนจะถอยออกไปนั่งดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ด้วยความสนใจ “อยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ข้าก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย . . .”
เอริคไม่สนใจเรดสกัลล์ และวางฝ่ามือบนขมับของแครอล “สมองมนุษย์ประกอบด้วยเยื่อสมองส่วนหน้าและระบบลิมบิค โดยเยื่อสมองส่วนหน้าจะทำหน้าที่ด้านเหตุผล เช่น ภาษา การวางแผน และการคิดวิเคราะห์ . . .”
“ส่วนระบบลิมบิคจะควบคุมอารมณ์ ความจำ และแรงจูงใจ มันจึงถูกเรียกว่า 'สมองแห่งห้วงอารมณ์' . . .”
เอริคอธิบายไปพลางปล่อยพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าออกมาอย่างช้า ๆ “สิ่งที่ฉันต้องการทำตอนนี้คือกระตุ้น 'สมองแห่งห้วงอารมณ์' ของเธอ เพื่อให้มันผลิตฮอร์โมนเพิ่มขึ้น เพื่อให้เธอรู้สึกมีอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อ้อ . . . อย่าต้านทานมันนะ เพราะพลังงานเล็กน้อยนี้มันไม่สามารถทำร้ายเธอได้อยู่แล้ว”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเอริค แครอลก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก หลับตาลงและปล่อยใจให้เป็นอิสระพยายามนึกถึงความช่วยเหลือของยอน ร็อกก์ที่เคยมีต่อเธอ ความใส่ใจในชีวิตประจำวัน การฝึกสอนอย่างละเอียดและอดทนในสนามฝึก และคำพูดปลอบประโลมอันอ่อนโยนหลังจากฝันร้าย . . .
โดยที่เธอท่องซ้ำ ๆ ในใจว่า ‘ฉันรักยอน ร็อกก์ ฉันรักยอน ร็อกก์ ฉันรักยอน ร็อกก์ . . .”
เมื่อเห็นว่าแครอลเริ่มเข้าสู่สภาวะนั้น เอริคก็พยักหน้าด้วยความพอใจ พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังจิตและสนามแม่เหล็กเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อนในตัวเธอไปพร้อมกัน
ด้วยการสะกดจิตตนเองอย่างต่อเนื่อง ผสมกับการกระตุ้นของพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าของเอริค แครอลก็เริ่มเผยรอยยิ้มหวานบนใบหน้าอย่างช้า ๆ
“แบบนี้แหละ!” เอริครีบเร่งเพิ่มพลังของเขาเพิ่มมากขึ้น ทำให้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าเริ่มระดมโจมตีไฮโปทาลามัสและจุดสำคัญต่าง ๆ ในสมองของแครอล ส่งผลให้สมองหลั่งฮอร์โมนเพิ่มขึ้นและสร้างอารมณ์ที่เข้มข้นขึ้น
สีหน้าของแครอลค่อย ๆ อ่อนโยนราวกับลมพัดฤดูใบไม้ผลิ รอยยิ้มสดใสเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เฉกเช่นหญิงสาวที่เพิ่งได้รับแหวนหมั้นจากคนรัก
“มันมีวิธีแบบนี้ด้วยเหรอ?!” เรดสกัลล์ที่ยืนดูอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง เขาถือว่าตัวเองเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด และเคยควบคุมชีวิตผู้คนมากมายในช่วงที่ปกครองไฮดรา แต่การควบคุมอารมณ์ของคนเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก “น่าทึ่ง! น่าทึ่งจริง ๆ!”
“ปล่อยมือ!” เมื่อได้ช่วงเวลาเหมาะสม เอริคก็ตะโกนใส่หูของแครอล ทำให้เธอปล่อยมือออกโดยไม่รู้ตัวส่งร่างของยอน ร็อกก์ร่วงหล่นลงหน้าผาไปทันที
“เรียบร้อย!” เอริคยิ้มกับตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะยกมือออกจากศีรษะของแครอล
แครอลลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนเหมือนหญิงสาวไร้เดียงสา แต่เมื่อก้มลงมองเบื้องล่าง และเห็น ‘คนรัก’ ของเธอกำลังร่วงลงไปด้านล่าง หัวใจของเธอก็พลันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า “ม่ายนะ!!! ร็อกก์!!!”
แครอลร้องลั่นก่อนจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมดระเบิดพลังพุ่งลงจากหน้าผาเหมือนสายฟ้า ความเร็วอันมหาศาลส่งแรงกระแทกจนเรดสกัลล์ปลิวไปไกล ส่วนเอริคก็ถอยไปสองสามก้าว
“อ่า . . . ดูเหมือนจะเล่นแรงเกินไปหน่อยแฮะ?” เอริคพูดอย่างกระอักกระอ่วน ขณะมองแครอลที่ ‘กระโจนลงหน้าผาเพื่อไปช่วยคนรักของตัวเอง’ จนเกือบจะเอามือปิดหน้าด้วยความอับอาย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแครอลจะช้าไปเสี้ยววินาที มือของเธอได้ทำเพียงแค่สัมผัสชายเสื้อของยอน ร็อกก์ก่อนที่เขาจะตกกระแทกพื้นเสียชีวิตโดยไม่ทันได้ส่งเสียง ทำให้ร่างของเขานองไปด้วยเลือดสีน้ำเงินที่ไหลรินออกมาทันที
แครอลคุกเข่าลงข้างร่างของยอน ร็อกก์ใช้ลูบแก้มของเขาเบา ๆ พร้อมกับหยดน้ำตาสองสายไหลที่ลงมา ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปาดเลือดของยอน ร็อกก์ขึ้นมาแตะหน้าผากตัวเอง “ร็อกก็ . . . ไม่ต้องห่วงนะ เลือดของนายจะยังไหลเวียนอยู่ในตัวฉันเสมอ!”
หลังจากนั้นร่างของแครอลก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว และลอยอยู่เหนือหน้าผาจ้องมองลงมาที่เอริคด้วยดวงตาแดงก่ำ “เอริค! ฉันจะเอาชีวิตนายมาชดใช้!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …