ตอนที่ 70 ทุกคน สนใจไปเที่ยวดาวเคราะห์ต่างดาวกันหน่อยไหม?!
ตอนที่ 70 ทุกคน สนใจไปเที่ยวดาวเคราะห์ต่างดาวกันหน่อยไหม?!
“ผู้หญิงใช้สุรุ่ยสุร่าย!”
เอริคสบถออกมาด้วยความขุ่นเคือง ใบหน้าแทบจะชิดกระจกของยานบิน
เขามองแครอลที่ทำลายยานบินของชาวครีไปถึงสามลำติด ๆ กัน ตอนนี้หัวใจของเขาราวกับถูกบีบจนเลือดไหล . . .
เอริคไม่ได้สนใจทรัพย์สินบนโลกนัก เพราะถ้าเขาอยากได้ เขาสามารถขุดทองทั้งหมดจากพื้นโลกมาได้อยู่แล้ว แต่คราวนี้มันต่างออกไป นั่นเป็นยานบินของชาวครี! ตอนที่เขาเข้ามาในยานลำนี้เขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่งด้วยการเปิดช่องทางเล็ก ๆ กว้างเพียงสองเมตรและเลือกตำแหน่งที่สร้างความเสียหายน้อยที่สุดอย่างตั้งใจ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทำลายยานบินถึงสามลำในพริบตา . . .
อย่างไรก็ตาม การด่าออกไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะแครอลกำลังอยู่ในโหมดระเบิดพลังเต็มที่ ไม่มีใครหยุดเธอได้ในตอนนี้ เอริคเองก็ไม่อาจออกไปทะเลาะกับเธอเพราะยานบินไม่กี่ลำที่พังไปได้เช่นกัน
“ก็แค่ยานบินเก่า ๆ ใช่ ยานบินเก่า ๆ ใช่แล้ว ฉันยังมีเหลืออีกลำนึง . . .” เอริคยกมือกุมอกพยายามปลอบใจตัวเองอย่างเงียบ ๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างของแครอลที่เปล่งแสงสีแดงกำลังพุ่งตรงมาหาเขา . . .
“แครอล . . .”
“เอริค?” แครอลก็เห็นเอริคเช่นกัน ทำให้เธอหยุดอยู่หน้ากระจกของยานบินเอียงศีรษะมองโรแนนที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ แล้วพบช่องโหว่ที่ใต้ท้องยาน เธอจึงบินเข้าไปทางนั้นทันที
“แครอล! ยานบินของฉัน!” ทันทีที่พบกันเอริคตะโกนใส่แครอลด้วยความโกรธ
แครอลปลดโหมดระเบิดพลังแล้วพูดด้วยความงุนงง “ยานบินของนาย? หมายความว่ายังไง?”
เอริคชี้นิ้วอย่างสั่นเทาไปที่ซากยานบินสามลำด้านนอก ก่อนจะชี้ที่ตัวเองและพูดด้วยเสียงที่เจือไปด้วยความสะอื้น “ของฉัน . . . ของฉัน . . .”
แครอลกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “เอริค นั่นยานบินของชาวครี! พวกเขากำลังจะโจมตีโลกนะ!”
“ฉันควบคุมพวกมันไว้แล้ว! ขีปนาวุธพวกนั้นยิงออกมาไม่ได้หรอก!”
