ตอนที่ 380: พันธสัญญา
เมื่อซิวหุ้ยส่งสัญญาณ อากุ้ยก็คุกเข่าลงและก้มกราบไอร่า
“ข้าขอโทษสำหรับสิ่งที่บิดาของข้าได้กระทำ”
ไอร่าไม่ชินกับการที่มีคนมาคุกเข่าให้ แต่เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอต้องแสดงท่าทีที่สง่างามเพื่อไม่ให้คนอื่นมองข้ามเธอ
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คนที่เจ้าต้องขอโทษคือไม้ศักดิ์สิทธิ์และนักบุญหญิง ไม่ใช่ข้า”
อากุ้ยตอบว่า “ท่านคือผู้แทนของไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้”
!!
“ถ้าข้าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ข้าคงไม่มีวันให้อภัยเจ้า”
อากุ้ยกล่าวขอโทษอีกครั้ง “เป็นความผิดของพวกเรา ขอเพียงท่านให้อภัย พวกเรายินดีทำทุกอย่าง”
“ถ้าข้าสั่งให้เจ้าขุดศพเขึ้นมาแล้วโบย เจ้าจะยอมไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อากุ้ยเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะโต้กลับอย่างโกรธเกรี้ยว “บิดาของข้าตายไปแล้ว แค่นี้ยังไม่เพียงพอหรือไง? ทำไมท่านถึงไม่สามารถปล่อยศพของเขาไปได้?!”
ความสงบของเขาหายไปในทันที และเขากลับไปเป็นเด็กหนุ่มใจร้อนและเงอะงะเหมือนเดิม
ซิวหุ้ยรีบกดไหล่อากุ้ยและพูดเบา ๆ “ใจเย็นไว้!”
แต่อากุ้ยสะบัดมือเธอออก “ข้ารู้ว่าบิดาของข้าทำผิด ข้ายินดีรับผลที่ตามมาทั้งหมดแทนเขาและยอมรับการลงโทษใด ๆ แต่ไม่ใช่การดูถูกศพของเขา!”
เขายังคงโกรธจัดในตอนนั้น เขาลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดัง “ข้าจะสู้กับใครก็ตามที่กล้าจับต้องศพของบิดาข้า!”
ซิวหุ้ยดึงข้อมือเขาไว้ “เจ้าลืมสิ่งที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วหรือ?!”
อากุ้ยดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่งและเงียบไป แต่เขายังคงเชิดหน้า ไม่มีทีท่าว่าจะก้มหัวหรือต่อรอง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ฟัง ซิวหุ้ยจึงหันไปพูดอย่างช้า ๆ “อากุ้ยยังเด็กและใจร้อน ได้โปรดอย่าถือสาเขาเลย”
ไอร่าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ารู้ เขาใจร้อนจริง ๆ มิฉะนั้นเขาคงไม่ทำให้บิดาของเขาโกรธในตอนนั้น”
เมื่อได้ยินไอร่าพูดถึงบิดา อากุ้ยก็หวนคิดถึงอดีต ดวงตาแดงก่ำ และรู้สึกเจ็บปวดยิ่งขึ้น
ไอร่ากล่าวช้า ๆ “ถ้าเจ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ในตอนนั้น เจ้าจะยังทำมันอยู่ไหม?”
อากุ้ยกำหมัดแน่น “ข้ายอมรับว่าตอนนั้นข้าไร้เดียงสา แต่ตอนนี้ข้ายินดีเปลี่ยนแปลง!”
“เปลี่ยนแปลง?” ไอร่าหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้ายินดีให้โอกาสเจ้า”
ทั้งอากุ้ยและซิวหุ้ยตกตะลึง
ไอร่ากล่าว “เจ้าเคยได้ยินชื่อเมย์เน่ไหม?”
อากุ้ยดูสับสน
ซิวหุ้ยตอบ “ข้าเคยได้ยิน เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการของหอการค้าใบไม้ทองคำ”
ไอร่าพยักหน้า “ใช่ เมย์เน่ได้ตั้งสาขาอยู่ที่ภูเขาหิน ทุกเดือนเขาจะพากลุ่มพ่อค้าเดินทางระหว่างภูเขาหินกับเมืองสุริยะ พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในนามพ่อค้าเดินทาง อากุ้ย เจ้าไปเข้าร่วมกับเมย์เน่ ข้าจะให้เวลาเจ้าหกเดือนเพื่อเรียนรู้และฝึกฝนตัวเอง เมื่อเจ้าสามารถทำการค้าสำเร็จด้วยตัวเองในวันหนึ่ง ข้าจะรับผิดชอบแทนบิดาของเจ้า”
ซิวหุ้ยยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย การเป็นพ่อค้าเดินทางนั้นยากและน่าเบื่อ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่จะพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทาง
ถึงแม้จะมีพ่อค้าที่ช่ำชองอย่างเมย์เน่เป็นผู้นำ ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
แต่อากุ้ยไม่ได้คิดมาก เขาตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล “ได้! ข้าจะต้องทำสำเร็จแน่นอน!”
ไอร่าเอาม้วนสัญญาขั้นต้นออกมาอีกม้วน “ข้าไม่ชอบคำสัญญาที่ว่างเปล่า เซ็นสัญญานี่ซะ”
เธอเขียนรายละเอียดลงไป ระบุเส้นตาย และระบุว่ากำไรที่ได้จากการค้าต้องไม่น้อยกว่า 50 ผลึกระดับกลาง
ซิวหุ้ยขมวดคิ้ว “อากุ้ย เจ้าน่าจะคิดให้รอบคอบก่อน…”
“ข้าคิดดีแล้ว!” อากุ้ยรีบประทับตราลงบนม้วนสัญญา “แค่การเดินทางไปค้าขาย มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า!”