“ควบคุม? นายควบคุมยังไง?” แครอลทำหน้าไม่เชื่อในคำพูดของเขา
“ควบคุมยังไง? ก็แบบนี้ไง!” เอริคยื่นมือไปที่กระจก ทันใดนั้นแครอลรู้สึกว่ายานบินใต้เท้าสั่นสะเทือน ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางตามการเคลื่อนไหวของมือเอริค
เมื่อเอริคขยับมือไปทางซ้าย ยานบินก็ลอยไปทางซ้าย เมื่อเขาเคลื่อนมือไปทางขวา ยานบินก็ลอยไปทางขวา และเมื่อเขาผลักมือไปข้างหน้า ยานบินก็ลอยไปข้างหน้า
“นี่คือความสามารถของนายเหรอ? ควบคุมวัตถุ?” แครอลนึกถึงตอนที่เขาควบคุมสกรัลล์ที่ปลอมตัวเป็นมาเรียบนโลก
“ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นสนามแม่เหล็ก! แถมฉันยังทำให้ตัวเองเปล่งแสงเหมือนเธอได้ด้วยนะ!” พูดจบ สนามแม่เหล็กรอบ ๆ เอริคก็เริ่มปั่นป่วน ประกายไฟฟ้าขนาดเล็กปรากฏขึ้นจากอากาศ ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นสายฟ้าขนาดใหญ่
สายฟ้าเริ่มล้อมรอบตัวเอริค พร้อมกับอากาศรอบ ๆ ที่ถูกไอออไนซ์และก่อตัวเป็นพลาสม่าสีฟ้าสว่าง
ทำให้ถ้ามองจากมุมมองไกล ๆ ในตอนนี้เอริคดูเหมือนกับเทพสายฟ้าที่ปรากฏออกมาจากในตำนานไม่ผิด เพราะตอนนี้เขามีสายฟ้าสว่างพุ่งจากหัว และหมอกบาง ๆ ลอยอยู่ใต้เท้าของเขา
ถึงแม้ว่าแครอลจะประทับใจกับพลังของเอริค แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยใจกับพฤติกรรมเหมือนเด็กของเขา ทำให้เธอได้แต่ส่ายหัวก่อนจะหันหลังเตรียมตัวจากไป
“เฮ้ จะไปไหน?” เอริครีบเรียกเมื่อเห็นแครอลกำลังจะจากไป
“กลับไปที่ห้องวิจัย ฟิวรี่กับคนอื่น . . .” สีหน้าของแครอลเริ่มหม่นหมองลงเมื่อคิดว่าฟิวรี่อาจจะไม่รอด
“ฉันช่วยพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะถึงโลกแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับโลกเถอะ ฉันยังต้องสะสางอะไรบางอย่าง!” แครอลดูฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าฟิวรี่กับคนอื่นปลอดภัย
“อ้อ เธอจะไปหา ยอน-ร็อกก์ ใช่ไหม? ฉันจับเขาไว้แล้ว ตอนนี้เขานอนสลบอยู่ในสวนหลังบ้านของฉัน”
“. . .” แครอล
พี่ชาย นายทำทุกอย่างแทนฉันหมดแล้ว แล้วต่อไปฉันจะทำอะไรล่ะ?
เอริคทำหน้าใสซื่อ “ยังมีอะไรอีกไหม?”
“ไม่มี กลับโลกกันเถอะ . . .”
“งั้นไปกันเถอะ แต่ฉันขอชี้แจ้งให้เข้าใจตรงกันก่อนว่ายานบินลำนี้เป็นของฉัน! แล้วก็ห้องวิจัยของดร.เวนดี้ ลอว์สัน นั่นก็ของฉันด้วย!”
ความโลภของเอริคทำให้แครอลขมวดคิ้ว “เอริค ฉันขอโทษนะ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพาสกรัลล์ไปหาบ้านใหม่ ฉันต้องใช้ยานของดร.เวนดี้ ลอว์สัน”
“ฉันก็พูดตั้งแต่แรกแล้วนะ ยานหนึ่งลำแลกกับหนึ่งดาวเคราะห์! นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันขาดทุนสุด ๆ แล้ว ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปล่ะก็ จะไม่มีอีกแล้วนะ!” เอริคพูดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่ายไปมาอย่างยียวน
“ดาวเคราะห์? นายมีดาวเคราะห์เป็นของตัวเองจริง ๆ เหรอ?” แครอลมองเอริคด้วยสายตาสงสัย เพราะไม่ว่าจะดูยังไง เขาก็ไม่เหมือนเศรษฐีเจ้าของดาวเคราะห์ส่วนตัวเลย
“ไม่ใช่ว่าฉันเป็นเจ้าของ แต่ฉันบังเอิญรู้ตำแหน่งของดาวเคราะห์ที่ไม่มีเจ้าของอยู่ จะแลกไหมล่ะ?”
“ดาวเคราะห์ไม่มีเจ้าของ?” แครอลขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ฉันต้องไปดูดาวเคราะห์นั้นก่อน แล้วก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากพวกสกรัลล์ด้วย”
“งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ? รีบกลับโลกกันเถอะ!” พูดจบเอริคก็เตรียมตัวบินออกจากช่องแยกของยาน แต่บินไปได้ไม่กี่เมตร เขาก็หยุดกึกแล้วกลับไปที่คอนโซลของยานเพื่อเปิดโหมดล่องหน
“นายอ่านภาษา ครี ออกด้วยเหรอ?”
เอริคยิ้มอย่างมีเลศนัย “ฉันเป็นคู่ปรับของพวกมันมานานแล้ว!”
. . .
เมื่อกลับมาถึงโลก พวกเขาทั้งสองก็ตามหาฟิวรี่และกลุ่มของเขาที่บ้านของมาเรียจนเจออย่างรวดเร็ว
“เฮ้ เพื่อนตาเป็นอะไรน่ะ?” เอริคถามพลางมองรอยข่วนที่ตาของฟิวรี่ทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวก็หายเอง” ฟิวรี่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แสดงออกว่าในฐานะสายลับที่ผ่านศึกมาโชกโชน แค่นี้ไม่สะเทือนเขาหรอก
เอริคส่ายหัวแต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขารู้ดีว่าแผลจากการติดเชื้อของแบคทีเรียที่มาจาก เจ้าแมวส้ม อาจถึงขั้นที่แม้แต่วาคานด้าก็ไม่อาจรักษาได้ บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรม ทำให้ไข่ต้มคนนี้ต้องกลายเป็นไข่ต้มตาเดียวไปตลอดชีวิต
“แล้วแกนพลังงานอยู่ไหน?”
“อยู่ในท้องของเจ้าหนูนี่ไง” ฟิวรี่ตอบเสียงเรียบ ราวกับลืมความเจ็บปวดไปแล้ว ถึงแม้เจ้าแมวตัวนี้จะเพิ่งข่วนตาเขา แต่เขาก็ยังอุ้มมันขึ้นมาแล้วลูบไล้แก้มตัวเองอย่างรักใคร่
“เอ่อ มันกินเข้าไปจริง ๆ เหรอ?” เอริคอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะเขาต้องการมันด่วนมาก
“ถ้านายรีบจริง ๆ ก็ลองทำให้มันอาเจียนออกมาสิ แบบที่เห็นในทีวีไง” ทาลอสที่กำลังนั่งดูทีวีกับลูก ๆ บนโซฟาเสนอไอเดียขึ้นมา
เอริคทำตาเป็นประกาย แต่ฟิวรี่กลับดูร้อนรน เขากอดแมวสีส้มแน่นแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว คล้ายจะปกป้องเจ้านายของตัวเอง
แต่เจ้าแมวไม่สนใจมันกระโดดลงจากอ้อมแขนของฟิวรี่ และเดินตรงมาที่เอริค
เอริคมองมันด้วยความระแวง คอยจับตาดูว่ามันจะอ้าปากปล่อยหนวดออกมาหรือเปล่า
เจ้าแมวส้มนั่งลงยอง ๆ ตรงหน้าของเอริค และเอียงคอจ้องมองเล็กน้อย ก่อนที่คอของมันจะขยับขึ้นลงและคายลูกบาศก์สีฟ้าออกมา
เทสเซอร์แร็ค!
อัญมณีอวกาศ!
เอริคไม่สนว่ามันสกปรกแค่ไหน และรีบหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะสะบัดเมือกที่ติดอยู่ และถือขึ้นมาดูใกล้ ๆ ด้วยความตั้งใจ
แครอลและมาเรียที่กำลังคุยกันอยู่ไม่ไกลก็หันมามองแสงสีฟ้าที่ส่องประกายออกมาจากเทสเซอร์แร็คเช่นกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเอริคจะทำอะไรต่อไป
เอริคจ้องเทสเซอร์แร็คอยู่นาน ก่อนจะหลับตาลง ทันใดนั้นพลังเหนือธรรมชาติของเขาก็ส่องประกายเปลี่ยนรูปร่างไปมาหลายร้อยครั้ง หลังจากนั้นเอริคก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“ทุกคน สนใจไปเที่ยวดาวเคราะห์ต่างดาวกันหน่อยไหม?”
โปรดติดตามตอนต่อไป …