ไอร่าเก็บม้วนสัญญาและยิ้ม “เป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มสาวมีความทะเยอทะยาน”
ซิวหุ้ยถอนหายใจ ในตอนนี้เธอทำได้เพียงพูดกับอากุ้ยว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะอดทนและไม่ล้มเลิกกลางคัน”
อากุ้ยเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้าจะทำสำเร็จ ไม่ต้องห่วง!”
ขณะที่ซิวหุ้ยอ่านข้อความบนม้วนสัญญา
ข้อความนั้นแปลกประหลาด เธอไม่น่าจะอ่านออกได้ แต่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เธอสามารถเข้าใจความหมายของมันได้
ม้วนสัญญานี้ช่างวิเศษจริง ๆ!
เธอกดลายนิ้วหัวแม่มือลงบนม้วนสัญญา
ตัวอักษรบนม้วนสัญญาส่องแสงสีหม่น และลวดลายมงกุฎหนามปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
สัญญามีผลอย่างเป็นทางการ!
ไอร่าเก็บม้วนสัญญา มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว!
บุหรงเปิดไหเหล้าและรินไวน์ผลไม้ให้ทุกคนคนละชาม “มา ฉลองการเข้าร่วมของเผ่าไม้ศักดิ์สิทธิ์กัน!”
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ลิ้มรสไวน์ผลไม้ รสชาติในปากดูแปลกไปในตอนแรก แต่หลังจากดื่มไปสองสามอึก พวกเขากลับรู้สึกว่าไวน์ยิ่งดื่มยิ่งอร่อย
ซิวหุ้ยหรี่ตาเล็กน้อย “นี่คือไวน์ผลไม้หรือ? ข้าเคยเห็นหอการค้าใบไม้ทองคำขายมันในเมืองหมื่นอสูรก่อนหน้านี้ คาดว่าไวน์เหล่านั้นก็คงเอามาจากภูเขาหินใช่ไหม?”
ไอร่าพยักหน้า “ใช่”
“ไวน์ผลไม้พวกนั้นเป็นที่นิยมมากในเมืองหมื่นอสูร ตอนนี้หอการค้าใบไม้ทองคำคงขายมันในราคาที่สูงลิบลิ่ว ครอบครัวจิ้งคงได้เงินไปมากมายแน่ ๆ”
ไอร่ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นั่นแหละเหตุผลที่ข้าให้โอกาสอากุ้ยเรียนรู้การทำธุรกิจ เมื่อเขาสามารถค้าขายได้ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่ต้องพึ่งหอการค้าใบไม้ทองคำอีกต่อไป และยังสามารถนำสินค้ามาขายในเมืองอสูรต่าง ๆ เพื่อหาเงินได้มากขึ้นด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซิวหุ้ยอดไม่ได้ที่จะดูเป็นกังวล “ข้ากลัวว่าอากุ้ยจะยังเด็กเกินไปและอาจลำบากเมื่ออยู่ข้างนอก”
อากุ้ยรีบแย้งเสียงดัง “อย่าทำเหมือนข้าเป็นคนโง่ได้ไหม? ข้าฉลาดมาก ข้าจะไม่ยอมเสียเปรียบหรอก!”
ไอร่ากล่าวเสริม “คนหนุ่มสาวควรออกไปเปิดโลกกว้าง เมื่อเขาได้ลิ้มรสความลำบากแล้ว เขาจะรู้ตัวเองว่าตอนนี้เขายังเด็กแค่ไหน”
อากุ้ยทำหน้าบูด “ใครว่าข้าเด็กกัน?!”
ซิวหุ้ยตบหลังศีรษะเขาเบา ๆ “หยาบคาย เจ้าต้องพูดกับท่านไอร่าอย่างสุภาพ!”
อากุ้ยยกมือจับหัวตัวเองและพึมพำ “เลิกตีหัวข้าได้ไหม? หัวของอสูรตัวผู้ไม่ควรให้ใครแตะนะ!”
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าก็ต้องตีเจ้า!”
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ทำไมข้าต้องเชื่อฟังด้วย?!”
…
ชางกู่และบุหรงยกชามชนกัน จากนั้นก็พูดคุยพลางดื่มไปอย่างช้า ๆ
ทั้งสองคนคอแข็งมาก หลังจากดื่มไวน์ผลไม้หมดไปหนึ่งไหก็ยังไม่เมา
หลังจากกินดื่มจนอิ่ม บุหรงก็อุ้มไอร่าไปยังที่พักสะอาดเพื่อให้นอนพักผ่อน
เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา เขาก็พาไอร่ากลับบ้าน
ซิวหุ้ยและเผ่าไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ติดตามไปด้วย
เมื่อกลับถึงบ้าน ไอร่าก็สั่งให้คนไปจัดห้องว่างในที่พักชั่วคราวทันที เมื่อเผ่าไม้ศักดิ์สิทธิ์มาถึง พวกเขาจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ได้
ตามกฎของเผ่าหมาป่าหิน เผ่าไม้ศักดิ์สิทธิ์จะต้องอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือน และพวกเขาจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่บนภูเขาหินได้อย่างเป็นทางการเมื่อพวกเขาสะสมคะแนนงานได้เพียงพอ